“หนิง” ให้อภัยคู่กรณี หลังอีกฝ่ายสำนึกผิด ขอโทษผ่านโซเชียล – ผ่อนจ่ายค่าเสียหาย 3 ล้านภายใน 4 ปี ตอบแบบไม่แอ๊บ “ไม่พอใจแต่รับได้!”

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ 4 ต.ค.2566 ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ย่านจตุจักร ได้มีการนัดไกล่เกลี่ยครั้งที่ 3 คดีที่นางร้ายสุดแซ่บ “หนิง ปณิตา พัฒนาหิรัย” ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากบุคคลที่ 3 ที่เข้ามาทำให้ชีวิตครอบครัวของ “หนิง” และ อดีตสามี “จิน จรินทร์ ธรรมวัฒนะ” พัง หลังมีภาพ “จิน” กับสาวรายดังกล่าวบินไปกินข้าวด้วยกันที่ฮ่องกง ก่อนที่ “หนิง” จะออกมายอมรับว่าครอบครัวมีปัญหาจริง อยู่ระหว่างแก้ไขปัญหา แต่สุดท้ายเรื่องราวก็จบลงด้วยการ”หย่า”


โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาคู่กรณีของ “หนิง” เดินทางมาถึงศาลเพื่อไกล่เกลี่ยตามนัด ก่อนที่ “หนิง” และทนายความส่วนตัวจะเดินทางมาถึง ซึ่งก็เจอกันทั้งทั้งคู่วันนี้ ถือเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งแรกนับตั้งแต่ที่มีคดีความกันมา หลังไกล่เกลี่ยกันมาทั้งวัน ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ศาลมีคำสั่งให้สาวบุคคลที่ 3 อัดคลิปขอโทษ “หนิง” โพสต์ลงในโซเชียลมีเดียของตัวเอง ซึ่งสาวคู่กรณีของ “หนิง” ได้ทำการโพสต์คลิปขอโทษ “หนิง” ลงอินสตาแกรมส่วนตัวตามคำสั่งศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ “หนิง” เปิดใจกับสื่อหลังเสร็จสิ้นการไกล่ไกล่ว่า “จริง ๆ วันนี้เป็นการนัดสืบพยาน แต่ทางศาลขอไกล่เกลี่ย ซึ่งใช้เวลาไกล่เกลี่ยยาวนาน ทั้งนี้ศาลก็เมตตาพิจารณาว่าสิ่งที่เราและคู่กรณีควรทำควรเป็นยังไง ให้มาเจอกันตรงกลางที่ดีที่สุด ส่วนตัวมองว่าถ้าได้ไกล่เกลี่ยกันตั้งแต่แรก อาจจะได้รู้เรื่องราวอะไรหลาย ๆ อย่างเร็วขึ้น หลายเรื่องที่รับฟัง ซึ่งฟังแล้วรู้สึกเห็นใจคู่กรณีในฐานะที่เป็นลูกผู้หญิงเหมือนกัน หนิงเคยให้สัมภาษณ์ตั้งแต่วันแรกแล้วว่าถ้ามันมีความเข้าใจกันจริง ๆ จำนวนเงินไม่ได้มีความสำคัญกับหนิงเท่ากับเวลาที่เราทำผิดแล้วยอมรับว่าผิด และแก้ไข ถ้าสิ่งนั้นหนิงรับรู้ด้วยใจ มันจะจบลงด้วยการประนีประนอมที่ดี และการไกล่เกลี่ยของเราก็จบลงด้วยดี น้องเขายินดีที่จะลงขอโทษหนิง ซึ่งเขาก็ทำเรียบร้อยแล้ว และมีข้อตกลงกัน แต่ไม่ขอลงรายละเอียด ซึ่งเป็นกระบวนการที่ศาลพิจารณา ศาลก็สอนว่าสิ่งที่เราต้องการต้องดูว่าคู่กรณีทำได้แค่ไหน เอาให้มันพอเหมาะพอควร ถามว่าหนิงพอใจไหม ตอบแบบไม่ต้องแอ๊บอาจจะไม่พอใจถึงที่สุด แต่ก็เป็นสิ่งที่หนิงรับได้ และรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ดี การสู้กับใครไม่รู้กับการสู้กับทิฐิที่อยู่ในใจ สู้กับการที่เป็นตัวเรา ถ้าเราก้าวผ่านตรงนี้ไปได้ ก็จะก้าวผ่านชีวิตไปอีกสเต็ปหนึ่ง เราอาจจะไม่ต้องได้ในสิ่งที่เราต้องการทุกอย่าง และเป็นการเปิดทางให้น้องเขาได้มีโอกาสใช้ชีวิตต่อไป ไม่อยากให้ใครไปว่าอะไรเขาแล้ว ในเมื่อเขารู้แล้วว่าเขาทำผิดและอยากจะแก้ไข เราก็จะเปิดทางให้เขาได้แก้ไข สิ่งที่หนิงพยายามทำให้ดีที่สุดคือการใช้สติ เอาเหตุและผลมาคุยกัน ถ้าฟังในเหตุผลบางเหตุผลก็จะไม่ได้โทษคนเขาคนเดียวซะทั้งหมดเมื่อในฟังในบางเหตุผล เมื่อเราลดเพดานลงแล้วฟังเขา ก็ได้รู้ว่าเขาไม่ได้ผิดซะทั้งหมด แต่เขาก็ยอมรับว่าเขาพลาด ตอนเจอกันแรก ๆ หนิงยอมรับว่าพูดตรง ตรงจนเขากลัว แต่ก็ยังดีที่รับความตรงของหนิงได้เร็ว และพยายามคิดทุกอย่างได้เร็ว มันเลยจบ เพราะหนิงพูดตรง ๆ ว่าหนิงต้องการความจริงใจ ความสำนึกผิดในการขอโทษ ซึ่งเขาก็ทำในส่วนของเขาได้ดีมาก ๆ

วินาทีที่ได้เจอกันครั้งแรก ยอมรับว่ามือสั่นเบา ๆ จะปฏิเสธว่าไม่โกรธ ไม่รู้สึกอะไรก็จะดูแอ๊บเกินไป แต่ก็พยายามตั้งสติ ถามว่าคำไหนของเขาที่ทำให้ใจอ่อน เพราะเราตั้งธงมาแต่แรก จริง ๆ หนิงไม่ได้ตั้งธงมาว่าจะไม่ยอม แต่จะมีเลเวลว่าถ้าไกล่เกลี่ยกันได้จะยอมประมาณนี้ แต่ถ้าคุยกันเข้าใจมากขึ้นก็จะยอมประมาณนี้ แต่มันก็ไม่ใช่เลเวลที่เราพึงพอใจแต่มันพอรับได้ คนเราถ้ารู้ตัว่าทำผิดแล้วยอมแก้ไข แล้วควรที่จะให้อภัยเขา มันทำยากมาก หนิงต่อสู้กับความรู้สึกในใจมาตลอด แต่ ณ วันนี้เราต้องทำ วันนี้หนิงให้อภัย และได้ฟังคลิปที่เขาขอโทษแล้ว เราอยู่กันตั้งแต่เช้ายันเย็นทราบรายละเอียดมากกว่าที่เขาพูดในคลิป ก็รู้สึกเห็นใจเขา ตัวเขาเองก็กลัวว่าเมื่อเขาโพสต์ขอโทษหนิงลงไปแล้วจะมีฟีดแบ็กอะไรกลับมาถึงตัวเขา หนิงได้แต่พูดกับเขาว่ามันคือสิ่งที่เราทำ เราต้องยอมรับมัน และเขาก็รับปากหนิงว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ถ้าเขาแก้ไขแล้วก็ควรชื่นชม เพราะถ้าเราไปซ้ำเติมเขาอยู่เรื่อย ๆ ชีวิตเขาจะเป็นยังไง คนเราไม่มีใครไม่เคยทำผิด ซึ่งการโพสต์คลิปขอโทษโดยไม่ลบ น้องเขาขอไว้ที่ 1 ปี ส่วนคดีความของหนิงกับน้องตอนนี้ถือว่าจบแล้ว เพราะหนิงบันทึกยอมความให้ สำหรับตัวเลขน้องก็รับผิดชอบในส่วนที่ควรรับผิดชอบในระยะเวลา 4 ปี ค่อย ๆ ทยอยจ่าย ตัวเลขที่ตั้งไว้คือ 10 ล้าน แต่ให้น้องจ่าย 3 ล้านบาทภายใน 4 ปี รวมถึงกรณีที่น้องจะฟ้องหนิงในคดีอาญาฐานที่เปิดหน้าน้อง ก็จบลงเหมือนกันค่ะ เรื่องนี้เขาคุยกับหนิงว่าเขาไม่ได้มีความรู้อะไร เขาบอกเขากลัวหนิง เขาไม่รู้จะใช้วิธีไหน เขาไม่รู้เรื่องกฏหมาย ฟังสิ่งที่ทนายพูดมา ถามว่าหนิงเปิดหน้าเขา หนิงผิดไหม หนิงยอมรับว่าหนิงเองก็ผิด แต่วันนั้นด้วยเหตุผลจริง ๆ คือหลานหนิงโดนเข้าใจผิดว่าเป็นภรรยาน้อย แล้วเรื่องแบบนี้กับเยาวชนที่เรียนโรงเรียนอินเตอร์มันเซนซิทีฟมาก ๆ แล้วกับเด็กสมัยนี้จะให้มีปมไม่ได้ เพราะเราไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอีก เจตนาเราคือต้องการปกป้องหลาน เพราะครอบครัวเราสร้างปัญหาให้ครอบครัวเพื่อน ไม่ได้มีเจตนาอื่น แล้วรู้นี้ก็มีอยู่ในโวเชียลแต่ถูกคาดตาเอาไว้ ไมได้เอาอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่ในโซเชียลมี และในโซเชียลเองก็ไม่ได้คาดตาด้วย”


“ส่วนที่หลายคนมองว่าสิ่งที่ทำคือการปกป้องศักดิ์ศรีเมียหลวง อย่าใช้คำว่าศํกดิ์ศรีเลยมันดูเหมือนเรามีอีโก้ แต่สิ่งที่หนิงทำคือเราจะไม่ปะทะกับปัญหาเอง เรามีกฏหมายเราก็แค่ใช้กฏหมายจัดการ ซึ่งหนิงคิดไม่ผิด เพราะทุกอย่างจบออกมาค่อนข้างสวยมาก ๆ ทั้งตัวหนิงเองและตัวน้องเขาด้วย สิ่งที่น้องพูดหนิงว่ามันดีนะ มันให้บทเรียนหลายอย่างว่าเราอย่าเชื่อภาพที่เห็นกับสิ่งที่เป็น ส่วนคำพูดในคลิปของน้องที่อาจจะทำให้ทัวร์ไปลงที่จิน เพราะดูเป็นคนไม่รักษาคำพูด ตอบยากจังเรื่องนี้ แต่อย่างที่บอกว่าทุกปัญหาถ้าเราทำตาที่เราตกลง รักษาคำพูดและมีความรับผิดชอบ ปัญหามันก็จะไม่เกิดขึ้น ส่วนที่หลายคิดคาดเดาว่าในห้องพิจารณาคดีมีการกอดกันหรือเปล่า คือน้องเขาร้องไห้หนักมาก หนิงก็เดินไปตบบ่าเขา ไปปลอบเขาว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป นี่คือบทเรียนหนึ่ง แค่ขอให้รู้ว่าถ้าอินเนอร์เราผิดจริงเราก็แค่ยอมรับผิดและแก้ไขแค่นั้นเอง ไม่มีอะไรยาก ถ้าเขาก้าวผ่านมันได้ ถ้าเขาผ่านวันนี้ไป แล้วพรุ่งนี้ยังมีคนด่าเขาอยู่ แต่เชื่อว่าพรุ่งนี้เขาจะมีรอยยิ้มมากขึ้น เพราะมันไม่ได้อยู่ในอกเขาแล้ว

ถามว่ามันเป็นการปลดล็อกเราด้วยไหมกับการที่เราเดินไปปลอบคนที่ทำให้เราสูญเสีย หนิงไม่รู้ ความรู้สึกนั้นคือความรู้สึกที่หนิงอยากทำสิ่งนั้น ไม่ได้เสแสร้ง ทั้งหมดทั้งมวลมันทำให้หนิงโตขึ้นไปอีกสเต็ปหนึ่ง อย่ามองว่ามันคือศักดิ์ศรี บางครั้งการแก้ปัญหาด้วยการสื่อสารและเหตุผล มันได้ฆ่ากันตายเหมือนในข่าว น้องบอกว่าเหตุผลที่นัดครั้งแรก ครั้งสอง ไม่มา เพราะเขาทำตัวไม่ถูก ส่วนตัวหนิงถามว่าวันนี้สบายใจขึ้นไหม หนิงโอเคมาพักหนึ่งแล้ว เพราะได้พูดทุกอย่างที่ได้เก็บไว้ หลังจากที่ต้องคอยโกหกทุกคน ซึ่งมันเป็นสิ่งที่หนิงไม่สบายใจเลย ส่วนนามสกุลตอนนี้กลับมาใช้ “พัฒนาหิรัญ” แล้ว แต่เอกสารยังไม่เปลี่ยน เพราะยังไม่มีเวลาไปทำ.-ไนน์เอ็นเตอร์

เข้าชม 5,375 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม