“ยิปซี” แชร์ประสบการณ์ ลดน้ำหนักจนเป็นโรคทางจิต บอกอย่าแขวนความสุขที่ตัวเลขบนตาชั่ง

เป็นอีกหนึ่งสาวที่รักสุขภาพและมักจะอวดภาพฟิตแอนด์เฟิร์มออกมาให้เห็นบ่อย ๆ จนแฟนๆ ชื่นชมการรักษาหุ่นและขอเคล็ดลับความสวยหุ่นดีเสมอ สำหรับนักแสดงสาวมากความสามารถ “ยิปซี – คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์” วัย 35 ปี แต่ใครจะรู้ล่ะว่ากว่าจะถึงวันนี้ได้ สาว “ยิปซี” ก็เคยผ่านช่วงเวลาของการคลั่งไดเอตจนกลายเป็นโรคทางจิต


ล่าสุดเมื่อวานนี้ (18 มิ.ย. 66) สาว “ยิปซี” ได้ตัดสินใจนำเรื่องราวมาถ่ายทอดผ่านคลิปวิดีโอบนอินสตาแกรม @gypsykeerati เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลาย ๆ คน พร้อมระบุข้อความว่า “ขอฝาก ปสก. ของเราไว้ เป็นอีกทางเลือกนึงเพื่อประกอบการตัดสินใจ ของคนที่กำลังพยายามลดน้ำหนักหรือดูแลตัวเองนะคะ…ถ้ารู้สึกว่าคลิปนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับใคร ฝากแชร์กันนะ”

โดยในคลิปดังกล่าวสาว “ยิปซี” เล่าว่า “แชร์ประสบการณ์การไดเอตจนกลายเป็นโรคทางจิต สิ่งที่ตนเคยทำก็คือแน่นอนหนึ่งคืองดแป้ง ไม่ใช่ลด งดคือแบบไม่กินแป้งเลย และอดข้าวเย็น ตั้งกฎหลัง 6 โมงฉันจะไม่กินอะไรแล้ว คุมแคลอรี่ เมื่อก่อนตอนวัยรุ่นเคยคุมแล้ว พยายามที่จะวันนึงต้องกินไม่เกิน 800-900 แคลอรี่ หรือแม้กระทั่งช่วงนึง ตอนนั้นที่ย้ายไปอยู่อเมริกาและก็กลัวมาก เพราะของที่อเมริกามีแต่ของอ้วน ชีส พิซซ่า ก็กลัวอ้วน ตอนนั้นพยายามกินแต่แอปเปิล ตอนนั้นคือผอมมาก คือป่วยแหละ


ช่วงที่มีอาการทางจิตเป็นยังไง คือเมื่อก่อนตนจะพยายามอดข้าวเย็น ขาดคาร์ป ออกกำลังกายหักโหมแบบหนัก ๆ เรียกได้ว่าเอาอะไรเข้าตัวน้อยที่สุด และเอาออกให้เยอะที่สุด เพื่อที่จะตื่นมาชั่งน้ำหนักแล้วตัวเลขลดลง สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นคือจิตเราไปจดจ่อเกี่ยวกับว่า วันพรุ่งนี้เช้าที่ฉันจะตื่นขึ้นมาแล้วต้องเหยียบลงไปในตาชั่ง เลขจะลดลงมั้ย ถ้าฉันพยายามขนาดนี้ และด้วยความที่เราเป็นเพอร์เฟ็คต์ชันนิสต์ พยายามเอาชนะหรือว่าเราต้องลดอาหารเพิ่ม ต้องออกกำลังกายเพิ่ม ตอนนั้นมัน Messed Up! ไปหมดเลย ก็คือเป็นป่วย

เลยรู้สึกว่าอะไรก็ตามที่เป็นวิถีชีวิตที่สุดโต่งจนเกินไป อะไรก็ตามที่ถ้าคุณคิดไปเลยว่าคุณไม่สามารถทำสิ่งนี้ไปได้ตลอดชีวิตจริง ๆ เราว่าอย่าทำเลย อะไรก็ตามที่สร้างความกดดัน ความเครียดให้กับร่างกายมากเกินไป มีคนดีเอ็มมาถามเรื่องนี้เยอะมาก ๆ ว่าคาร์ปต้องเท่าไหร่ โปรตีนต้องเท่าไหร่ แคลกี่กรัม มันทำให้เรารู้ว่า คนปัจจุบันเป็นกังวลเรื่องสุขภาพ กับการดูแลตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเป็นไปได้ เราก็ไม่อยากให้เขามาอยู่ในจุดที่เราเคยอยู่ มันก็ไม่ใช่จุดที่ดีเลย ใช้เวลานานมากกว่าที่จะก้าวออกมาจากจุดนั้นได้ กว่าจะตัดใจแล้วโยนเครื่องชั่งน้ำหนักทิ้งไป เพราะติดดูตัวเลขมาก ทุกเช้าถ้าเหยียบขึ้นไปแล้วเลขไม่ได้เป็นแบบที่ตัวเองพอใจ ร้องไห้นะ วันนั้นทั้งวันไม่มีความสุข เริ่มต้นทั้งวันไม่มีความสุขเลย เพราะว่าตัวเลข ไม่ใช่แบบที่เราต้องการ” .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 661 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม