“คิตติ้” เชื่อปาฏิหาริย์ “เอส” ฟื้น-สื่อสารได้ หลังหยุดหายใจมากกว่า 20 นาที แพทย์แจง หัวใจ-ไต-สมอง ดีขึ้น เหลือแค่ทำกายภาพ

ยังส่งกำลังใจให้กันตลอดกับกรณีพระเอกชื่อดัง “เอส กันตพงศ์ บำรุงรักษ์” ที่วูบหมดสติตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 2566 เข้าไอซียูอยู่นาน จนเมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา “คิตตี้ คริสติน่า” ภรรยา แจ้งว่าได้ออกจากห้องไอซียูแล้ว ขณะที่ล่าสุดมีภาพ เอส ในชุดผู้ป่วยร่วมเฟรมกับ หลวงพี่อุเทน เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ แต่ยังไม่มีการยืนยันจากครอบครัวว่าเป็นภาพจริงหรือไม่ ?


ล่าสุดวันนี้(22 มิ.ย. 2566) ทีมแพทย์พร้อมด้วยครอบครัว “เอส กันตพงศ์” ตั้งโต๊ะแถลงข่าวอาการของพระเอกดังหลังวูบหมดสติตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 2566 และรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรวม 45 วัน และยังไม่มีการอัปเดตแต่อย่างใดจนมีภาพหลุด ลงจากเตียงผู้ป่วยมานั่งร่วมเฟรมพระอาจารย์ชื่อดังและครอบครัว ด้วยใบหน้าสดใส

เริ่มจากคุณแม่ “อชิรญาณ์ ศรีโสม” คุณแม่ของเอส กล่าวว่า “ตั้งแต่วันที่ 9 เดือน 5 ที่มีงานบิ๊กดีเบต อาการที่เห็นได้ชัดตอนที่หมดสติ เอสพยายามขยับเสื้อตลอด เหมือนมีอาการบางอย่างจนหมดสติไป วันนั้นมีเอียงตัวไปทางพิธีกรชาย ทำให้ไม่ได้ล้มหัวฟาด โชคดีที่มีคุณหมอแถวนั้นได้ช่วยซีพีอาร์ปั๊มหัวใจอยู่สักพักใหญ่ วันนั้นตอนหมดสติน่าจะหยุดหายใจเลย ก็ปั๊มไปเรื่อย ๆ จนถึงรพ.ตำรวจ ปั๊มขึ้นมาได้ 2 นาที ก็หยุดหายใจอีก ก็ปั๊มอีก หลังจากนั้นมีการปฐมพยาบาล จนน่าจะเคลื่อนย้ายมารพ.บำรุงราษฎร์ได้ในวันที่ 11 พ.ค. ก็มาให้คุณหมอทางนี้รักษาต่อ อาการตอนนี้เรายังรักษากันอยู่ ส่วนภาพที่เกิดขึ้นที่มีหลวงพี่อุเทน คือภาพจริง เราทำบุญถวายสังฆทาน เลยถ่ายรูปปกติ ขอบคุณรพ. บำรุงราษฎร์ รพ.ตำรวจ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ช่อง 7 ดูแลทุกอย่างตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ดูแลเราดีมาก”


ด้าน “นายแพทย์ อชิรวินทร์ จิรกมลชัยสิริ” แพทย์ชำนาญการด้านอายุรศาสตร์โรคหัวใจ สถาบันโรคหัวใจบำรุงราษฎร์ เผยว่า “เป็นตัวแทนคณะแพทย์ ข้อมูลต่าง ๆ ได้รับอนุญาตแล้ว นับตั้งแต่ย้่ายมารพ. วันที่ 11 พ.ค. ทีมแพทย์สถาบันและอีกหลายสาขา ตรวจวินิจฉัยและตรวจอย่างละเอียด สาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน ในกรณีเอสคือขั้นรุนแรง การทำงานหัวใจลดลงมาก หลังจากผู้ป่วยย้ายมาจากรพ.แรก คนไข้ถูกประเมินและตรวจรักษา ตอนนั้นใส่เครื่องพยุงชีพและเครื่องช่วยหายใจ ตอนที่ส่งมาอยู่ในภาวะวิกฤต จากนั้นเราเริ่มรักษา ให้ยา ตอบสนองดีขึ้นทุกวัน ตั้งแต่เริ่มรักษาก็เริ่มลดการใช้เครื่องช่วยหายใจและเครื่องพยุงชีพ ตั้งแต่วันที่ 22 มิ.ย. กลับมาใกล้เคียงปกติ แต่ต้องอยู่ใกล้ชิดทีมแพทย์โดยเฉพาะทาง เพื่อติดตามและประเมินอาการต่อไป เพราะระบบไหลเวียนโลหิตหยุดไปช่วงนึง ไต-สมอง มีความเสียหายไปด้วย แต่วันนี้ไตกลับมาได้น่าพอใจ หยุดฟอกไตแล้ว เริ่มปัสสาวะได้แล้ว สมองฟื้นตัวเป็นไปในทางที่ดีขึ้นตามลำดับ ต้องดูแลรักษาเพิ่มเติม และร่วมทำกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูระยะยาวต่อไป ตอนนี้อยู่หอผู้ป่วยปกติแล้ว เริ่มทำกายภาพที่หอปกติได้ ขอบคุณครอบครัวที่ให้ความไว้วางใจ ทีมแพทย์รักษา ขอบคุณทีมแพทย์เฉพาะทางและสาขาอื่น ๆ”

ส่วนระยะเวลาพักฟื้น จนสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติ ? “แพทย์เผยยังตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของคนไข้ ภาวะคนไข้เอง แต่วันนี้คนไข้กลับมา ตื่น มีภาวะรับรู้ สื่อสารง่าย ๆ ได้ถือว่าโอเค เพราะเอสเคยหยุดหายใจไป ถ้าจากประวัติอย่างน้อย 20 นาทีขึ้นไปแน่นอน แต่กลับมาขนาดนี้ก็เป็นที่น่าพอใจ ส่วนสาเหตุที่หลายคนมองว่าเพราะอากาศร้อน จนเกิดอาการสโตกนั้น ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้คนไข้ทรุดลงไป แพทย์คาดว่าน่าจะเพราะภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงเลยทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน และล้มลงไป ผู้ป่วยไม่เคยมีโรคประจำตัว ส่วนเรื่องทำงานเยอะ เครียด หมอทุกคนจะย้ำเสมออะไรที่ทำให้สุขภาพพื้นฐานแย่ก็ส่งผลเป็นธรมดา แต่ปัจจุบันไม่มีภาวะวิกฤตใด ๆ ในตัวคนไข้แล้ว หัวใจ ไต สมอง ส่วนแนวทางรักษาต่อไป ทำกายภาพบำบัดฟื้นฟู อวัยวะต่าง ๆ รวมถึงฟังก์ชันต่าง ๆ และเรื่องความจำ เป็นอย่างหนึ่งที่เราใช้ประเมินของสมองไป หลังจากนี้ต้องขึ้นอยู่กับคนไข้ ไม่สามารถเจาะจงได้ ประเมินวันต่อวัน แต่เรื่องงาน สิ่งที่สำคัญอันดับแรกคือการฟื้นฟู เรายังคาดหวังว่าคนไข้จะกลับมามากที่สุด”

ขณะที่ “คิตตี้ คริสติน่า วิงเคลอร์” ภรรยา เปิดใจว่า “ตอนที่สามีฟื้น ยังอยู่ภาวะสับสนบ้าง ยังคิดว่าทำงานอยู่ เชื่อว่านี้คือปาฏิหาริย์ สำหรับคนไข้ที่หัวใจหยุดเต้นนานขนาดนี้ ใด ๆ ต่อจากนี้ถือเป็นกำไรทั้งหมดแล้ว ลูกสาวยังยากที่จะเข้าใจ การที่เห็นพ่ออยู่ในรพ. เขาคิดถึงการกลับไปวิ่งเล่น เพราะปกติจะเล่นด้วยกันตลอด เขาสนิทกับคุณพ่อมาก” พร้อมเล่าอีกว่า “ที่รักฉันอยู่ตรงนี้กับคุณ ไม่ต้องกังวล พักผ่อนให้เต็มที่ ตอนแรกเขาจำไม่ได้แต่ ณ วันนี้เขาจำภรรยาได้แล้ว สิ่งที่ฮีลใจเราคือสามีภรรยาฝั่งใดลงไป อีกฝั่งก็ต้องเป็นที่พึ่งพิงยามยากลำบาก ยึดลูกสาวและครอบครัวเป็นหลัก ไม่แสดงความอ่อนแอต่อหน้าลูกสาวพยายามจะไม่ร้องไห้ เข้มแข็งเพื่อลูกและทำให้ลูกมีความสุข ส่วนข้อความจากแฟนคลับถึงเอส ได้แจ้งให้เอสรับรู้ได้ ขอบคุณกำลังใจและหัวใจต่าง ๆ ที่ส่งไปให้ ส่วนจะมีลงภาพให้แฟน ๆ ชื่นใจไหม ตนขอโทษที่ไม่ได้อัปเดตอาการตลอดเวลา ขอเวลาอีกนิดแล้วค่อยเผยแพร่รูป ขอบคุณครอบครัว ทุกคนที่มีส่วนร่วมวันนั้น ทีมแพทย์ ขอบคุณกำลังใจทั้งหมดที่ส่งมาก น้ำใจจากทุกคน ขอบคุณทุกความเข้าใจ หวังอย่างยิ่งจะมีแฮปปี้เอนดิ้ง จะพยายามอัปเดตให้ได้ไวที่สุด เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม”


ด้าน “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” ผู้จัดการส่วนตัว เปิดเผยว่า “เอสจำได้ว่าเป็นพี่เอ เขาดีใจ แต่ความจำยังต้องใช้เวลาฟื้นฟู เหมือนปาฏิหาริย์มีจริง เห็นแล้วอดน้ำตาไหลไม่ได้ ที่เอสฟื้นขึ้นมา เรามาเยี่ยมเอสเราพูดเรื่องอดีตกัน เอสจำได้หมดเลย ขอบคุณทุกคนทางบ้าน เราจะมาเยี่ยมก็ต้องขออนุญาตก่อนทุกครั้ง อยากแถลงให้ทราบแต่อาการของเอสคือลุ้นวันต่อวัน ทิศทางของอาการ ตอนนั้นไม่สามาถพูดได้เลยว่าเป็นยังไง วันนี้ถึงเวลาเหมาะสมจะแจกแจงให้ทุกท่านที่เป็นห่วงทราบ เราโฟกัสครอบครัวเอส และอาการป่วย เลยไม่ได้สนใจข่าวดราม่าใด ๆ”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 607 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม