“พิ้งกี้” พร้อมแม่-พี่ชาย ขึ้นศาลคดี Forex-3D ตรวจพยานหลักฐาน-สอบคำให้การจำเลย ด้าน “ปราบต์ ปราบต์ปฎล” โผล่ให้กำลังใจภรรยา

เมื่อเวลา 8.00 น. วันนี้ (29 พ.ย. 65) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานและสอบคำให้การจำเลย คดีฉ้อโกงแชร์ Forex – 3D ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนางเอกชื่อดัง “พิ้งกี้ สาวิกา ไชยเดช”, “นางสรินยา ไชยเดช” มารดา และ “นายกิตติเชษฐ์ หรือสรายุทธ ไชยเดช” พี่ชาย กับพวกรวม 19 คน เป็นจำเลยที่ 1-19 กรณีฉ้อโกงประชาชนคดีแชร์ Forex 3D มูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังนัดพร้อมคดีหมายเลขดำ อ.853/2565 อีกสำนวน ซึ่งมี นายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้บริหาร แชร์ Forex 3D และนายกิตติเชษฐ์ หรือสรายุทธ ไชยเดช พี่ชายนักแสดงสาวกับพวก รวม 5 คน เป็นจำเลยด้วย ซึ่งการพิจารณาคดีวันนี้ศาลได้ทำการรวมสำนวนทั้ง 2 สำนวน เป็นสำนวนเดียวกัน


โดยช่วงเช้าเวลา 08.30 น. ผู้สื่อข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทนรายงานว่า มีรถจากเรือนจำกรุงเทพมหานคร 2 คัน เดินทางมาที่ศาลอาญา ก่อนที่ผู้ต้องหา นำโดย พิ้งกี้ สาวิกา,คุณแม่ พร้อมด้วย พี่ชาย และนาย อภิรักษ์ โกฎธิ,และพวก จะลงจากรถบริเวณด้านหลังเรือนจำ ด้วยท่าทางและสายตาที่พยายามจะมองหาญาติที่มาตามให้กำลังใจ ผู้ต้องหาชายยังคงสวมใส่โซ่ตรวนที่ข้อมือและเท้า สวมชุดสีน้ำตาลทั้งเสื้อและกางเกงขาสััน ส่วนผู้หญิงรวมถึงพิ้งกี้ สวมเสื้อสีน้ำตาลและผ้าถุงสีน้ำตาล ไม่มีโซ่ตรวนที่ข้อมือและข้อเท้า ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บริเวณด้านหลังเรือนจำซึ่งเป็นพื้นที่กักขังชั่วคราวได้พบกับนักแสดง “ปราบต์ ปราบต์ปฎล” ที่เดินทางมาให้กำลังใจภรรยา ซึ่งถูกคุมตัวในคดีนี้ด้วย ปราบต์สวมเสื้อสีแดงและถือขวดน้ำดื่ม เพื่อเข้าไปคุยโทรศัพท์ของศาลที่จัดเตรียมไว้ให้พูดคุยกับภรรยาราว 20 นาที ซึ่งในเวลาเดียวกัน พิ้งกี้ที่อยู่ในห้องขังได้พูดคุยโทรศัพท์กับเพื่อนที่มารอให้กำลังใจ ใช้เวลาคุยราว 15 นาที ซึ่งระหว่างพูดคุยพิ้งกี้นั่งก้มหน้า มือขวาจับที่หัวเข่าตัวเองตลอดเวลา

ณ ขณะนี้ที่ห้องพิจารณาคดี 701 ก็กำลังเริ่มต้นทำการตรวจสอบพยานหลักฐานและสอบคำให้การจำเลย โดยมีครอบครัว และผู้เสียหายในคดี Forex-3D เดินทางมาฟังในห้องพิจารณาคดีด้วย ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวของเรายังมีโอกาสได้พูดคุยกับ 1 ในผู้เสียหาย โดยเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ผ่านมายังคงเชื่อว่า นายอภิรักษ์ ทำการเทรดหุ้นจริง เพราะก่อนหน้านี้ได้ลงทุนไปหลายบาท และได้เงินกลับมาตลอด จึงได้ทำการนำดอกเบี้ยทบต้นไปเรื่อย ๆ ก่อนจะตกเป็นผู้เสียหาย วันนี้จึงต้องการเดินทางมาฟังคำตอบที่ศาลด้วยตัวเอง ยอมรับว่าแม้จะตกเป็นผู้เสียหายแต่ก็ไม่ได้ทำการแจ้งความในคดีนี้ เนื่องจากไม่อยากเสียเวลา เพราะรู้ว่ายังไงก็อาจจะไม่ได้เงินคืนอยู่แล้ว.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 536 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม