ปอ อรรณพ เปิดใจครั้งแรกเล่านาทีชีวิตหวิดดับคาเครื่องบิน

รอดชีวิตมาได้หวุดหวิด นักร้องเอว 4 G “ปอ อรรณพ” หลังเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา เวลา 11 โมง “ปอ” เดินทางไปสนามบินดอนเมือง เพื่อไปทำงานที่ จ.เชียงราย ขณะเครื่องบินเทคออฟขึ้นไปได้ 15-20 นาที ปรากฎว่า มีเสียงระเบิดดึงขึ้น เครื่องยนต์ฝั่งขวามีไฟลุกไหม้ จนกัปตันต้องนำเครื่องลงฉุกเฉิน โดย หนุ่มปอ อัดคลิปขณะอยู่ในห้องโดยสาร ที่แอร์โฮสเตสและสจ๊วต กำลังเข้าให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารที่เป็นลม พร้อมเขียนข้อความระบุว่า “ทุกคนน เกือบตาย เครื่องระเบิดไฟลุกกลางอากาศ ตอนนี้กัปตันพาลงที่ดอนเมืองละครับ เครื่องด้านขวาระเบิดใช้งานไม่ได้ตอนอยู่บนฟ้าเป็นลมกันเกือบทั้งลำ”


ล่าสุด (4 ธ.ค. 66) เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา “ปอ อรรณพ” เปิดใจกับไนน์เอ็นเตอร์เทนว่า “ถือเป็นวินาทีเฉียดตายครั้งแรกในชีวิตกับการเดินทางโดยเครื่องบิน ตอนที่เกิดเหตุขึ้น เจ้าตัวรู้สึกตกใจมาก และแพนิคทำอะไรไม่ถูก คนในห้องโดยสารต่างก็ตกใจ เป็นลมและอาเจียนอยู่หลายคน ทาง ปอ เอง พอรู้ว่าเกิดไฟลุกไหม้อย่างต่อเนื่องถึง 3 ครั้ง ยิ่งทำให้ตกใจใหญ่ แต่ ปอ ก็พยายามควบคุมสติให้ได้มากที่สุด คิดถึงเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต เพราะตนเชื่อว่าหากจิตสุดท้าย คิดในสิ่งที่ดีเราจะไปเกิดในภพภูมิที่ดี รวมถึงคิดถึงหน้าพ่อ-แม่ และจับโทรศัพท์เตรียมถ่ายคลิปสั่งเสียพ่อ-แม่แล้วด้วย แต่อีกใจก็คิดว่ายังพอมีชีวิตรอดกลับไปแน่นอนและพอกัปตันนำเครื่องมาลงที่สนามบินดอนเมืองได้สำเร็จ ผู้โดยสารทุกคนต่างดีใจยกใหญ่ และ ปอ โทรบอกรักคนในครอบครัวทันที เหตุการณ์นี้ทำให้ได้เรียนรู้ว่า หากจะทำอะไรก็ต้องรีบทำเพราะไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิต เจ้าตัว เล่าอีกว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ได้ทำบุญใหญ่ ร่วมกฐินแบบไม่ต้องคิด เพราะมองว่านี่คือการตายแล้วฟื้นจึงต้องทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลให้กับตัวเอง ถึงแม้ตอนนี้ยังรู้สึกกังวลกับการขึ้นเครื่องบินอยู่บ้าง แต่คิดว่ายังสามารถขึ้นเครื่องได้สบาย เพียงต้องเช็กเครื่องให้ดีเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง”

ส่วนคำวิจารณ์ด้านลบของชาวเน็ตทำนองที่ว่าคอมเมนต์ชาวโซเชียลที่เข้าไปบอกว่าสิ่งที่ ปอ เล่าดูโอเว่อร์เกินไป หาว่าสร้างเรื่อง รวมทั้งข้อความเชิงสอนว่าไม่รู้เหรอว่าเครื่องบินมีเครื่องสำรอง 2-3 เครื่อง หากเครื่องหนึ่งเกิดปัญหา ก็ยังประคองบินต่อไปได้ ซึ่ง ปอ มองว่า “หากให้ความรู้เจ้าตัวก็พร้อมน้อมรับ แต่ให้ความรู้ด้วยการแซะ มันดูไม่น่ารัก อยากให้เปลี่ยนความคิด ให้เห็นใจคนที่อยู่ในเหตุการณ์ นึกถึงใจเขาใจเรา จะทำให้โลกน่าอยู่ขึ้น” .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 226 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม