“เบนซ์” เผย แผลทางกายแม่ดีขึ้น แต่ยังฝังใจ รับห้างคู่กรณีโทรขอโทษ-เสนอการเยียวยา ลั่นไม่ได้อยากมีปัญหา แต่อยากให้ใส่ใจความปลอดภัย

จากกรณีที่คุณแม่ลูก 3 “เบนซ์ พรชิตา” ตัดสินใจออกมาโพสต์เตือนภัย หลังเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อนคุณแม่ “เสาวณีย์ ณ สงขลา” วัย 75 ปี คุณแม่ของ “เบนซ์” ไปซื้อของที่ห้างแห่งหนึ่ง ซึ่งส่วนที่ซื้อสินค้าจะอยู่ชั้น 2 ของห้าง แต่ห้างแห่งนี้ไม่มีลิฟต์ ทำให้ลูกค้าต้องเข็นรถเข็นลงจากชั้น 2 ด้วยทางลาดที่ทางห้างจัดเตรียมไว้ให้ โดยปกติเวลาเรานำรถเข็นลงมาทางบันไดเลื่อน ล้อรถจะล็อก เพื่อป้องกันรถเข็นไหล แต่ปรากฏว่าวันนั้นล้อรถเข็นของคุณแม่ของ “เบนซ์” ไม่ล็อก ด้วยน้ำหนักของในรถเข็นบวกกับรถเข็นทำให้คุณแม่ของ “เบนซ์” ถูกลากลงมากับรถเข็นด้วยความเร็วทำให้ไปกระแทกกับเคาน์เตอร์ของร้านค้าด้านล่าง ศีรษะและใบหน้ากระแทกกับรถเข็น ต้องเย็บ 4 เข็ม มีแผลฟกช้ำหลายจุด จนถึงทุกวันนี้ก็ยังเจ็บอยู่ เหตุที่คุณแม่ไม่ยอมปล่อยรถเข็นลงไป เพราะกลัวไปโดนคนข้างหน้าที่ยืนอยู่ กลัวไปกระแทกคนอื่น เลยพยายามดึงไว้ หลังเกิดเรื่องมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้จัดการของห้างมาเยี่ยม 1 ครั้ง บอกว่าจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย และโทรมาสอบถามอาการอีกรอบ ก่อนจะเงียบหายไป ไม่มีการติดต่อกลับมาเพื่อชดใช้หรือเยียวยาใด ๆ โดย”เบนซ์” ให้เหตุผลว่าที่ออกมาโพสต์เตือนภัยเพราะอยากให้เป็นเป็นอุทาหรณ์ มองว่าทางห้างควรดูแลความเสียหายให้เป็นมาตรฐาน ไม่ใช่แค่แวะมาเยี่ยมและโทรสอบถามอาการ ในเคสของ “เบนซ์” ยังสามารถดูแลคุณแม่ได้ แต่ถ้าเกิดกับคนทั่วไปที่ไม่มีเงิน ไม่มีกระบอกเสียงจะทำยังไง


ล่าสุด “เบนซ์” พร้อมด้วยสามี “มิค บรมวุฒิ” ออกอีเวนต์และเปิดใจถึงเรื่องนี้ โดย “เบนซ์” เผยว่า “ตอนนี้บาดแผลที่เย็บ รวมถึงรอยช้ำม่วง ๆ บนตัวแม่หายแล้ว แต่ตอนที่ล้มเหมือนขาเดินไม่ค่อยโอเค เดินได้ไม่เหมือนเดิม ปกติปแม่จะเป็นคนทำอะไรคล่องแคล่ว ชอบทำอะไรเร็ว ๆ แต่พอล้มแล้วเหมือนแม่เดินไม่ได้ดั่งใจ เดินได้ช้าลง เพราะมันเจ็บ พอทำอะไรไม่ได้เหมือนใจคิดมันทำให้เขารู้สึกแย่ หงุดหงิด เหมือนอยากจะเดินไปตรงนี้แต่ขามันไม่ไป วันก่อนหลานเล่นน้ำ แกก็บ่นแล้วก็ก้มลงเช็ด แต่เช็ดไปร้องไห้ไป เหมือนรู้สึกว่าสมัยก่อนฉันทำอะไรได้มากกว่านี้ ไม่เจ็บ ไม่ปวด แต่ตอนนี้เช็ดไม่ไหวก็เลยร้องไห้ พอพาไปหาหมอ หมอก็ให้กินยาคลายเครียด ถามว่ามีโอกาสที่คุณแม่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม ไม่แน่ใจ อย่างขาที่เจ็บก็ต้องลองรักษาดูก่อน ตอนแรกคิดว่าไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โต คิดว่าแม่นอยด์ไปเอง พยายามทำให้ขำด้วยการแซวว่าแก่แล้วล้มอย่าไปคิดเยอะ เดี๋ยวมันก็หายไปเอง แต่พอผ่านไปสักพัก เริ่มไม่หาย แม่ไม่ขำ ส่วนทางห้างเพิ่งติดต่อมาเมื่อวานหลังจากที่ลงโพสต์นั้นไป เขาโทรมาบอกว่าเห็นข่าวแล้ว เขาขอโทษ ขอโทษจริง ๆ นะ ซึ่งคนที่โทรมาเป็นผู้ใหญ่อีกระดับหนึ่ง ไม่ใช่ผู้จัดการสาขา เป็นฝ่ายดูแลลูกค้า บอกจะเข้ามาขอเยี่ยม ส่วนเรื่องของการเยียวยาเขาบอกจะพยายามดูแลให้ดีที่สุด อยากได้อะไรลองมาคุยกัน เขาเสนอมาก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ยังไม่ได้คุยรายละเอียดกัน อาจจะต้องรออีกสักพักเพราะป่วยกันทั้งบ้านเลย สักอาทิตย์หน้าค่อยคุย อย่างที่บอกไปว่าที่ลงโพสต์นั้นเราไม่ได้ต้องการจะไปเรียกร้องเงินอะไร คือหลังเกิดเรื่องเราก็รอ คิดว่าเขาเป็นบริษัทใหญ่หรือเปล่า อาจจะต้องรอเวลา รอขั้นตอน แต่มันก็นานไป จนคิดว่าเขาลืมเราหรือเปล่า เลยต้องกระตุ้นนิดนึง เพราะแม่ก็กระตุ้นเบนซ์มาอีกทีว่าถ้าวันนั้นลูกเบนซ์อยู่ตรงหน้ารถเข็น แล้วรถเข็นทับหัวลูก เบนซ์จะทำยังไง เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุที่มันเกิดขึ้นได้ แต่มันไม่เกิดจะจะดีที่สุด และถ้าเป็นไปได้อนาคตไม่มีใครเจ็บดีไหมนะ เราก็เลยรู้ว่าโอเคเราลงเพื่อกระตุ้นให้ทุกห้างดูแลเรื่องรถเข็นให้โอเค จะได้ไม่มีปัญหาตามมา เพราะยุคนี้ก็เป็นยุคที่มีคนสูงอายุเยอะ ซึ่งเขาก็ไปซื้อของเอง บางทีก็ไปเป็นครอบครัว มีเด็ก มีอะไร มันก็อาจจะเป็นไปได้ที่รถเข็นจะไหลไปโดนเด็กได้ถ้าอุปกรณ์ไม่ได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์”

ด้าน “มิค” กล่าวเสริมว่า “หลังเกิดเรื่องเหมือนคุณแม่ของเบนซ์สภาพจิตใจแย่ จนเราต้องพาไปหาหมอ จากคนที่เหมือนเป็นที่พึ่งของครอบครัวทุกคน ใครเดือดร้อน พร้อมที่จะพุ่งไปช่วย แต่ตอนนี้เหมือนเขาทำอะไรไม่ถนัด เพราะยังเจ็บอยู่ วันก่อนพาไปทำกายภาพ เหมือนจะดีขึ้น แต่คุณหมอก็บอกว่ายังต้องกลับไปอีกหลายรอบ เพราะอายุมากแล้ว เหมือนสภาพจิตใจและสภาพร่างกายเขากลับมาไม่เหมือนเดิม หมอแนะนำว่าให้พ่อแม่กลับไปที่เกิดเหตุ เขาจะได้ไม่กลัว ตอนนี้เหมือนเขากลัว ตอนนี้แค่ขึ้นบันไดเลื่อนก็หลอน ให้ไปซื้อของก็ไม่คงไม่กล้าอีกแล้ว กลายเป็นกลัวไปหมด ใครที่เคยเจอแม่เบนซ์จะรู้ว่าถ้าพูดไม่เข้าหาจะโดนด่ากลับ แต่ทุกวันนี้แม่ไม่พูด นั่งหน้าสลด ซึมไปเยอะ ผิดวิสัยแม่มาก เหตุการณ์ครั้งนี้มีเอฟเฟกซ์ต่อสภาพจิตใจและร่างกายเขามากที่สุด คือที่เราออกมาพูด เพราะหลาย ๆ ห้างก็ใช้รถเข็นแบบนี้ ถ้าเราไม่ออกมาพุดมันอาจจะเกิดเหตุที่ร้านแรงกว่านี้ก็ได้ อยากจะให้มีการตรวจเช็กรถเข็นเข็น เหมือนเวลาตรวจเช็กสภาพการใช้งานของลิฟต์ ขอแค่เช็กระบบให้ดีและมีวิธีการดูแลลูกค้าของคุณทันทีที่มันเกิดอุบัติเหตุ เพราะหลังจากที่เราโพสต์ไปก็มีนักกฏหมายหลายคนส่งข้อความบอกว่าความจริงห้างเขามีประกันเพื่อดูแลผู้บริโภคอยู่แล้ว จริง ๆ มันไม่ควรจะนานขนาดนี้ เรื่องมันควรจะจบตั้งแต่ 2-3 วันแรก เพราะเขาก็จ่ายประกันของเขาปกติ แต่นี่เรารอมา 2 เดือนครึ่งก็เลยรู้สึกว่ามันนานไป อันนี้เราไม่ได้โทษองค์กร น่าจะเป็นที่ตัวบุคคลหนึ่งที่อาจจะสื่อสารผิดพลาดและลืม เพราะเขาก็พูดเองว่าเขาเพิ่งเข้ามารับหน้าที่ไม่นาน แต่เรารู้สึกว่าคุณเข้ามาดูแลในตำแหน่งที่เป็นผู้จัดการสาขาแล้ว วัยวุฒิ คุณวุฒิคุณก็ควรจะมีมากพอกว่านี้กับสิ่งที่คุณควรจะทำ เท่าที่ทราบห้างนี้ 1 เดือนได้เกิดอุบัติเหตุในลักษณะเดียวกันถึง 4 ครั้งแล้ว หลังจากนี้คงห้ามแม่ไม่ให้ไปเดินชอปปิงได้ เราะส่วนตัวแม่ชื่นชอบการช้อปปิ้งซื้อของเข้าบ้านอยู่แล้ว แต่คงจะมีการเรียกเจ้าหน้าที่ให้ช่วยสำหรับการเข็นรถ หรือดูแลมากขึ้นเมื่อซื้อของหนัก”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 1,030 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม