ยกให้เป็นตัวแม่เรื่องความพยายาม สำหรับนักแสดงสาว“กระติ๊บ ชวัลกร”หลังเมื่อกลางปีที่ผ่านมาเจ้าตัวคว้ารางวัลระดับ Professional chef ไปแล้ว ล่าสุดก็พิสูจน์ตัวเองจนได้ติดทีมชาติไทย และได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันคว้า 2 รางวัล 1 เหรียญทอง และ 1 เหรียญเงิน การแข่งขันทำอาหารระดับนานาชาติ The 2023 Philippine Culinary Cup World Food Expo
โดย “กระติ๊บ” ควงอาจารย์ผู้สอนเชฟชื่อดัง “เชฟเมย์ พัทธนันท์” เปิดใจถึงความสำเร็จอีกขั้นในครั้งนี้ว่า ใช้เวลา 2 ปีเต็มกับการตามตื้อเชฟคนดังและอ้อนให้ช่วยสอน เพราะตนอยากมีอาชีพอื่นเลี้ยงชีพที่ไม่ใช่แค่การเป็นดารานักแสดง ด้าน “เชฟเมย์” บอกว่าปกติตนจะไม่ชอบสอนใคร แต่เห็นความตั้งใจของกระติ๊บ สุดท้ายเลยต้องยอมสอน แถมยังไม่เก็บค่าสอนด้วย เพราะสงสารหลังรู้ว่าตัวกระติ๊บเองก็ไม่ได้มีเงินขนาดนั้น ก่อนที่ “กระติ๊บ” จะเล่าต่อว่าช่วงโควิด -19 ระบาดตนไร้รายได้ ทำให้ตกตะกอนกับตัวเองและค้นหาตัวเองว่าจริง ๆ แล้วชอบอะไร เพราะงานในวงการไม่ได้มั่นคง จนเจอการทำอาหารที่ตนหลงรักแล้วก็มาเจอการเป็นช่างสัก ซึ่งด้านช่างสักตนก็พิสูจน์ตัวเองได้คว้ารางวัลมาแล้ว จึงขอตามฝันด้านการทำอาหารที่อยากติดทีมชาติ แต่ทุกอย่างมีขั้นตอนเลยต้องแข่งขันในระดับประเทศ ก่อนจนได้คัดเลือกเป็นทีมชาติไทยไปแข่งขันที่ฟิลิปปินส์ในครั้งนี้ จากเมนูเป็ดและพาสต้า เจอกับคู่แข่งอีก 15ประเทศ กว่า80คน
“กระติ๊บ” เล่าต่อว่าการแข่งขันทำอาหารคือ Soft Power อีกด้านของประเทศไทยเหมือนกัน เพราะอาหารไทยสามารถโชว์สู่สายตาชาวโลกได้อีกเยอะ แต่กลายเป็นว่าพอตนมาสัมผัส พบว่ายังขาดการสนับสนุน จึงอยากให้ภาครัฐและหลาย ๆ ส่วนมาช่วยสนับสนุนและผลักดัน จริง ๆ พอมีผู้ใหญ่ใจดีช่วยสนับสนุนบ้าง แต่ไม่มากพอ อย่างการแข่งขันที่ฟิลิปปินส์ตัวแทนทีมชาติไทยทุกคนควักเงินกันเองไม่ค่ำกว่าหลักแสนบาท อยากให้ภาครัฐเห็นการแข่งขันอีกแขนงที่ไม่ต่างจากนักกีฬาและเข้ามาช่วยเหลือ เจ้าตัวจึงอยากเป็นกระบอกเสียง บอกให้ทุกคนรู้ว่าอาชีพเชฟเลี้ยงชีพได้และเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาจะได้มีกำลังใจในการเข้ามาสู่เส้นทางนี้ ส่วนต่อยอดในสายอาชีพเชฟ “กระติ๊บ” บอกว่ายังอีกยาวไกลเพราะรางวัลที่ตนได้ยังไม่ใช่ที่สุดของการแข่งขัน ต้องพัฒนาตัวเองไปเยอะ เจ้าตัวยังไม่คิดเปิดร้านอาหารหรือทำอาหารขาย เพราะมั่นใจว่าเจ๊งแน่นอน เนื่องจากยังไม่รู้เรื่องการจัดการครัวและการจัดการอะไรอีกหลายอย่าง ต้องเก็บชั่วโมงบินให้มากขึ้นไปอีก เมื่อวันนั้นถึงจะกล้าทำเป็นธุรกิจ.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน