“เอ็ม นันทวัฒน์” ยันแจ้งความ “ม้า อรนภา” ปมตบหน้าที่เกาหลี ลั่นที่ไม่บอกตร.กิมจิ สงสารเห็นแก่แล้ว

หนังม้วนเดียวกันแต่เรื่องยังไม่จบอย่างที่หลายคนเข้าใจ หลังดารารุ่นลายคราม “ม้า อรนภา” ออกมาแถลงข่าวเมื่อวานนี้(30พ.ย.2565) เปิดใจขอโทษต่อหน้าสื่อมวลชน ว่าได้ตบดาราน้องใหม่ “เอ็ม นันทวัฒน์” ที่เกาหลีจริงเพราะอีกฝ่ายเปลี่ยนใจไม่ไปกินปูตามแพลนที่วางไว้ แต่ได้ขอโทษและปรับความเข้าใจไปแล้ว ตามที่เสนอข่าวไป

ล่าสุดวันนี้(1 ธ.ค.2565) “เอ็ม นันทวัฒน์” มาเปิดใจในมุมของตน ผ่านทางคุยแซ่บโชว์ ว่า “ต้องขอบคุณพี่ม้าที่ตอบคำถามตรง แต่มันยังตรงไม่หมดในส่วนของผม คือเรารู้จักพี่ม้าตามอีเวนต์แต่เขาไม่รู้จักผมหรอกเพราะเราก็จะสวัสดีเขาปกติ แต่มารู้จักจริง ๆ จากพี่ธง(ผู้จัดการส่วนตัว) คือเราไปเกาหลีกับพี่ม้า 2 คนเพราะพี่ธงเป็นโควิด ซึ่งเราโอเคเพราะอยากไปทำหน้า แต่ถามว่ากลัวมั้ยก็กลัวเพราะเขาคือม้า อรนภา ผมเด็กและผมเห็นเขามาตลอดตั้งแต่เดอะสตาร์ เรื่องที่เขาบอกว่าดูแลอย่างดี คือเราต่างดูแลกัน คือแม่ม้ารู้อยู่แก่ใจว่าผมมีสัมมาคารวะตลอด ส่วนจุดเริ่มของเรื่องคือวันนั้นเรากินอิ่มแล้ว เลยบอกไปว่า “เอ็มอิ่มแล้วไม่ไปกินปูได้ไหม” เขาก็บอก “อะไร อีบ้า ตีไหล่ผม 2 ที” สุดท้ายเขาบอกโมโหแล้วนะ แล้วก็ฟาดหน้าผม 1 ที แล้วผมก็เดินออกไปด้วยอารมณ์โมโหมาก ๆ คือเพื่อนถามว่าทำไมไม่สวน เราสวนไม่ได้ อาย เจ็บ และตลอดที่เราเดินออกไปเขาก็พูดตลอด เราเลยต้องหาคำพูดคำหนึ่งเพื่อให้เขาหยุด ว่าผมไม่เคยโดนพ่อแม่ตีขนาดนี้” พี่ม้าบอกแตะ ไม่ใช่ตบ ? “มุมผมเป็นผู้ถูกกระทำ มองว่าโดนตบครับ เพราะหน้าผมหันเลย แรงนะ มือแม่ใหญ่กว่าหน้าผมอีกนะ แต่ที่ตีไหล่อันนั้นผมมองว่าแตะ ส่วนที่หน้าคือแรงนะ หน้าชาเลย จนพอใจเย็นลง เราก็ถามแม่เขาไปว่า ถ้าพาคุณหญิงคุณนายไปกินปูแล้วเขาไม่ไป แม่จะตบเขาแบบนี้ไหม แต่ผมจำไม่ได้ว่าเขาตอบว่าอะไร และมีบางช่วงที่แม่ม้าร้องไห้ ทุกอย่างจบเลย เขาขอโทษ ผมขอโทษ เราเข้าไปกอด บอกแม่ว่าถ้านั้นเรื่องนี้เรารู้กันสองคนนะ อย่าไปบอกใครนะ จนเราบอกว่า ถ้านั้นไปกินปูก็ได้”

เรื่องเหมือนจบแต่ไม่จบ ? “เรากลับรร. ไปนั่งคิดว่าทำอะไรแย่มาก อะไรยอมได้ อะไรยอมไม่ได้ ก็นั่งคิดว่าเรื่องตบ ยอมไม่ได้ เราก็โทรหาแม่ที่เมืองไทย เราไม่ได้นอน 2 วัน เล่าเหตุการณ์ คุยไปเรื่อย ๆ จนแม่จับประเด็นได้ เราเลยเล่าให้แม่ฟังว่าโดนตี แต่ย้ำว่าไม่ต้องไปเล่าให้พี่ธงฟังนะ เดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่ แต่คือแม่โกรธมาก เพราะเขาไม่เคยตบลูก แม่ไปอาละวาดกับพี่ธง เพราะพี่ธงไม่อยากให้ฟ้อง จะให้ประนีประนอม จากนั้นแม่ติดต่อทนาย ส่งไปหาทนายหลายคนแต่ไม่มีใครอ่าน เพราะเราไม่ได้บอกว่าใครตบ จนมีทนายคนนี้อ่านและตอบ เราเลยเลือกคนนี้ให้ช่วยดูแล เลยปรึกษา เขาก็แนะนำว่าให้ทำอะไร ผมก็มาบอกพี่ธงว่าได้ทนายแล้วนะ แต่ก่อนหน้านี้พี่ธงไปคุยกับฝั่งแม่ม้า เขาบอกประมาณ ฉันตบมีหลักฐานเหรอ เราเลยขึ้น เลยส่งคลิป ส่งเอกสารทุกอย่างให้ทนาย ละบอกว่าเป็นพี่ม้า อรนภา เราบอกทนายว่าเรื่องนี้ไม่ยอม จะเอาความให้ถึงที่สุด ผมโดนตบแต่ไม่ได้ตอบโต้ อยากบอกว่าใครโดนแบบนี้ต้องกล้า”

สรุปมีการแจ้งความที่เกาหลีไหม ? “ที่เกาหลีแจ้งความ แต่พอตร. ถามกลับมาว่าคนนี้ชื่ออะไร เราก็บ่ายเบี่ยงว่าไม่รู้ เขาถามมีเบอร์หรือมีที่อยู่โรงแรมคนนี้ไหม เราก็บอกไม่มีครับ เพราะตำรวจเขาบอกถ้าจากในกล้องวงจรปิดเขาสามารถไปจับตัวได้เลย แต่เราไม่อยากให้มันหนักขนาดนั้น เพราะเขาไม่ได้ทำให้ผมตาย ซึ่งถ้าตอนนั้นตำรวจเกาหลีมา เขาจะติดคุกที่เกาหลีนะครับ ผมก็นึกอีกว่าสิ่งดี ๆ ที่เขาทำให้เรามันก็มี ซึ่งตร.เกาหลีแนะนำว่า ให้เอาใบแจ้งความและคลิปกลับไปไทย มันสามารถดำเนินคดีได้ ส่วนที่เลือกไม่บอกตำรวจว่าคือใคร ผมสงสารเขา มองว่าเขาก็แก่แล้ว คือผมแค่รักษาสิทธิ์ผมในการทำร้ายร่างกาย แต่เรื่องสะใจไม่มี ส่วนเรื่องถึงทนายไทย มันขึ้นอยู่กับหลักฐาน เรารักแม่ม้าเหมือนเดิมแต่สิ่งที่แม่ทำ แม่ทำกับคนอื่นไม่ได้แล้วนะ เพราะมันเป็นความผิดจริง เราจะแจ้งความที่ไทยด้วย”

ตอนนี้ยังโกรธไหม ตอนแรกโกรธมาก มันเป็นเรื่องของเราสองคนแต่พี่ม้ากลับโดนบูลลี่ในโซเชียล คือเราไม่ยอมความอยู่แล้วแต่ทุกคนอย่าใช้ผมเป็นสื่อ บางคนด่าผม(น้ำตาคลอ) ถ้าผมอยู่เมืองไทยผมปากแจ๋วได้ แต่ผมอยู่เกาหลี ผมโทรหาใครก็ไม่ได้ ทุกคนไม่ยอมฟังเลย ทุกคนอยากให้ผมเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ คอมเมนต์ด่ามันอยู่ในใจตลอด เรื่องโกรธเราไม่ได้โกรธขนาดนั้นแล้ว แต่การมาเจอกันมันยังไม่ได้ ผมกลัวทุกอย่าง จะไม่มาจับมือ มากอด เอากระเช้ามา มันไม่ได้ แต่ใจเราหายโกรธแล้ว ให้อภัย แต่เราอยากให้บทเรียนกับแม่ เราเองก็ได้บทเรียนเหมือนกัน ส่วนเรื่องที่คนสงสัยชู้สาว ถ้ามีจริงคนต้องรู้อยู่แล้ว แต่เขารุ่นแม่ผมแล้ว ตอนแรกวันแถลงข่าวผมกลัวมากเลยว่าแม่ม้าจะบอกว่าผมเป็นเด็กเขา เป็นเอ็น ซื้อมา แต่มันคือสิ่งที่ผมคิดไปเอง พอมาฟังแม่ไม่ได้พูดแบบนั้น แต่เรื่องที่ผิดจริง ๆ คือแม่ตบหน้าเอ็มครับ.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 4,506 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม