“บุ๋ม ปนัดดา” เปิดใจหลังคลอดลูกชาย “น้องอเล็กซ์” แจ้งความเอาผิดขาเมาท์เมนต์หยาบ พร้อมถามกลับฉันผิดอะไรที่ท้องกับสามีตัวเอง!

คุณแม่ป้ายแดง “บุ๋ม ปนัดดา” เปิดใจกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก หลังให้กำเนิดลูกชายคนที่ 2 “น้องอเล็กซ์ – ด.ช. อนันท์ อนันทวรรณ” เมื่อเวลา 11.11 น. วันที่ 22 พ.ย.2565 ณ โรงพยาบาลปิยะเวท โดยมีคุณสามี “ก๊อต อธิป” คอยดูแลไม่ห่าง โดย “บุ๋ม” เผยว่า “น้องคลอดเมื่อวานเวลา 11.11 น. จริง ๆ ไม่ได้ดูฤกษ์ แต่แม่ชอบชอปปิง เมื่อวานเลขสวย คือวันที่ 22 เดือน 11 ปี 2022 แต่ก็มีซินแสดูให้บอกว่าเลขนี้เป็นเลขดี เลขมงคล ดีใจที่สิ่งที่เราเลือกเป็นช่วงเวลาที่ดี เอาจริง ๆ ก็ตื่นเต้นมากนะคะ เพราะคลอดลูกคนนี้ห่างจากคลอดน้องอันดา 16 ปีเลย ตื่นเต้นไปหมด เพราะทั้งเทคโนโลยีการคลอด อุปกรณ์ต่าง ๆ เครื่องมือแพทย์ในห้องคลอดก็ทันสมัยขึ้น ของใช้เด็กก็ทันสมัยขึ้น แต่เต้นแต่ก็เชื่อมือหมอ ส่วนความรู้สึกตอนที่ได้ยินเสียงลูกใจฟู เพราะเรารอเจอเขามานาน ตอนที่ได้ยินเสียงร้องของลูกน้ำตาก็ไหลออกมา ถามพ่อเขาว่าลูกครบ 32 ไหม ผิวได้ใคร โชคดีผิวได้แม่ แต่จมูกและหน้าได้พ่อ ท้องนี้เราท้องธรรมชาติ แล้วก็เป็นเพศชายด้วย เอาจริง ๆ ตอนอัลตร้าซาวด์ดูเพศ เราไม่ติดว่าลูกจะเป็นเพศไหน จะผู้ชายหรือผู้หญิงก็ได้ เพราะเราอยู่ท่ามกลางคนหลากหลายทางเพศ ไม่สนเลยว่าน้องจะเกิดมาเป็นยังไง สนแค่ว่าน้องมีความสุขกับชีวิตไหม แข็งแรง สมบูรณ์ให้แม่ไหม ขอแค่นั้นเอง ส่วนชื่อคุณพ่อเขาเป็นคนตั้งให้ นามสกุล อนันทวรรณ เลยตั้งชื่อให้ว่า “น้องอนันท์” ให้คล้องกับนามสกุล แต่เราพอมาเขียนเป็นภาษาอังกฤษ “Anan”มันออกเสียงได้หลายแบบ อาจจะเกิดความสับสันได้ แม่เลยให้ชื่อเล่นว่า “น้องอเล็กซ์” ส่วนเรื่องทำหมัน คุณสามีไม่ให้ทำ แต่คนที่บ้านบอกให้ทำเพราะกลัวติดอีก


สำหรับสุขภาพน้องตอนนี้ด้วยความที่เราผ่าคลอด ทำให้มีน้ำคร่ำค้างอยู่ในปอดน้องนึดนึง น้องเลยหายใจเร็ว ต้องอยู่ในตู้อบเพื่อใช้ออกซิเจนช่วย เลยยังไม่ได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเต็มที่ และไม่ได้เข็นออกมาเจอพี่ ๆ สื่อ ต้องขอโทษพี่ ๆ สื่อด้วย ส่วนที่ท้องตอนอายุเยอะ เอาจริง ๆ ตระกูลบุ๋มติดลูกง่าย คุณยายท้องคุณน้าคนเล็กตอนอายุ 50 ปี ขณะที่เราท้องตอนอายุ 46 ปี ท้องด้วยวิธีธรรมชาติ ซึ่งคุณหมอบอกว่าเป็นความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกายเรา แต่เราท้องตอนอายุ 46 ก็แอบมีความกังวลเล็กน้อย เลยส่งเลือดของแม่ไปตรวจที่อเมริกา เพื่อเช็กสุขภาพน้องว่าแข็งแรงดีไหม ทุกอย่างมีขั้นตอน เราลุ้นทุกขั้นตอนว่าเขาจะอยู่กับเราหรือเปล่า เราอยากได้เขา ตอนอัลตร้าซาวด์ก็ลุ้น ปรากฏว่าเขาโตกว่าเด็กปกติในวัยเดียวกัน กินเก่งและแข็งแรงมาก ตอนอายุครรภ์ 5 เดือน บุ๋มติดโควิด-19 อาการหนักกว่าคนอื่น เพราะกินยาปกติที่คนเป็นโควิด-19 ไม่ได้ ค่อนข้างเหนื่อยและเครียดว่าสุขภาพแม่และลูกจะเป็นยังไง แม้กระทั่งตอนน้ำท่วมแล้วเราลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วมอ่างทองก็ท้อง 7 เดือน คุณหมอบอกให้ทำตัวตามปกติ แต่ห้ามลงน้ำลึก ไม่เกินเข่า หลายคนมารู้ทีหลังก็ตกใจ เหตุผลที่ไม่แจ้งให้ทีมงานทราบ เพราะเรารอดูผลเลือดจากอเมริกาว่าจะเป็นยังไง รอดูอะไรหลาย ๆ เพราะถ้าประกาศปุ๊บกิจกรรมหลายอย่างที่เคยทำอาจจะโดนห้าม รู้สึกว่ามันน่ารำคาญ แล้วเราไม่ใช่ผปู้หญิงเรียบร้อย เราเป็นสายห้าว เราก็เลยอยู่ของเราอย่างนี้ ทำกิจกรรมของเราได้จนถึงวันคลอด ไม่ได้ถือเคล็ด แต่แค่กลัวความสมบูรณ์ของน้อง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็อยากจะเสียใจกันแค่ในครอบครัว เพราะต่อให้เราบอกออกไปแล้วเกิดน้องผิดปกติคนก็ต่อว่าเราอีกอยู่ดี เห็นไหมปล่อยให้น้องตอนอายุขนาดนี้อะไรแบบนี้ คือเราไม่ได้ปิดอะไร ใครรู้ ใครถามก็บอก ทีมงานที่ถ่ายงานกันอยู่ก็รู้ก่อนคลอด 2 สัปดาห์ เอาจริง ๆ เราท้อง เราก็ไม่ได้ปิดนะ เจอกัน ใครรู้ก็รู้ ไม่ได้ปิดอะไร หลายช่องมาสัมภาษณ์บ่อยก็จับไม่ได้ แต่อาจจะด้วยความที่เราเป็นคนอวบอยู่แล้ว เลยไม่มีใครจับสังเกตว่าท้อง อาจจะคิดว่าเราอวบลงพุงแต่ไม่กล้าทัก พอไม่มีใครทักก็ไม่ได้บอก ใจจริงเราอยากจะเห็นเขาคลอดออกมาสมบุณ์แข็งแรงก่อนแล้วค่อยบอกทุกคน เชื่อว่าแม่ 40 กว่าหลายคนเป็นเหมือนกัน

ส่วนคุณพ่อตอนที่รู้ว่าท้องดีใจมาก เขามีลูกสาว 3 คน บุ๋มก็มีน้องอันดามัน ไปไหนก็กระเตงผู้หญิงไปหมด พอมีผู้ชายออกมาสัก 1 คน เขาก็ดีใจ เพราะเขาทำอสังหาริมทรัพย์ เขาซื้อที่ไว้เยอะ แต่เวลาพอลูกสาวไปดูที่ ลูกสาวก็จะแค่เดินลงไปดู บอกว่าสวยดีแล้วก็กลับขึ้นรถมา ไม่มีใครลุยเหมือนพ่อกับแม่ แต่พอมีลูกชายก็จะลุย ๆ สามีก็ดีใจที่มีลูกชาย เขาอยากจะมีใครสักคนมาดูแลที่ มาดูแลสวน มารับมรดก ตอนอยู่ในห้องคลอดก้ถามคุณพ่อเขาว่ารู้สึกยังไงบ้างกำลังจะได้เจอหน้าลูกชายแล้วนะ เขาก็บอกว่าเดี๋ยวรอคนต่อไป เราก็บอกว่าเดี๋ยวคนนี้ยังอยู่ในท้อง ถ้ามีอีกคนก็เครียดเลยนะ อายุก็เยอะขึ้นเรื่อย ๆ พอก่อนค่ะ ส่วนพี่สาวทั้ง 4 คนก็เห่อน้องมาก จะลาโรงเรียนมาดูน้อง แต่แม่บอกให้ไปเรียนก่อน ตอนเย็นค่อยมาเจอน้องก็ได้ แต่อันดามันที่ปกติเป็นคนชอบเรียนมา ยอมขาดเรียนช่วงบ่ายเป็นครั้งแรกมาดูน้อง คุณหมออุ้มน้องไปไหนก็เดินตามน้อง จริง ๆ ก่อนจะท้องก็เคยคุยกับเขาว่าถ้ามีน้อง เขาจะยังไง เขาก็บอกว่าโอเคมีได้ ตามสบาย แต่เขาต้องได้เป็นผู้จัดการมรดก เมื่อวานตอนมาเจอน้อง อันดาบอกว่าหนูเป็นผู้จัดการมรดกได้นะ แต่หนูต้อง 18 ก่อน เขาดูกฏหมายมาแล้วด้วย ไม่ธรรมดาเด็กคนนี้(ยิ้ม) ถามว่าหลังคลอดจะพักงานยาว ๆ หรือลุยงานต่อเลย ไม่พักค่ะ เพราะเราเตรียมโปรเจ็กต์หลายอย่างทั้งผลิตภัณฑ์ รายการ ละครที่ค้าง หนัง 3 เรื่อง ร้านข้าวแกงนางงาม 10 บาท ที่จะเปิดตัว 15 ธ.ค.นี้ แต่การลงพื้นที่ช่วยเหลือคน คิดว่าช่วง 1 เดือนแรกหลังคลอดคุณหมอไม่น่าจะให้ไป เพราะมีแผลผ่าตัด ลุยน้ำไม่ได้ เดือนแรกขอก่อนนะประชาชนนะ ช่วยเหลือตัวเองก่อน เดือนต่อไปค่อยว่ากัน แต่คิวละคร คิวหนังเดือน ธ.ค. ก็เริ่มถ่ายทำแล้ว ไม่ต้องห่วงแม่จัดเวลาได้ จากประสบการณ์การเลี้ยงลูกที่ผ่านมา ได้ดีทุกคน ฉะนั้นทุกคนไม่ต้องห่วงคอนเฟิร์มว่าเลี้ยงน้องอเล็กซ์ ดีเริ่ดแน่นอน

ส่วนดราม่าก่อนคลอด พวกคอมเมนต์ในแง่ลบ ล่าสุดทนายร่างฟ้องเรียบร้อย จริง ๆ เรื่องแต่งงานบุ๋มไม่เคยปิด รายการไหนถามก็บอกตลอด เพียงแต่รายการที่ไปทอล์คตอนท้อง 5 เดือนเพิ่งมาออนแอร์ช่วงนี้ ช่วงที่มีข่าวลือ คนก็มาอ้าวปนัดดาแต่งงานแล้ว ซุ่มเงียบ ไม่ได้ซุ่มเงียบนะคะ แต่ลองนึกภาพดูผู้ชาย 49 ผู้หญิง 46 ไปยืนแต่งงานปวดเอ็นร้อยหวาย ยืนรับแขกเป็นชั่วโมงไม่ไหว แขกเราเยอะจะตาย ให้ยืนขนาดนั้นไม่ไหว เราเอาเงินจัดงานไปจ่ายค่าเทอมลูกดีกว่า เลยไม่ได้มานั่งประกาศหรือลงโซเชียลอะไร คนเลยด่าเป็นตุเป็นตะว่าพลาด ท้องกับใคร ยังไม่ได้แต่งเลย พลาดท้องแล้ว ด่าไปก่อนโดยที่ไม่รู้ความจริง ยืนยันว่าไม่ได้ซุ่มเงียบอะไร เราแต่งมา 2 ปีแล้ว ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไร เรียบ ๆ ง่าย ๆ กินข้าวเฉพาะคนในครอบครัว และตั้งใจมีลูก ถ้ามีได้ก็มี แต่มีมีดราม่าคุณสามีเขาก็เทศน์เราว่าไปสนใจเรื่องโซเชียลทำไม อยู่กับความเป็นจริงดีกว่า อย่าไปสนใจคำพูดคนอื่น เรารู้ตัวเองดีว่าเราทำอะไรอยู่ ความเป็นจริงคืออะไร สนใจ ณ ปัจจุบันและตัวเราดีกว่า แต่ล่าสุดเราก็แจ้งความเรียบร้อยแล้ว มีคนเข้ารอบ 7-8 คน มีบางคนติดต่อมาว่าเป็นเฟซบุ๊กปลอม เราก็บอกให้เขาไปแจ้งความ เพราะเราแจ้งให้ไม่ได้ แต่เราไปแจ้งความตรงที่มีคนมาด่าเรา มันต้องแยกหน้าที่กัน คนที่ทำก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอารูปคนอื่นไปทำโพลไฟล์มาด่าคนอื่นแบบนี้ มันตามไอพีได้อยู่แล้ว

ถามว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเลยไหม พูดตรง ๆ ว่าตกใจมากเลยเป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ที่พี่ ๆ ดาราโทรมาบอกว่าบุ๋มว่าอย่ายอม เพราะเขารู้นิสัยเราว่าที่ผ่านมาเรายอมหมดเลย ไม่เคยฟ้องใครเลย ขี้เกียจมีเรื่อง เราเป็นสาบบวกก็จริง แต่เอาจริง ๆ คือให้อภัย ไม่อยากมีเรื่องมีราว แต่ครั้งนี้มุกคนโทรมาบอกว่าบุ๋มช่วยสร้างบรรทัดฐานใหม่หน่อยเถอะ ไม่ใช่เรื่องอะไร แล้วดาราอย่างเราโดนด่ากันแบบนี้ บุ๋มผิดอะไรที่มีลูกกับสามีตัวเอง แล้วโดนด่าว่าสำส่อนบ้าง เป็น…บ้าง มันไม่แฟร์กับบุ๋ม มีลูกกับสามีตัวเอง บุ๋มผิดอะไรก่อนทำไมต้องด่ากันแรงขนาดนี้ ทำไมต้องมาเจอดราม่าก่อนคลอด ทั้งที่อยากจะสบายใจที่สุดก่อนคลอดเขา ค่อนข้างจะหนักใจ คนรอบข้างบอกอย่ายอม ทนายองค์กรทำดีร่างฟ้อง แฟนคลับเก็บหลักฐาน ตอนนี้ก็ฟ้องไปแล้ว อ่อนข้อไม่ได้ ทีมงานข้างหลังไม่ยอม ที่ผ่านมายอมรับว่าเรารู้สึกแย่ว่าทำไมเขาว่าเราแรงแบบนี้ แต่เราจะไปบังคับความรู้สึกหรือความคิดใครทุกคนไม่ได้ ณ วันนี้สิ่งที่ทำได้คือเราอยู่กับความเป็นจริง ถ้าแฟนคลับคนนั้นรักบุ๋มจริง ๆ เขาคงอยากเห็นบุ๋มมีความสุข แม้กระทั่งเรื่องชีวิตคู่ คงไม่ต้องมานั่งด่าว่ามีผัวอีกแล้ว ผัวใหม่อีกแล้ว ผัวเล่นกล้ามอยู่แล้ว ผู้หญิงทุกคนมีสเปกของตัวเอง ก็ฉันชอบแบบนี้ เราก็ต้องจัดการคงามรู้สึกตัวเองไม่ให้กระทบน้องในท้อง ด้วยการมองน้องเป็นหลัก พอมีเรื่อง มีคำพูดอะไรพวกนี้ เราต้องตัดให้เร็วที่สุด เพราะเราต้องเอาเขาเป็นหลัก ยอมรับว่าคำพูดหรือกระแสจากรายการมันทำให้บุ๋มเครียดและมดลูกบีบตัวแรงขึ้น ถามว่า ณ วันนี้มีสามี มีลูก เราโอเคกับชีวิตตรงนี้ยังไง บุ๋มแค่รู้สึกว่าจากประสบการณ์ของชีวิต จากชีวิตที่มันคาดหวัง ทุกครั้งเราคาดหวังหวังกับความสุข เพียงแต่ว่าประสบการณ์มันสอนว่าแค่ทำวันนี้ให้มากที่สุด มีความสุขในแต่ละวันให้มากที่สุด ชีวิตคนเรามันสั้นเหลือเกิน บุ๋มขอแค่ว่า เป็นบุ๋ม ปนัดดาคนเดิมที่ทำงานเพื่อครอบครัว เพื่อลูก เพื่อประชาชนต่อไป อยู่กันไปแบบนี้ใสแต่ละวันให้ดีที่สุดพอแล้วค่ะ.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 422 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม

ข่าวแนะนำ