ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รับ “หยาดทิพย์” เข้าเยี่ยมสามี “เมฆรามา” ในห้องพบทนายจริง

หลังจากที่ “เมฆรามารัศมีรามา” สามีของนักแสดงสาว “หยาดทิพย์ราชปาล” ถูกตร.บุกจับกุมคาคอนโดหรูในความผิดเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ล่าสุดเพจเฟซบุ๊กชื่อดังที่มักเคลื่อนไหวเกี่ยวกับบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์และยาเสพติดอย่างเพจ “เหยื่อ” ได้มีการโพสต์ข้อความสรุปใจความได้ว่า “หยาดทิพย์” ได้มีการเข้าเยี่ยมสามี “เมฆรามา” เนื่องจากอยู่ในระหว่างการฝากขังพิจารณาคดีฐานความผิดร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันและร่วมกันฟอกเงินโดยเป็นการเข้าเยี่ยมภายในห้องพบทนายไม่ใช่ห้องเยี่ยมญาติโดยทางเพจเจ้าของโพสต์และชาวเน็ตต่างตั้งคำถามว่าเป็นการใช้อภิสิทธิ์เหนือญาติผู้ต้องขังรายอื่นหรือไม่นั้น


โดยวันนี้ (28 พ.ค. 66) ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ได้สอบถามข้อเท็จจริงกับนายนัสทีทองปลาดผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครโดยได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริงที่หยาดทิพย์ได้เข้าเยี่ยมสามีในห้องพบทนายแต่ปกติแล้วส่วนใหญ่เจ้าตัวจะมาเยี่ยมสามีบ่อยครั้งโดยใช้ห้องเยี่ยมญาติแต่จะมีบางครั้งที่ทนายความของนายรามาประสงค์ให้หยาดทิพย์เข้าไปด้วยในฐานะผู้ได้รับความไว้วางใจของผู้ต้องขังเพื่อให้ลูกความได้พูดคุยในส่วนของเนื้อหาคดีซึ่งทนายความจะมีการขออนุญาตมาที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่รับผิดชอบควบคุมดูแลจากนั้นทางเจ้าหน้าที่จะแจ้งไปยังผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการที่ 8 เพื่อพิจารณาถึงความจำเป็นในการอนุญาตหรือไม่อนุญาตซึ่งจะมีการอนุญาตเป็นครั้งคราวไม่ทุกครั้งเสมอไปอย่างไรก็ตามในส่วนกรณีของทนายความหากจะเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังก็จะมีการยื่นคำร้องขอพบผู้ต้องขังตามแบบที่กรมราชทัณฑ์กำหนดและจะเป็นการใช้ห้องพบทนายซึ่งห้องพบทนายปกติจะมีทนายจำนวนมากที่รอใช้บริการทางราชทัณฑ์จึงขอความร่วมมือให้แต่ละคนใช้เวลาไม่เกิน 30 นาที

นายนัสทีระบุด้วยว่าการที่ญาติของผู้ต้องขังรายอื่นๆจะเข้าไปพบผู้ต้องขังในห้องพบทนายด้วยนั้นสามารถทำได้เช่นเดียวกันเพราะที่ผ่านมาก็มีเกิดขึ้นจริงหลายกรณีโดยจะต้องเป็นการดำเนินการจากทางทนายความเท่านั้นญาติจะไม่สามารถประสานโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้และปกติแล้วห้องพบทนายจะเป็นในส่วนของการเข้าพบผู้ต้องขังของทนายความและพนักงานสอบสวนแต่ถ้าเป็นกรณีที่ญาติจะเข้าไปด้วยเราก็อาจจะมีอนุโลมบ้างในบางกรณีหากพิจารณาเห็นว่าเป็นความจำเป็นในส่วนของคดีความ


ทั้งนี้ขอยืนยันว่าจากกรณีของหยาดทิพย์ทางเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไม่มีการเรียกรับเงินเพื่อประโยชน์หรืออภิสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้นและตนได้มีการกำชับเจ้าหน้าที่ทุกรายเสมอซึ่งถ้าหากมีการกระทำดังกล่าวจริงพร้อมสอบวินัยเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

ที่มา : เดลินิวส์

เข้าชม 2,320 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม