“มาตัง เดอะสตาร์ 11” ร่ำไห้เป็นพยานให้ “สไมล์” ไม่ใช่เด็กเลี้ยงแกะ เผยเคยถูกคุกคามจากคนเดียวกัน ใช้ชีวิตไม่มีความสุขแม้แต่วันเดียว

จากกรณีที่นักร้องนักแสดงสาว “สไมล์ ภาลฎา”หรือ “สไมล์ เดอะสตาร์” ออกมาเล่าแผลในใจทั้งน้ำตาซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หายหน้าไปจากวงการนานหลายปี ในรายการ De-Talk ของพี่น้องบ้านเดอะสตาร์อย่าง “ตั้ม วราวุธ” และ “โดม จารุวัฒน์” ระบุว่าในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย มีผู้จัดการของดาราสาวคนหนึ่ง เอารายงานของดารามาให้ “สไมล์” ช่วยทำให้ ทั้งที่ตัวเองก็มีงาน ทั้งยังโดนผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า “แม่” คุกคาม คิดเชิงชู้สาว เล่าใครก็ไม่มีใครเชื่อ ทำให้กลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะ ทำให้ชีวิตในวงการบันเทิงเป๋ไป กลายเป็นโรคซึมเศร้า และเกือบคิดลาโลก ต่อมาเพื่อนร่วมบ้านเดอะสตาร์อีกคนอย่าง “มาตัง ระดับดาว” ได้ออกมาไลฟ์สดผ่านอินสตาแกรมยืนยันว่าสิ่งที่ “สไมล์” พูดเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องโมเมขึ้นมา เพราะ “มาตัง” เอง ก็โดนผู้ใหญ่คนเดียวกันที่มีหน้ามีตา มีตำแหน่งในค่ายที่เคยสังกัด คุกคามชีวิต จนชีวิตไม่มีความสุขเลย กลายเป็นคนวิตกจริต สิ่งที่โดนทำให้หลอน เครียดถึงขั้นอยากฆ่าตัวตายมาแล้ว


โดย “มาตัง” เล่าว่า ตนเองและ “สไมล์” โดนกระทำจากผู้จัดการคนเดียวกันตอนอายุ 15 เหมือนกัน ด้วยความที่ “สไมล์”เป็นเด็กต่างจังหวักต้องเข้ามาทำงานกรุงเทพคนเดียว ทำให้ต้องอาศัยอยู่กับผู้จัดการคนนั้น ซึ่ง “สไมล์” นับถือเหมือนแม่ แต่กลับคิดกับ “สไมล์” ในเชิงชู้สาว แต่ตรงนี้ “มาตัง” ไม่ขอลงรายละเอียด ไม่เอ่ยชื่อ ยกให้เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ไปจัดการจัดกันเอง “มาตัง” ระบุว่าตนเองไม่ได้ถูกคุกคามทางเพศ แต่ถูกคุกคามชีวิตส่วนตัวตลอด 3 ปี พอเริ่มมีแฟนเป็นผู้ชายตอนเรียน ม.ปลาย พี่คนนี้เข้ามายุ่งวุ่นวาย เช็กแชต บอกให้เลิกกัน ตามไปเฝ้าที่หน้าโรงเรียนตั้งแต่เช้า บุกเข้ามาในโรงเรียนตอนค่ำในช่วงที่ซ้อมกีฬา หนักจนถึงขั้นแอบตามไปที่โรงหนังที่ตนไปกับแฟน ขอภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าโรงหนังที่มีภาพตอนซื้อตั๋วหนัง มีแม้กระทั่งข้อมูลการโทรของตน และเคยไปหายายของแฟนหนุ่มของตนเพื่อบอกให้หลานชายเลิกคุยกับตน ไม่งั้นจะฟ้องตำรวจข้อหาเป็นแฟนคลับที่คอยตาม จนสุดท้ายมาตังก็เลิกรากับแฟนผู้ชายคนนั้น ตามฟอลโลว์เพื่อนของตน รู้จักเพื่อนตนทุกคน ทำให้ตนไม่กล้าที่จะเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง เพราะกลัวเพื่อนจะไปเล่าให้พี่คนนี้ฟัง เข้ามายุ่งวุ่นวายกับผู้ชายทุกคนที่เข้ามาในชีวิต แอบตามแอบเก็บข้อมูลจนตนรู้สึกระแวะ ไม่มีความสุขในการร้องเพลงหรือทำอะไรในชีวิต จากที่เคยชอบร้องเพลง กลายเป็นเกลียดการร้องเพลง ทุกครั้งที่รู้ว่ามีงาน ตนไม่มีพลังไม่อยากทำงาน ขอไม่ออกงานได้ไหม ขอนอนอยู่เฉยๆ ได้ไหม เพราะกว่าเราจะผ่านแต่ละวันมาได้ เราคิดว่าเมื่อไหร่เราจะตาย (ร้องไห้) จะกระโดดคอนโด คิดว่าถ้าไม่มีเราก็น่าจะจบ แม้จะผ่านมา 8-9 ปีแล้ว แต่สิ่งที่โดนทำให้เรากลายเป็นคนวิกลจริต เวลาไปเดินห้างไปเที่ยว ต้องคอยดูว่าพี่เขาเดินมาไหม พี่เขาคอยแอบดูหรือเปล่า ทั้งที่ผ่านมานานมากแล้ว ใช้ชีวิตไม่มีความสุขเลยสักวันเดียว

“มาตัง” เล่าต่อว่าเคยบอกพ่อแม่ถึงที่เจอ แต่ด้วยความที่ตอนนั้น ตนอยู่กับญาติที่กรุงเทพฯ พ่อกับแม่ไม่ผิดที่จะไว้ใจผู้ใหญ่ที่โคตรน่านับถือ เข้ามาดูแลเรา บางเหตุการณ์เขาก็พูดอะไรมากไม่ได้เพราะไม่ได้อยู่ข้าง ๆ เรา ทำให้เรากับพ่อแม่แทบไม่สนิทกันเลย เพราะรู้สึกว่าพูดอะไรไปเหมือนเด็กโกหก ไม่น่าเชื่อถือ ต่างจากเขาที่พูดอะไรก็น่าเชื่อถือ ตนไม่เคยคุยกับผู้ใหญ่สักคน แต่ “สไมล์”เข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ แต่ผู้ใหญ่ไม่เชื่อ มีเหตุการณ์นึงที่แม่ทักมาหาว่าไหวไหม กลับบ้านไหม ตอนนั้นตนน้ำตาแตก ดีใจมาก กลับเลย จองตั๋วด่วน แต่เซอร์ไพรส์ตรงที่พี่คนนั้นเขากลับบ้านไปกับตนด้วย แต่ความที่เหตุการณ์เริ่มแดง ตนไม่โอเค ตังไปสนามบินก็ไม่คุยกัน ขึ้นเครื่องลงเครื่องก็ไม่คุยกัน จนพ่อแม่มาที่สนามบิน สิ่งที่เขาทำคือเรียกเคลียร์ระหว่างตนและพ่อแม่ว่าจะเอาไง แต่หลังจากนั้นขอยืมโทรศัพท์ตน บอกจะโทรหาคนที่ออฟฟิศ แต่สิ่งที่กลับเอาโทรศัพท์เราไปเปิดดีเอ็ม กดดูแชตแลวถ่ายรูปเก็บไว้ สิ่งที่เขาทำ เขาอยากให้เรากลัวว่าในมือเขามีข้อมูลเรานะเว้ย เราอยู่ภายใต้กำมือเขานะ เขาบอกเราแบบนั้น วันนั้นเราจำไม่ได้ว่าเขาทำอะไร เราก็บอกว่าขอไม่คุยแล้วพี่จะทำอะไรก็เรื่องของพี่ เขาเปลี่ยนมือถือ แล้วบอกว่าเอามือถือไปขาย กลัวจะมีคนเอาภาพเอาอะไรไปออกข่าว ค่อนข้างงงเลยตอนนั้น เราก็ขมวดคิ้ว แล้วพี่จะถ่ายแชตหนูไปทำไม เพราะไม่มีอะไรเลย แต่ที่ตนหลุดพ้นมาได้ เพราะมีประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียน ตนขอให้คุณน้าไปเป็นผู้ปกครอง เขาไม่ว่าง ติดงาน ก็ไม่เป็นไร ก็ขอให้แม่รุ่นน้องที่สนิทกันไปเป็นผู้ปกครองได้ไหม เพราะแค่ไปรับใบเกรด มันไม่เยอะ แต่พอใกล้ถึงวันไปจริง ๆ คุณน้าบอกว่าให้พี่คนนี้ไปนะ สรุปคุณน้ากับพี่คนนี้ก็ไปด้วยกัน เราก็เฟดตัวออกมาเลย ไม่ยุ่ง ไม่อยู่ห้องผู้ปกครองอะไรทั้งนั้น นั่นทำให้เราพิมพ์ไลน์ไปหาพี่เขา หนูขอบคุณพี่ แต่หนูพอแล้ว หนูว่าเราจบกันแค่นี้ ตนหวังว่าการที่เราออกมาพูด จะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลง สามารถเอาผิดเขาได้ เขาควรถูกอะไรก็ตาม ที่ไม่ใช่อย่างทุกวันนี้ ก่อนหน้านี้ว่าชีวิตเขาตอนนี้ดีมาก ๆ มันค่อนข้างหนักกว่าเราจะผ่านมาได้ ต้องใช้เวลากับตัวเองเยอะมาก ก็หวังว่าจะช่วยให้พี่สไมล์ไม่กลายเป็นโดนสบประมาทว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะ เพราะเจอจากคนเดียวกัน เรื่องนี้มันเป็นเรื่องฝังใจมาก ๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะโดนอะไรแบบนี้เหมือนกัน ตนถือว่าออกมาพูดความจริงทั้งหมดที่เจอมา จากตัวบุคคลคนนั้น ไม่เกี่ยวกับค่าย ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งให้ ตนคาดหวังว่าเรื่องนี้จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ตอนนี้กำลังใจดีมาก ๆ ไม่ได้คิดถึงมันแล้วเจ็บปวดแล้ว กว่าจะผ่านมาได้ก็ค่อนข้างนาน แต่ก็ผ่านมาได้เยอะแล้ว ตอนนี้ก็แค่หวังว่าจะทำให้ทุกคนที่ได้ฟังเรื่องตนจะระมัดระวังตัวเองมากขึ้น ถ้ามีเรื่องผู้ใหญ่เข้ามาขอดูแล ทุกคนก็ต้องเซฟตัวเอง.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 132 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม