ผจก. “ปราปต์ ปราปต์ปฎล” ยันยังไม่ได้รับหมายเรียก พร้อมถามกลับเอกสาร DSI ระบุชื่อนักแสดงคนดังจริงหรือ?

จากกรณีผู้โดนโกง จาก Forex 3d ออกมาแฉว่ามีดาราอักษรย่อ ป. เกี่ยวข้องกับแชร์ FOREX-3D ก่อนจะปรากฏชื่อของนักแสดงรุ่นใหญ่ “ปราปต์ ปราปต์ปฎล” ซึ่ง “ปราปต์” ก็ออกมายืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับคดี FOREX-3D แต่ยอมรับว่าแฟนสาวพัวพันกับคดีดังกล่าวจริง เนื่องจากเป็นอดีตภรรยาของ “อภิรักษ์ โกฎธิ” ผู้บริหารแชร์อภิมหาลวงโลก แต่ได้หย่าขาดจาก “อภิรักษ์” แล้วจึงมาคบกับ “ปราปต์” กระทั่งถูกรวบตัวและคุมตัวส่งทัณฑสถานหญิงกลางไปพร้อมกับกลุ่มของนางเอกดัง “พิ้งกี้ สาวิกา” ตลอดระยะเวลาที่คบหากันแม้ “ปราปต์” จะรู้ว่าแฟนสาวมีความเกี่ยวข้องกับแชร์ FOREX-3D แต่ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของแฟนสาว ไม่เกี่ยวกับตน หากพร้อมเมื่อไหร่จะออกมายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง ต่อมา DSI แถลงคดีพิเศษที่ 36/2563 กรณีออกหมายเรียกดารา ป.มารับทราบข้อกล่าวหา ระบุว่าจากกรณีที่มีข่าวของ ดาราอักษรย่อ ป. เป็นดารารุ่นใหญ่ในวงการบันเทิงที่เคยตกเป็นข่าวว่า DSI เคยเข้ายึดทรัพย์รถหรู แอสตัน มาร์ติน มูลค่า 20 ล้านบาท ที่บ้านพักใน จ.ราชบุรี เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา “ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล” ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่า “บุคคลดังกล่าวเป็นดาราที่มีข่าวออกมาจริง โดยเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันในส่วนของคดีฟอกเงิน แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด เนื่องจากดารารายนี้จะเกี่ยวข้องกรณีรถหรู โดยมีเหตุน่าเชื่อได้ว่า เจ้าตัวทราบว่าเป็นรถที่ได้มาจากการกระทำความผิด ดังนั้น การรับมาด้วยประการใด ๆ ถือเป็นการยักย้ายถ่ายเทซุกซ่อนทรัพย์สิน เข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน ทั้งนี้ทาง DSI เคยออกหมายเรียกแก่บุคคลนี้ครั้งแรกไปแล้วเมื่อช่วงโควิด-19 แต่ก็ไม่เข้ามาชี้แจงอะไร ดังนั้น การออกหมายเรียกครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่ 2 โดยจะให้เข้ามาในช่วงต้นเดือนตุลาคม ถ้าหากไม่มาเข้าพบอีก จะพิจารณาออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป


ล่าสุดทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทนโทรศัพท์ไปถามถามผู้จัดการส่วนตัวของ “ปราปต์ ปราปต์ปฎล” ถึงเรื่องดังกล่าว ซึ่งผู้จัดการส่วนตัวของปราปต์เผยยังไม่ได้รับหมายเรียก ก่อนถามกลับว่าได้มีการสอบถามจากดีเอสไอหรือเห็นเอกสารของดีเอสไอว่าระบุชื่อของ “ปราปต์ ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง” จริงหรือไม่ ก่อนจะระบุว่าจริง ๆ ตนไม่อยากพูดเรื่องนี้เยอะ เพราะเกรงจะทำให้สังคมหรือผู้เสพข่าวเข้าใจผิด ขณะที่ “ปราปต์”ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Praptpadol Suwanbang เมื่อ 4 วันก่อน ระบุว่า “สวัสดีครับ..ในหลายวันที่ผ่านมา ดังที่ทุกคนเห็นและทราบกันอย่างแพร่หลายจากการเผยแพร่ข่าวสารของสื่อหลายสำนัก ได้นำเสนอข่าวประหนึ่งเป็นคำพิพากษาในตัวผมว่า ป ปลา ที่แหล่งข่าวของผู้สื่อข่าวแจ้งว่ามีข้อมูลและได้นำเสนอไปให้สังคมเข้าใจว่าคือปราปต์ปฎลจนเป็นประเด็นให้เกิดผลกระทบเสียหายต่อตัวผม และผมก็นิ่งเฉยมาตลอดเพราะรู้ตัวอยู่แล้วในข้อเท็จจริงว่าไม่ใช่ตัวเอง..ส่วนตัวจริง ป ปลา ที่เป็นคนในวงการบันเทิงคนนั้นคือใครเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเค้าจะออกมาพูด และแสดงรายชื่อออกมาแบบเปิดเผยเอง..ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็เห็นกันแล้วนี่ครับว่า ป ปลาที่มีรายชื่อจากการให้ข้อมูลนำเสนอต่อสังคมจากหน่วยงานของรัฐคือใคร เพียงแต่เห็นแล้วก็ไม่มีใครหยิบยกเอามาพูด หรือรายงานข่าวให้สังคมได้รับรู้ว่าที่รายงานไปก่อนหน้านี้ว่าคือผมน่ะมันไม่ใช่..ก็เห็นใช้วิธีเงียบ และปล่อยเลยตามเลย..ผมพูดเสมอว่าจะไม่พูดสิ่งใดในเวลาที่ไม่เหมาะสม เพราะข้อมูลที่ควรจะถูกแชร์ออกไปสู่สังคมควรเป็นข้อมูลที่มีแหล่งข่าวที่มีตัวตนเป็นบุคคลหรือหน่วยงานที่พร้อมจะรับผิดชอบต่อการนำเสนอ เพราะการนำเสนอสิ่งใดก็ตามสู่สังคมมันจะเกิดผลกระทบทั้งนั้น..ดังนั้นเจ้าหน้าที่รัฐเค้าจึงต้องทำงานกันอย่างมีระบบและดำเนินการค้นคว้าข้อมูลกันเชิงลึกภายใต้สิทธิที่จะดำเนินการได้ตามอำนาจหน้าที่ ส่วนใครที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองเค้ามั่นใจในหลักฐานแล้วแจ้งข้อกล่าวหาก็มีหน้าที่ที่จะต้องไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงเอาเองตามกระบวนการยุติธรรม ดังนั้นข้อมูลของหน่วยงานของรัฐจึงได้มาซึ่งข้อเท็จจริงมากกว่าข้อมูลแหล่งข่าวที่อ้างไปเรื่อย ปะติดปะต่อไปเรื่อยแล้วสรุปเอาเองตามความคิดมั่นใจในสติปัญญาของตนเอง..การจะรับรู้เส้นทางการเงินหรือทรัพย์สินของใคร เจ้าหน้าที่ของรัฐเค้ามีสิทธิ์ที่จะเข้าไปเจาะทุกข้อมูลด้วยอำนาจหน้าที่ของเค้า แต่พวกที่อ้างว่ามีข้อมูลหลักฐานแน่นหนาฉันรู้ฉันมั่นใจฉันมีหลักฐาน เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่เก่งเท่าฉัน..อันนั้นก็ต้องใช้สติพิจารณากันครับ..ผมอยากให้ทุกคนที่เสพข่าวใช้สติพิจารณาข่าวด้วยตนเอง ผมไม่ได้บอกให้เชื่อใครมากกว่าใคร แต่ควรใช้สติมากกว่าอารมณ์ ใช้สติตรองไตร่ว่าหากเรานำไปเผยแพร่ต่อทั้ง ๆ ที่ตัวเราก็ยังไม่มั่นใจหรือมีหลักฐานพอว่าเรื่องนั้นคือความจริง มันจะส่งผลกระทบต่อใครบ้าง”

“ผมเชื่อว่าอีกหลายคนที่ต้องได้รับผลกระทบต่อชีวิตทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นคนแบบที่ถูกยัดเยียดข้อกล่าวหาจากกระแสข่าว ถูกกระทำแบบผมหากไม่มีสติและจิตใจที่เข้มแข็งพอ หลายคนชีวิตต้องพังทั้งหน้าที่การงานและชีวิตในสังคม..ผมใช้ชีวิตเปิดเผย โพสต์สิ่งใดไว้เกิดจากสติและข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ไม่เคยลบทิ้ง และไม่เคยกลัวการถูกส่อง เพราะเชื่อว่าการถูกส่องจากการกระทำและตัวตนของเราเป็นเรื่องดีที่คนจะได้รู้จักตัวตนของเราจากการส่องของคนที่อยากรู้จากข้อมูลของเรามากกว่ารู้จากการบอกเล่าอย่างที่คนเล่าอยากให้เป็น..ผมเป็นนักแสดงที่รักในอาชีพของผม ผมเลี้ยงชีวิตตัวเองและครอบครัวด้วยเงินที่ได้มาจากงานในอาชีพนักแสดง รายได้เสริมบางครั้งก็มาจากการหิ้วขนมที่เมียทำไปขายตามกองถ่ายเท่านั้น..ผมรักและซื่อสัตย์ต่ออาชีพของผม ผมตระหนักเสมอว่าอาชีพนักแสดงควรเป็นแบบอย่างที่ดีต่อคนในสังคม..จริงๆ สำนึกของผมมันบอกมาตลอดแหล่ะว่าทุกอาชีพควรเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม เริ่มจากคนในครอบครัวเลย..คนจะดีไม่ใช่เพราะเป็นคนดีแค่ข้ามวัน มันต้องดีด้วยสำนึกมาทั้งชีวิต ส่วนคนเลวก็จะเลวด้วยสันดานมาตลอดชีวิตเช่นกันครับ..ผมไม่ชอบการออกทีวีสัมภาษณ์เป็นตัวตนของผมแบบนี้มาตลอดชีวิตในการเป็นนักแสดงมาร่วม 30 ปี..ไม่ใช่ไม่เห็นสื่ออยู่ในสายตา แต่เพราะว่าผมเป็นแค่คนทำงานที่ไม่ได้มองว่าตัวเองคือดารา..” #ข้อความผมยาวมากแต่ไม่อยากให้ถูกตัดแต่งตามความเข้าใจให้เกิดการบิดเบือนเนื้อหา #ทุกอาชีพล้วนมีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพของคนในสังคม#ไปตรวจรายชื่อกันเองนะครับว่าปอปลาที่เป็นคนบันเทิงคือใครเจ้าหน้าที่รัฐเค้าเปิดเผยแล้ว ส่วนรูปถ่ายด้านล่างนี้คือบ้านพ่อเบิ้ม พ่อผู้บังเกิดเกล้าของผม..พ่อที่ผมภาคภูมิใจเป็นชาวไร่ชาวนาที่เลี้ยงดูผมมาให้เป็นคนดีของสังคมด้วยความยากจนจากอดีต จนถึงปัจจุบันก็ยังยากจนอยู่😁 แต่ลูกชายคนนี้ก็มีความเพียรจนมาถึงทุกวันนี้มีอาชีพสุจริตทำได้รับเกียรติมีหน้าตาชื่อเสียงในอาชีพที่รัก ร่ำเรียนจนจบปริญญาโท..ผมนึกเสียใจอยู่บ้างที่กระแสข่าวทำให้พ่อผมไม่สบายใจ🙏❤️” ทั้งนี้หลังจากที่โพสต์ข้อความยาวไปเมื่อ 4 วันก่อน ในวันนี้ “ปราบต์” ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ในโซเชียลมีเดียเพิ่มเติ่ม.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 315 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม