“โตโน่” ตื้นตันได้รับพระราชทานกำลังใจ ปัดว่ายข้ามโขงลบคำสบประมาท แย้มแดนซ์เต็มคาราเบลคือตัวตน

นักร้องนักแสดงหนุ่ม “โตโน่ ภาคิน” เปิดใจหลังมีโอกาสได้เข้ารับพระราชทาน พระราชสาส์นจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทาน พระราชกระแส ทรงชื่นชม และพระราชทานกำลังใจ โดย “โตโน่” เผยว่า “ถือเป็นพระพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่ได้มีโอกาสเข้ารับพระราชสาส์นจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทาน พระราชกระแส ทรงชื่นชม และพระราชทานกำลังใจ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ ผมได้อ่านข้อความในสาส์น ก็ทำให้มีกำลังใจ เพราะท่านทรงเขียนไว้ว่า ขอบคุณที่ผมได้ช่วยเหลือประชาชน และทำให้ทั้งสองประเทศมีความสามัคคีมากขึ้น อ่านแล้วก็ตื้นตันใจ ผมจะเก็บไว้ในใจและนำปฏิบัติต่อไป” ส่วนเรื่องว่ายน้ำข้ามโขงโครงการ “One Man and the River หนึ่งคนว่าย หลายคนให้” เจ้าตัวเล่าว่า “ตอนที่ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำโขงมันก็ไม่เหนื่อย เพิ่งมารู้สึกเหนื่อยตอนที่เท้าแตะพื้นฝั่ง สปป. ลาว ตอนั้นผมขาอ่อนเลย รู้สึกว่าเหนื่อยมาก ๆ แต่พอเห็นกำลังใจจากประชาชนสองฝั่งโขงก็ทำให้เรามีกำลังใจฮึดสู้จนสำเร็จ”


ส่วนที่หลายคนมองว่าเราลบคำสบประมาทจากหลาย ๆ คน ที่บอกเอาไว้ว่า “โตโน่” ทำไม่สำเร็จหรอกโครงการนี้ ผมไม่อยากให้คิดแบบนั้น เพราะผมไม่ได้เอาคำสบประมาทใครและจะเอาชนะใคร แต่ผมทำโครงการนี้ เพราะผมได้ยินเสียงจากประชาชน จ.นครพนม รวมทั้ง สปป. ลาว คุณหมอ พยาบาล ทั้งสองฝั่งโขง บอกว่าขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ผมก็ไปคุยกับทีมเพื่อทำโครงการนี้ขึ้นมา เพราะเรามีเจตนารมย์ที่อยากช่วยจากใจเรา ไม่ได้ทำเพื่อเอาชนะใครทั้งนั้น ถามถึงยอดบริจาคตอนนี้พุ่งไป 85 ล้านบาทแล้ว จากที่เคยวางไว้ 17 ล้านบาท ตอนนี้ยอดเงินบริจาคยังไม่นิ่ง เพราะทาง “เทใจดอทคอม” ยังสรุปยอดมาเรื่อย ๆ คือ จริง ๆ ปิดรับบริจาคไปแล้ว แต่ยังมียอดบริจาคที่มาจากต่างประเทศ รวมถึงจากฝั่งลาวเข้ามา จึงต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่ง จากนั้นผมจะได้ได้จัดสรรเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ทุกคนบริจาคมาให้ได้อย่างเต็มที่และดีที่สุด เพราะเราเองก็ไม่คิดว่าจะได้มากขนานี้ พอเห็นยอดแล้ว ก็ให้คุณหมอและพยาบาลทั้ง 2 โรงพยาบาลลิสต์ความจำนงค์ ความต้องการว่าอยากได้เครื่องมือแพทย์อะไรบ้าง ซึ่งตอนแรกคิดจะได้ซื้อเครื่องมือแพทย์ เครื่องเล็ก ๆ แต่ตอนนี้สามารถซื้อเครื่องใหญ่ขึ้นดีขึ้นได้แล้ว และยังซื้อเครื่องอื่น ๆ ได้อีกหลายเครื่อง เท่าที่ทราบยอดที่จะสั่งซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ 40 กว่าล้านบาทแล้ว เรามีหน่วยงานหลายส่วนคอยช่วยดู ตัดสินใจให้ อันไหนดี อันไหนเหมาะ เพราะเราก็ไม่รู้เรื่องเครื่องมือแพทย์ แต่เราเห็นรอยยิ้มของแพทย์ พยาบาล รวมถึงประชาชน จ.นครพนม สปป. ลาว เพราะเขาจะได้ใช้เครื่องมือแพทย์ที่ดี ๆ ในการรักษาพี่น้องประชาชนทุกคน

สำหรับกรณี “เทใจดอทคอม” ซึ่งเป็นคนดูแล ในส่วนของช่องทางรับบริจาคเงินของโครงการ จะต้องหักเงิน 10 % จากยอดเงินบริจาคทั้งหมดเพื่อเป็นค่าดูแลระบบต่าง ๆ นั้น “โตโน่” บอกว่า อันนั้นมันเป็นกฎของเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ซึ่งทาง “เทใจดอทคอม” ทำทุกอย่างเต็มที่ ไม่ได้มีแค่ของเรา แต่มีอีกหลายโครงการเพื่อประเทศเรา ทุกวันนี้เขายังทยอยออกใบกำกับภาษีเพื่อให้ประชาชนไปลดหย่อนภาษีได้ แล้วเขายังต้องเคลียร์ยอดต่าง ๆ อีกมากมายให้เรา เงิน ส่วนนั้นเป็นกฎของเขาอยู่แล้ว เพราะเขาทำตรงนี้ แต่ยืนยันว่าเงินทุก % บาททุกสตางค์ เราจะแจกแจงทั้งหมด ว่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ตรวจสอบได้หมดแน่นอน เราทำตรงนี้ด้วยใจ เราโปร่งใส ถามว่าหลังจากนี้มีโปรเจ็กต์อะไรอีกไหม “โตโน่” บอกว่า พักก่อนครับ แต่โปรเจ็กต์ของเก็บรักษ์ เรื่องขยะเราทำต่อเนื่องอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ ๆ แบบที่ผ่านมา ทำเป็นครั้งคราวดีกว่า ส่วนเรื่องจะบวชวันที่ 9 ม.ค. 2566 (ปีหน้า) เพราะตั้งใจอยากจะตอบแทน พี่น้องประชาชนทั้งสองฝั่ง ที่ร่วมกันบริจาคเข้ามากับโครงการของเรา เราไม่รู้จะตอบแทนยังไงให้กับทุกคนดี ในฐานะลูกผู้ชายสิ่งที่ผมคิดว่าทำได้ก็เป็นเรื่องของการบวช เพื่อตอบแทนทุกคน ซึ่งพูดกับคุณแม่ไว้ตอนที่เพิ่งได้ยอดบริจาค 70 ล้านบาท บอกกับคุณแม่ว่าจะบวช คุณแม่ก็ร้องไห้ เพราะเขาภูมิใจในสิ่งที่เราทำ ส่วนผมเองก็ภูมิใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถามว่าเตรียมตัวยังไงบ้างที่จะบวช ก็ยังไม่เตรียมอะไรเลย เพราะคิวงาน 2 เดือน พ.ย.- ธ.ค. เต็มทุกวัน เตรียมได้แต่ร่างกายกับการเดินสายเล่นคอนเสิร์ต”

รื่องท่าเต้นเต็มคาราเบล และท่าสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ ที่เป็นไวรัลตอนนี้ “โตโน่” เล่าว่า “ผมเคยลองยืนเฉย ๆ บนเวที จับขาตัวเองไม่ให้เต้น แต่มันก็กระตุกอยู่ดี มันอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ มันไปตามเพลง แล้วการที่เต้นจนเป็นกระแสครั้งนี้ จริง ๆ มันเป็นมาตั้งแต่ผมประกวดเดอะสตาร์แล้ว พี่เพชร มาร์ ที่เป็นกรรมการเดอะ สตาร์ ตอนนั้น เคยบอกกับผมตอนสมัยประกวดว่า “ขอให้ผมเลิกขยับขาตอนร้องเพลง สักอาทิตย์หนึ่งได้ไหม บอกเลยตอนนั้นเกร็งไปทั้งตัว มันยากมาก ๆ ตอนนี้หลายคนตั้งฉายาให้เป็น “ร็อกสายแดนซ์” เห็นแล้วที่คนยกให้เป็นท่าเต้นสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ อย่าเรียกว่าท่าเต้นเลยผมอาย ยังจะกล้าเรียกว่าท่าเต้นกันอีกเหรอ มันเป็นไปไปตามเพลงอย่างเดียวเลย มันเป็นตัวตนของผมแบบนี้ จะให้ผมออกสเต็ปเต้นเหมือนคนอื่น ผมทำไม่ได้ มันไม่ใช่ผม ส่วนที่คนมาเต้นตาม ก็ขำ ๆ และหัวเราะ ไม่คิดว่ามันจะเป็นกระแสแบบนี้ ถามว่าหลังจากนี้จะเต้นท่าอื่นไหม ? อย่าเรียกว่าเต้นเลย จริง ๆ สงสัย ผมคงติดจากสมัยที่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์ ก็เลยติดท่าสตาร์ทรถมาบ่อย ถ้าเรื่องนี้ทำให้ใครมีความสุขผมก็โอเค ถือเป็นเรื่องขำ ๆ ไปครับ”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 300 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม