“อ๊อฟ ปองศักดิ์” เผยเคยคิดสั้น-ไล่แฟน-เหมือนเป็นบ้า จนพบที่แท้เป็นโรคซึมเศร้า

ก่อนหน้านี้นักร้องเสียงดี “อ๊อฟ ปองศักดิ์” ออกมาโพสต์อินสตาแกรมแจ้งว่าตนเองป่วยเป็นโรคซึมเศร้า หลังสังเกตตัวเองจนตัดสินใจไปพบจิตแพทย์ และปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการทานยารักษาอยู่ ทำให้มีแฟนคลับและเพื่อนพี่น้องในวงการเข้ามาส่งกำลังใจให้ล้นหลาม ตามที่เสนอข่าวไป


ล่าสุดวันนี้(20 ธ.ค. 2565) “อ๊อฟ” ลงคลิปกำลังนั่งเล่าถึงประสบการณ์ ที่คาดว่าอาจทำให้ตนเองกลายเป็นโรคซึมเศร้า ว่า “เรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีที่แล้วตั้งแต่คุณแม่เสียไปและไม่ได้มีเวลากับตัวเองเลยหลังจากที่คุณแม่เสียอ๊อฟต้องจัดงานศพคุณแม่ ต้องดูเองแขก จุดที่พีคที่สุดคือในระหว่างที่คุณแม่เสีย จังหวะที่เครื่องชีพจรหัวใจหยุดเต้นดัง ตี๊ดดดด… อ๊อฟเองก็อยู่ในห้องนั้นกับแม่ทำให้เป็นความตกใจ ช็อกไปเลยกลับมาที่งานศพคุณแม่ช่วงเวลานั้นก็ไม่ได้มีเวลาดูว่าตัวเอง ลึก ๆ รู้สึกอะไรจนทำงานศพคุณแม่เสร็จ อีกประมาณอาทิตย์หนึ่งอ๊อฟก็ต้องไปทัวร์งานต่างประเทศ ซึ่งเวลาไปทัวร์งานต่างประเทศก็ไม่มีเวลาให้ทบทวนความรู้สึกตัวเอง ได้ปลดล็อกความรู้สึกตัวเองและพอกลับมาช่วงเวลาเดือนพฤษจิกายน ธันวาคมก็เลิกกับภูมิ(แฟน)

พอเลิกกับภูมิก็ไม่ได้มีเวลาในการที่เสียใจกับการเลิกกัน กับคนที่เราคบมาประมาณ 2 ปี อ๊อฟต้องซ้อมคอนเสิร์ตเพื่อจะเล่นคอนเสิร์ตเดี่ยวของตัวเอง ในเดือนมีนาคมต้องซ้อมเดือนกว่า ๆ ก็ไม่มีกับตัวเองอีก แต่ว่าช่วงซ้อมคอนเสิร์ตประมาณเดือนมกราคมกว่า ๆ คุณแม่เสียในปี 63 เดือนกันยายนและปี 64 เดือนมกราคม อ๊อฟรู้สึกว่าได้มีเวลาอยู่ในบ้าน อยู่ในห้องเห็นบรรยากาศเดิม ๆและอ๊อฟก็รู้สึกว่าเราอยู่ไม่ได้และคิดว่าจะฆ่าตัวตาย แต่ตอนนั้นก็คิดว่าปกติของคนที่สูญเสียคนที่เรารักมาก ๆ ไปทำให้เราไม่กังวลอะไรกับเหตุการณ์นี้ จนเวลาผ่านไปเล่นคอนเสิร์ตก็มีพี่ฉอดที่เป็นผู้ใหญ่คอยอยู่ข้าง ๆ อ๊อฟพยายามบอกอาการอยู่บ่อยและเขาให้กำลังใจได้ดีมาก ๆ หลังจากงานคอนเสิร์ตรู้สึกว่าตัวเองเป็นบ้า เพราะว่าได้มีความสุขกับงานร้องเพลงมาก ๆ แต่พอร้องเสร็จอ๊อฟก็ร้องไห้ ทำทุกวัน ๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าเป็นแค่ความคิดถึงแม่อยากให้แม่มาอยู่ในวันสำคัญของเรา


จนเวลาผ่านไปและอ๊อฟก็ไม่ได้คิดว่าป่วยอะไรและพอตอนนี้ได้ตัดสินใจไปหาคุณหมอเพราะสารเคมีในสมองมันเคลื่อนด้วยอัตโนมัติมีปมหลายอย่าง ได้ไปนั่งคุยกับคุณหมอที่โรงพยาบาลกรุงเทพแผนกจิตลักษณ์ เจอคุณหมอชัยชนะ ได้ไปคุยเพราะว่าช่วงหลังเวลาอยากได้อะไร ตั้งเป้าหมายไว้ในหัวเราก็จะคิดว่าต้องเอาให้ได้ รู้สึกกระวนกระวายอยู่ไม่สุขออกจากบ้านเพื่อไปเอาให้ได้ โดยที่อ๊อฟก็คิดว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้และยังรู้สึกไม่พอใจ หงุดหงิด พอตื่นเช้ามาก็ตัดสินใจไปบอกพี่สาวโดยการนั่งจับมือคุยกับพี่สาวว่าเราไม่ไหวแล้วจริง ๆ เรารู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า บอกพี่สาวว่า เธอพาฉันหาหมอหน่อย เหมือนฉันจะเป็นบ้า อ๊อฟกับพี่สาวจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาล ตอนแรกไปศูนย์พัฒนาตรงแยกทางด่วงซึ่งไม่มาสารถวอล์กอินได้แต่ด้วยที่เรารู้อาการแล้ว เราต้องไปเจอหมอ แนะนำให้โทรไปหาหมอที่โรงพยาบาลกรุงเทพ แผนกจิตลักษณ์ที่รักษาเกี่ยวกับจิตเวช เป็นโชคดีมากซึ่งปกติคุณหมอไม่รับเคสวอล์กอินแต่ด้วยเมื่อวาน เขาเห็นอาการคุณหมอก็ให้ทำแบบสอบถามซึ่งอ๊อฟก็เข้าข่ายที่ต้องรับยา สุดท้ายคุณหมอให้ทานยา 3 ตัว ตัวแรกที่ปรับโรคซึมเศร้า ตัวที่ 2 คือตัวที่ปรับเคมีในสมองเพื่อลดความกระวนกระวายลง ตัวที่ 3 ยาช่วยให้ผ่อนคลาย เพราะอาการของคนที่ป่วยจะมีอาการไม่นอนน้อยก็นอนมาก บ้างวันก็อยากกินข้าว บ้างวันก็ไม่อยากกินข้าว อ๊อฟอยากจะบอกว่าอ๊อฟขอบคุณทุก ๆ คนที่เข้าใจ ขอบคุณที่จะเป็นพลังกายให้กัน โรคนี้มันน่ากลัวถ้าคุณไม่ได้ไปพบแพทย์ ไม่ได้ยอมรับกับสิ่งที่ตัวเองเป็น อ๊อฟว่าลองไปปรึกษาดูจะทำให้คุณดีขึ้นจริง ๆ สำหรับคนที่รู้และไม่รู้ว่าตัวเองป่วยหรือไม่กล้าไปหาหมอและขอบคุณลูกค้าที่ยังจ้างอ๊อฟต่อไป เพราะคุณหมอให้ยาที่ช่วยให้ทำงานได้

อ๊อฟยังไม่แน่ใจว่าเป็นสาเหตุด้วยหรือป่าว ที่ทำให้อาการหนักขึ้นเมื่อประมาณกลาง ๆ ปีที่แล้ว มีนาปีแล้วได้เจอกับจัสติน(แฟน) ที่บ้านเขา ตั้งไทป์ไว้ว่าอยากมีแฟนเป็นฝรั่งมาคาดหวังเต็มที่มาก ๆ พอเลิกกันก็ผิดหวังมาก ๆ บวกกับอ๊อฟที่ไปหาเขาที่อเมริกา อ๊อฟก็ติดโควิดหายเมื่อมกราคมปีนี้ พอหายเสร็จอ๊อฟเองก็ไม่มั่นใจว่าเกี่ยวกันไหม เอฟเฟ็กต์หรือลองโควิดทำให้อาการหนักขึ้น ลองดูว่ามีอะไรที่แปลกไปหรือเปล่า ทางความรู้สึก อารมณ์มันอาจจะทำให้รู้สึกเองว่าตัวเองไม่ดี ไม่ประสบความสำเร็จเลยกับความรัก พอกลับมาอยู่คอนโดก็มีอาการตัวสั่น ใจสั่นอยากจะกระโดดตึก อยากจะตายผ่านมาได้เพราะในความคิดหนึ่งว่าแม่ไม่อยากให้เราทำแบบนี้

และผ่านมาเชรต(แฟนปัจุบัน)เป็นแฟนที่ดีมาก เราก็ดันตั้งความหวังไว้ให้เป็นในสิ่งเราอยากให้เป็นจนตัวอ๊อฟเองรู้สึกเมื่อมันผิดหวังการแสดงออกก็คือเราจะโกรธ ปากบอกไม่เป็นไร เราโอเคและทำนิสัยไม่ดีก็คือเก็บของเขาและไล่เขาออกไปจากชีวิตอ๊อฟ แต่สุดท้ายแล้วเมื่ออาการมันดีขึ้นเรารู้สึกว่าเรายังต้องการคน ๆ นี้ เรายังรักคนนี้อยู่และขอโทษเขาจนเป็นสาเหตุที่คุยกับพี่สาว ไม่อยากเป็นบ้า พาไปหาคุณหมอ จนเจอสาเหตุว่าโรคซึมเศร้า เป็นเคมีอีกตัวหนึ่งที่ทำให้กระวนกระวาย ทำให้เป็นสองบุคลิก หลักจากนี้ขอบคุณเชรตที่อยู่และเข้าใจเป็นกำลังใจให้อ๊อฟ ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคน แฟน ๆ ทุกคน ลูกค้า ๆ ทุกคนต้องขอโทษในบ้างครั้งอาจจะใช้อารมณ์มากเกินไปจนทำให้รู้สึกแย่กับอ๊อฟในบ้างที แต่อ๊อฟเต็มที่มากเวลาขึ้นไปบนเวที คุณหมอบอกว่าอะไรที่ทำให้เรามีความสุขที่สุด ความสุขที่สุดของอ๊อฟที่สุดคือการร้องเพลง อ๊อฟแนะนำว่าอย่าคาดหวังกับอะไรก็ตามที่บ้างทีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเป็นอย่างที่หวังหรือเปล่าพราะว่าเมื่อไรที่เราคาดหวังแล้วไม่เป็นไปตามที่คาดหวังมันทำให้เราผิดหวัง อย่าเปรียบเทียบ ให้เราตั้งมั่นกับปัจจุบันและอยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด ตั้งใจทำในสิ่งที่ตัวเองรัก คุณหมอบอกถ้าเราจะหาอะไรที่โฟกัสสักอย่างที่ทำให้เรามีควาสุขก็จะดีสำหรับอ๊อฟ หลักจากนี้อ๊อฟจะหาน้องหมาสักตัวหนึ่งเพื่อให้เราได้โฟกัส เวลาอ๊อฟไปทำงานก็มีคนที่บ้านดูแล โรคนี้ถ้าเราติดตามกับคุณหมอและทานยาสม่ำเสมอเราจะหายดี จับมือและสู้ไปด้วยกัน.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 349 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม