จากกรณีที่เจ้าแม่วงการสื่อบันเทิง “ติ๋ม ทีวีพูล” ออกมาอัปเดตชีวิตในเรือนจำของลูกทุ่งสาว “ใบเตย สุธีวัน” และสามี “ดีเจแมน พัฒนพล” ที่เพิ่งจะเดินทางจากถูกนำตัวจากทัณฑสถานหญิงกลางและเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครมายังศาลอาญา เพื่อนัดตรวจพยานหลักฐานคดีแชร์ FOREX-3D ครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2566 ที่ผ่านมาว่า ระบุว่า “ใบเตย “เครียดหนักแทบเป็นบ้า เฝ้าถามตลอดว่าเมื่อไหร่จะได้ออก เพราะคิดถึงลูก ขณะที่ “ดีเจแมน” ก็เอาแต่โทษตัวเองที่ทำครอบครัวล้ม
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันนี้(13 ก.ค.2566) “ติ๋ม ทีวีพูล” เปิดใจผ่านรายการตกมันส์บันเทิง ซึ่งออกอากาศทางช่อง 9 กด 30 ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 16.00 น ว่า ตนเองได้รับข้อมูลทั้งหมดมาจากทนายความอีกที คือก่อนหน้าที่ยังไม่มีเรื่องคดี ยังไม่ติดคุก พีอาร์ค่ายเคยพา “ใบเตย” มาหาตนที่บ้านเพื่อโปรโมตงานเพลง งานละคร ทุกครั้งที่มา “ใบเตย” จะจัดเต็มเสื้อผ้าหน้าผม แต่มีอยู่วันหนึ่ง”ใบเตย” มาหาตนที่บ้าน ดูหม่นหมอง ไม่มีสง่าราศี ไม่แต่งหน้า แต่งตัวเต็มเหมือนเคย นั่งอยู่เงียบ ๆ คนเดียว ในขณะที่คนอื่นคุยกัน จำแทบไม่ได้ว่าเป็น “ใบเตย” จนคนอื่นกลับไปหมด “ใบเตย” เข้าแนะนำตัวกับตนพร้อมกับบอกว่ากำลังมีปัญหา เนื่องจากตอนนั้นมีเรื่องคดี Forex-3D แล้ว วันนั้นคุยกันแบบละเอียด ใช้เวลานานกว่าครึ่งวัน จากนั้น “ใบเตย” ก็ขอไลน์ และไลน์มาปรึกษามาขอกำลังใจจากตนอยู่เรื่อย ๆ กระทั่งวันที่ 8 พ.ค.66 ก่อนที่ “ใบเตย” และ “แมน”จะเข้าคุก ได้เดินทางมาพบตนที่บ้าน คุยกันเรื่องคดีลึกมาก เพราะจะต้องไปฟังผลว่าอัยการจะสั่งฟ้องหรือเปล่าในวันที่ 9 พ.ค.66 วันนั้นทั้งคู่บอกว่าคงไม่มีปัญญาจ้างทนาย เพราะที่ผ่านมาใช้ทายหลายคนมาก จึงจำเป็นต้องหาทนายที่สามารถจะประนีประนอมค่าใช้จ่ายกับทั้งคู่ได้ รวมถึงเรื่องที่จะส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติก็คงจะไม่มีปัญญา พร้อมกับเอ่ยปากขอให้ทนายความจากบริษัทของตนไปช่วย เพราะทั้งคู่มีทนายความแค่คนเดียว ตนจึงให้คนที่เคยเป็นเลขาของตนและเป็นทนายความด้วยไปช่วยดูแล
ด้วยความเป็นผู้หญิงตอนนั้น “ใบเตย” ต้องการกำลังใจสูงมาก ตนจึงคิดว่าเลขาส่วนตัวน่าจะเข้าไปให้กำลังใจ “ใบเตย” ได้ในฐานะคนที่คลุกคลีในวงการบันเทิง หลังจากที่ “ใบเตย” และ “แมน” เข้าคุก ทนายความที่ตนส่งไปช่วยทั้งคู่ก็มาเล่าให้ฟังว่า “ใบเตย” รู้สึกสะเทือนใจเมื่อได้เห็นภาพที่ลูกของ “ซาร่า คาซิงกินี” มาที่เรือนจำ เพราะ “แดริล ยัง” สามีของ “ซาร่า” ก็โดนคดีดังกล่าวด้วย ร้องไห้โฮเพราะคิดถึงลูก ทุกครั้งที่ทนายไปเยี่ยม “ใบเตย” จะพูดว่าเมื่อไหร่จะได้ออก ทั้งคู่คิดถึงลูกมาก จะถามตลอดว่าลูกเป็นยังไงบ้าง วนเวียนอยู่อย่างนั้น ทนายความของตนไปเยี่ยม “ใบเตย” บ่อยมาก เพราะต้องการช่วยหาหลักฐานช่วยให้ได้รับการประกันตัว คือเขามีเงินจาก “อภิรักษ์” รวม 9.9 แสนบาทเข้ามาในบัญชี จำนวน 3 ยอด ถ้ามองในมุมวงการบันเทิงเรามองว่ามันเป็นเรื่องน้อยมาก เพราะ “ใบเตย” มีอาชีพเป็นดาราและนักร้องดังที่คนรู้จักทั่วประเทศ แต่มันต้องมีเหตุผลว่าเงินจำนวนนั้นที่ได้จาก “อภิรักษ์” ไม่ได้เป็นการว่าจ้างหรือไปทำให้คนอื่นหลงเชื่อ เกิดเป็นการฉ้อโกงจากคดีดังกล่าว แต่บังเอิญว่า “ใบเตย” ได้ไปเที่ยวกับ “อภิรักษ์” หลายครั้ง เนืองจากเป็นภรรยาของ “ดีเจแมน” ซึ่งทั้ง 2 คนก็เป็นเหยื่อ “อภิรักษ์”
เขาจะเข้ามาโกงคน เขาก็ต้องสร้างเครดิต ก็ต้องเข้าไปเจอคนดัง ๆ เพื่อจะมีภาพประกอบเวลาไปไหนมาไหน 2 คนนี้เป็นเหยื่อหรือเป็นผู้กระทำตนไม่ทราบ ทั้งคู่ต้องหาหลักฐานมาให้ได้และต้องทำให้ศาลเชื่อให้ได้เหมือนที่เล่าให้ตนฟังว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่เคยไปรีวิว “ใบเตย” ไม่เคยเล่น Forex-3D แต่ “ดีเจแมน” เคยเล่นและเป็นผู้เสียหาย แต่ก็มีคนเสียหายกับคดีนี้ตั้งหมื่นราย มันมีผลกระทบมาก ศาลก็มองเห็นว่ามันต้องเอาจริงกับคนที่ทำผิด แต่ “ใบเตย”บอกว่าเขาไม่ได้ทำผิด เพียงแต่ต้องเคลียร์ตัวเองให้ได้ว่าเงิน 3 ยอดจาก “อภิรักษ์” เป็นเพราะอะไร ยอดแรก 5.5 แสนเป็นยอดที่ “อภิรักษ์” ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมให้แฟนของ “อภิรักษ์” โดยกระเป๋าดังกล่าว “ใบเตย” เป็นคนขาย โดยรับจากแม่ค้ามาขายต่อเพื่อเอากำไร “ใบเตย” ไม่ได้ร่ำรวย มีกระเป๋าแบรนด์เนมเป็น 100 ใบ ตามภาพที่ปรากฏ “ใบเตย” สร้างภาพ เขาสร้างภาพเยอะมากจนทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ชอบ ตนก็ได้ติติงตรงนี้ไปว่า “ใบเตย” ทำให้ประชาชนหมั่นไส้กับความร่ำรวยของเขา “ใบเตย” ก็ขอโทษแล้วบอกว่าเขารู้แต่ว่าเขาเป็นนักร้องลูกทุ่งก็อยากจะอัปตัวเองให้ดูสูงขึ้นเพื่อจะขายของได้ราคาดี ๆ คราวนี้พอจะขายของให้ได้กำไรเยอะ ๆ ต้องขายของแพง ต้องเป็นของแบรนด์เนม จึงต้องทำตัวให้ดูรวย ดูหรู ตรงนี้คือความคิดของเขา มันเรียกว่าการสร้างภาพนั่นแหละ
การสร้างภาพที่ดูเกินจริงเป็นสิ่งที่ดาราทุกคนต้องทำ ใครมาหาตนที่บ้าน ตนก็บอกให้สร้างภาพ อะไรที่ทำแล้วไม่รำคาญ ไม่เหนื่อย อันนั้นแหละคือภาพของคุณที่คุณต้องย้ำให้คนอื่นเห็น ส่วนประเด็นที่ว่า “ดีเจแมน” โทษตัวเองที่ไม่น่าเข้าไปสนิทสนมกับ “อภิรักษ์” เลย จริง ๆ เรื่องนี้ “ใบเตย -แมน” ทะเลาะกันต่อหน้าตนเลย “ใบเตย” โทษ “ดีเจแมน” ที่พา “อภิรักษ์” เข้ามา ขณะที่ “ดีเจแมน” บอกกับตนว่า “อภิรักษ์” เข้ามาหาเขาเอง มาเอาพระ เอาของที่ชอบให้กับเขา เลยรู้สึกว่า “อภิรักษ์” น่าจะเป็นเพื่อนเขาได้ เพราะชอบสิ่งที่เหมือนกัน ชอบมาเช่าพระราคาดี ๆ ด้วย ทำให้ “ดีเจแมน” มีรายได้จากการเช่าพระ ไม่เคยได้ค่าพรีเซนเตอร์หรือค่ารีวิวอะไรจาก “อภิรักษ์” และไม่เคยรีวิวชวนให้ด้วย เวลาจะมีคนเข้ามา “ดีเจแมน” กลับพูดห้ามด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่รู้ว่า “อภิรักษ์” ทำผิดกฏหมาย ไม่เคยรู้มาก่อนว่า “อภิรักษ์” ทำชั่ว รู้แค่ว่าร่ำรวยและเป็นลูกค้าที่ดีของเขา มีรสนิยมชอบพระเหมือนกัน ซึ่ง “ดีเจแมน” ก็ไม่โต้ตอบ “ใบเตย” เพราะรู้ว่าตนเองเป็นต้นเหตุจริง ๆ พร้อมขอร้อง “ใบเตย” ว่าอย่าโทษกันเลย เพราะเขาไม่รู้จริง ๆ ถ้ารู้ก็คงไม่มีวันนี้ ตอนนี้เขาพูดอะไรก็ไม่มีใครฟังเขาแล้ว พูดอะไรก็ผิดหมด คล้ายกับ “อ้อย สรินยา” แม่ของ “พิ้งกี้ สาวิกา” ที่เชื่อใจ “อภิรักษ์” ไม่ต่างจาก “ดีเจแมน” คนจะโกงเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้คนเชื่อ พวกเราอย่าเอาความโลภเป็นที่ตั้ง ทุกคนที่เข้าไปเพราะความโลภกันทั้งนั้น คิดว่ามันได้ง่าย ไม่ใช่ว่า “อ้อย” ไม่หมด “อ้อย” เล่าให้ตนฟังว่าหมดเป็น 10 ล้าน เอาเงินของ “พิ้งกี้” มาเล่น ตัวเองเป็นผู้เสียหายแต่กลับกลายเป็นว่าต้องเข้าไปอยู่ในคุก ก็ต้องไปแก้ต่างให้ศาลเชื่อว่าเขาเป็นผู้เสียหาย ถ้าใครเป็นผู้เสียหายต่อไปนี้ต้องรีบไปแจ้งความ ไม่งั้นจะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
ถามว่า “ใบเตย- แมน” พอจะมีมุมสู้ที่เป็นประโยชน์บ้างไหม วันนัดสอบพยานหลักฐาน อัยการบอกมีเอกสารคดี 700,000 แผ่น ฉะนั้นยังไม่พร้อม เพราะเอกสารยังไม่ถ่ายมาพร้อม เลยต้องเลื่อนไปอีก 2 เดือน ซึ่งมันนานมาก 1 วันในคุกก็นานมาก เขาต้องหาหลักฐานทั้งหมดว่ายอดทั้ง 3 ยอดคือยอดซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม อีกยอด 300,000 บาท คือยอดไทน์อินสินค้าในมิวสิกวิดีโอเพลงใหม่ที่ “ใบเตย” ทำเอง ทางนั้นบอกจะเอาลิปสติกมาไทน์อินแต่พอถึงวันไม่เอาลิปสติกมา แต่ “ใบเตย” ไม่ได้เอาเงินไปคืน ซึ่ง “ใบเตย -แมน” ต้องตอบและหาหลักฐานต่าง ๆ มาแก้ต่าง ส่วน “ป๋อง พิมพ์แข” แม่ของ “ดีเจแมน” ตนเองไม่มีโอกาสได้คุย แต่รู้สึกสงสารอีกฝ่ายมาก ทนายความของตนได้คุยกับญาติ “ดีเจแมน” บอกว่า “ป๋อง” ไม่สามารถจะมาเรือนจำได้ เพราะทนไม่ได้ที่จะเห็นลุกชายถูกล่ามโซ่ที่ข้อเท้า ฟังแล้วรู้สึกสะทือนใจ.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน