นางเอกซุปตาร์ “ชมพู่ อารยา”เปิดใจเป็นครั้งแรก ปมถูกโยงประเด็น “สามีนางเอกแอบมีบ้านเล็ก” หลังลอยตัวเหนือดราม่านี้มาแบบชิลล์ ๆ เพราะก่อนหน้านี้สามีนักธุรกิจ “น็อต วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์” เจ้าของโรงงานผลิตและจัดจำหน่ายสายไฟฟ้าครบวงจรมูลค่าหมื่นล้าน ก็สาดโมเมนต์คลั่งรัก ด้วยการตามไปส่ง “ชมพู่” อัดรายการ ณ สตูดิโอแห่งหนึ่ง พร้อมส่งสายตาหวานซึ้งมองหน้าภรรยา ทำเอาสาว ๆ ทั้งประเทศอิจฉาและใจละลายไปตาม ๆ กัน ทั้งยังเปิดใจผ่านรายการดังว่าได้เซ็นพินัยกรรมยกมรดกทุกอย่างที่เป็นของตนมูลค่าหมื่นล้านให้ “ชมพู่” แต่เพียงผู้เดียว ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะ 7 ปีที่อยู่กันมา “ชมพู่” เป็นภรรยาที่ดี เป็นแม่ของลูกที่เลี้ยงลูกได้ดีไม่มีที่ติ
โดย “ชมพู่” เผยว่า ทุกคนก็รู้กันแล้วว่าข่าวลือดังกล่าวไม่ใช่บ้านของเรา แต่ถ้าในแง่ของความรู้สึก ชมว่าไม่มีใครอยากให้ใครมาแตะครอบครัวของเราหรอก ซึ่งสำหรับเราเราให้คุณค่ากับสถานบันครอบครัวมาเป็นอันดับหนึ่ง เชื่อว่าถ้าเรื่องนี้แบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวใครก็คงรู้สึกไม่ชอบ ชมเองก็คุยเรื่องนี้กับพี่น็อตในเชิงว่าใครทำอะไรเรา ไม่ใช่คุยในเชิงเค้นถามว่ามันเป็นใคร? รู้สึกผิดหวังที่เขาโยงมาที่บ้านเรา เพราะว่าเราก็รู้สึกว่าเราก็อยู่ของเราโดยที่ไม่เคยรังแกใคร ส่วนน้องที่ทำงานกับพี่น็อตที่ถูกโยงกับเรื่องนี้ด้วย ชมไม่ได้คุย เพราะรู้สึกว่ามันไม่ได้อยู่ในจุดที่ต้องไปเคลียร์ เพราะเรารู้ตรรกะ รู้เหตุผลอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าจะบอกว่าเดือดร้อน มันก็เดือดร้อนกันทุกฝ่าย อยู่กับปัญหาของตัวเองไป ส่วนพี่น็อตเขาก็โฟกัสว่าความรู้สึกของเราคืออะไร และแล้วแต่เราว่าอยากจะยังไง ถ้าจะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงจะเป็นการโกหก เรื่องนี้มันต้องแบ่งเป็น 2 กรณี 1. คือพอมีข่าวก็มีเรื่องความเข้าใจของสังคม คนที่มองเข้ามา ซึ่งตรงนี้ชมรู้อยู่แล้วห้ามความคิดใครได้ ไม่สามารถบังคับคนอื่นให้คิดเหมือนอย่างที่เราคิดเหมือนกันหมดทั้งประเทศ มันเป็นไปไม่ได้ ตรงนี้ก็ต้องปล่อย ไม่รู้จะไปดีลกับมันทำไม กับ 2. คือเราอยู่ของเราดี ๆ ทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับเรา สำหรับต้นตอไม่ต้องตามหาก็มีคนบอกอยู่แล้ว ส่วนลูก ๆ เขายังเด็กมาก ยังไม่รู้เรื่องอะไร ก็ต้องขอบคุณทุก ๆ คนที่พอมีข่าวออกมาแล้วทุกคนช่วยกันภาวนาขอให้ไม่ใช่บ้านเรา ซาบซึ้งที่ทุกคนรักครอบครัวเรา”
“ถามว่าตลอด 7 ปีที่ใช้ชีวิตการเป็นสามี-ภรรยาร่วมกันมาพี่น็อตทำให้เรามั่นใจในความเป็นสามี ในความเป็นพ่อ ในการเป็นหัวหน้าครอบครัวยังไง ถ้าจะให้พูดก็เหมือนเราหลงผู้ชาย มาออกตัวแทนเขา ชมเลยไม่รู้สึกว่าเราจะต้องออกมาอธิบายว่าเขาเป็นคนอย่างนี้ ๆ นะ เขาไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอกแก ขณะเดียวกันคุณน็อตเองเขาก็บอกว่าเขาไม่ได้สนใจว่าใครจะมองเขายังไง ฉะนั้นเราคิดว่าเราไม่ได้มีหน้าที่ต้องออกมาอธิบายว่าเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ถ้าถามว่าอะไรที่ทำให้เรามั่นใจ เพราะเรารู้จักและเราก็รู้ว่าเรามีโฟกัสอะไร เรามีความฝัน เรามีภาพบางอย่างร่วมกัน มีมิชชัน มีความฝันใหญ่ที่เราอยากจะไปร่วมกัน ซึ่งมันไม่ควรจะต้องมาถูกทำลายด้วยเรื่องพรรค์นี้ มีมิชชัน มีความฝันใหญ่ที่เราอยากจะไปร่วมกัน ตอนนี้ต่างคนก็ต่างทำในพาร์ทของตัวเองกันอยู่ เขาเองก็ไม่เคยมาเล่าให้ฟังว่ามีคนพยายามจะเข้าหาเขา เราเองก็ไม่ได้ไปถาม ไปโฟกัส หรือมานั่งจับผิด จะบอกว่าเป็นเพราะพี่น็อตดูหล่อ ดูฮอตขึ้นทุกวันไหม คนเลยจับตาเรื่องนี้ ไม่ทราบเหมือนกัน เราห้ามความคิดคนไม่ได้ อยากคิดอะไรเอาที่สบายใจเลย ความมั่นใจของเราก็ไม่ได้ลดลง ชมกลับรู้สึกว่ามันยิ่งทำให้เราได้ Bonding กัน ยิ่งได้กลับมามองเป้าหมายของเราด้วยกัน ทำให้เราจับมือกันแน่นขึ้นด้วยซ้ำ”
“ส่วนเรื่องที่เขาเซ็นพินัยกรรมยกมรดกให้ จริง ๆ มันเป็นเรื่องที่เราคุยกันมาตลอดอยู่แล้ว อาจจะเป็นเพราะเราผ่านการสูยเสียมา แล้วเราก็อยู่กันมานาน ตั้งแต่คุณน็อตกลับมาใหม่ ๆ ทำธุรกิจของที่บ้าน จนเริ่มทำของตัวเอง เราฟังความฝัน ฟังแผนการทุกอย่างของเขา อัปเดตกันตลอด เราค่อนข้างจะคุยเรื่องพวกนี้กันตลอดว่าถ้าเกิดวันหนึ่งใครไม่อยู่ ลูกจะยังไง ทรัพย์สมบัติเราดูแลกันยังไง ถ้าพี่น็อตเป็นอะไร ธุรกิจถ้าดูไม่ไหวให้จัดการยังไง เราอัปเดตกันตลอดเวลา เขินเหมือนกันที่จะบอกว่าเขาเซ็นยกให้เราแล้ว เหมือนอย่างที่เขาพูดในรายการ ก็ประมาณนั้นค่ะ ส่วนที่คุณชมว่าเขาเป็นสามีดีเด่น เขามีฟีดแบ็กยังไง เราไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ค่ะ หลายคนมองว่าเขาเปย์เราหมดตัว ส่วนตัวชมมองว่าเขาคงไว้ใจเรามากกว่า สุดท้ายแล้วถ้าใครคนใดคนหนึ่งไม่อยู่ อีกคนที่เหลือก็ต้องดูแลลูก” สำหรับกระแสข่าวของ “ดิว อริสรา” ที่ถูกแฟนเก่าทำร้ายร่างกาย “ชมพู่” ยอมรับว่าก็เป็นห่วงน้องนะคะ ไม่เคยทราบสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้อง รับรู้จากข่าว ไม่อยากจะคอมเมนต์อะไรมาก เอาเป็นว่าเป็นกำลังใจให้เขา”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน