“โอ๊ต ปราโมทย์” รับคนเจ้าชู้-หวงพื้นที่ส่วนตัว รักใครทุ่มให้หมดทั้งตัวและหัวใจ หวังคนมองอนาคตร่วมกันมาเป็นคู่ชีวิต

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งนักร้องและพิธีกรอารมณ์ดีที่ถูกจับตามองเรื่องสถานะหัวใจอยู่ตลอดสำหรับหนุ่ม “โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน” ล่าสุดเจ้าตัวได้เปิดใจผ่านรายการของพิธีกรคนดัง “วู้ดดี้ วุฒิธร”หมดเปลือกถึงเรื่องความรัก ยอมรับว่าเป็นคนเจ้าชู้และหวงพื้นที่ส่วนตัวสุด ๆ แต่เวลารักใครแล้วก็ทุ่มเทให้หมดทุกอย่างและพร้อมจะเปิดพื้นที่ของตัวเองให้คนคนนั้นเข้ามา คบใครแล้วก็อยากให้เป็นคู่ชีวิต อยากเป็นคนที่ถูกรัก แต่รักคำเดียวไม่พอ ฉะนั้นคนที่เข้ามาต้องมองอนาคตไปในทางเดียวกัน พร้อมเคียงข้างและสู้ไปด้วยกัน แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่ฝืน ขออยู่คนเดียวดีกว่า


โดย “โอ๊ต” เผยว่า “ผมเพิ่งโสดเลยครับ ก่อนหน้านี้มีคนที่เริ่มคุย เริ่มเปิดใจ ลองกลับมามีความสัมพันธ์ที่เป็นแบบใช้คำว่าแฟนจริง ๆ พอไปไม่ได้ก็ต้องแยกย้าย ตอนนี้ก็โสด ไม่ได้ปิดตัวเอง แต่ผมทำงานทั้งวัน วันละ 8-9 ชั่วโมง หรือวันหนึ่งมี 4 งาน เลยคิดว่าถ้าเขาคุยกับเราแล้วไม่โอเค อยู่ด้วยแล้วรู้สึกอึดอัด ผมขออยู่คนเดียวดีกว่า เวลาศึกษาดูใจใครผมไม่ได้ไปจำกัดว่ามันจะนานหรือช้า บางคนถ้าใช่คลิกเดียวก็ใช่ แต่อาจจะเป็นเพราะคนมาอยู่ในพื้นที่ของเรายากมั้ง ผมเป็นคนน่าเบื่อ คือดูเป็นคนสนุก แต่จริง ๆ ผมโคตรน่าเบื่อ เราอายุจะ 40 แล้ว เวลาจะคุยหรือคบใครผมมองอนาคต ถ้าจะคบคือเป็นคู่ชีวิต มันคือช่วงจังหวะแลนดิ้งของเราแล้วนะ เราก็ต้องการคนที่มั่นคงด้วย ต้องมองไปในทิศทางเดียวกัน มีแพชชันกับอะไรบ้างอย่างทำอะไรไปด้วยกัน ถ้าไม่มีทุนทรัพย์เราสามารถให้ได้ แต่เธอต้องทำอะไรเป็นของตัวเอง ผมรู้สึกว่าคนที่ทำอะไรบางอย่างมันมีเสน่ห์

เอาตรง ๆ ไม่ชอบตัวเองเลยเวลามีความรัก เพราะจะกลายเป็นคนงี่เง่าอยากให้เขาเชื่อในตัวเรา แคร์แม้กระทั่งแววตาที่เขามองเรา อยากให้เขาเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำ แต่ความไม่น่ารักของผมคือผมเป็นคนไม่พูด แต่ทำให้เขาได้ทุกอย่างแต่พอสิ่งที่เราได้กลับมาไม่เท่ากับสิ่งที่เราทำ จะเก็บไม่พูด แต่พอถึงเวลาระเบิดเลย พอแล้ว ไม่ใช่ไม่ได้นะ แต่ไปต่อมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ถ้าฝืนจะเสียใจทั้ง 2 ฝ่ายแน่ หยุดดีกว่า ที่ผ่านมามีคนเข้ามาคุยกับผมตลอดอยู่แล้วครับ คนแนะนำมาบ้าง เพื่อนของเพื่อนบ้าง แต่เป็นแบบแวะเวียนมาแล้วก็จากไป แต่คนที่เข้ามาลองอยู่ด้วยกันจริง ๆ น้อยมาก ยอมรับว่าผมเป็นคนหวงพื้นที่ส่วนตัวมาก ๆ แต่ไม่ได้หวงกับการให้เขานะ ให้เขาได้ แต่ต้องเข้ามาแล้วกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของเรา เอาจริง ๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยพูดเรื่องความรัก เพราะพอพูดถึงคนเบะหน้าก็เยอะ มองว่าผมเจ้าชู้ ใช่ผมเจ้าชู้ผมก็ยอมรับ แล้วเวลาผมพูดคนจะรู้สึกว่าผมพูดแต่ความต้องการตัวเอง ทำไมไม่ถามผู้หญิงบ้างว่าต้องการอะไร แต่คือเราไม่ได้มีโอกาสอธิบายให้ทุกคนฟัง ไม่ใช่ผมไม่เปิดใจ ผมเปิดใจนะในวันที่ผมให้คนอื่นมาก ๆ ผมอยากเป็นคนที่ถูกรักเหมือนกัน อยากเป็นคนที่ถูกกอด แต่ว่าในวันที่เราถูกรักเหมือนกัน คำว่ารักอย่างเดียวก็ไม่พอ เพราะผมดูแลต้องรับผิดชอบคนเยอะ ฉะนั้นคนเข้ามาอยู่ข้าง ๆ ต้องมองไปทางเดียวกับเรา

ผมเป็นคนทำงานตลอด ผมก็อยากให้เขาทำไปด้วยกัน ส่งเสริมพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ไปด้วยกัน ไม่ใช่เพื่อใครเลยเพื่อตัวเขา เพื่อเรา เพื่อพนักงาน รวมไปถึงถ้าวันหนึ่งเรามีลูก ผมก็อยากมีลูกที่โตมาในครอบครัวที่ขยัน ทำงาน โหยหาความสำเร็จตลอด เพราะว่าผมมาจากที่ไม่มีอะไรเลยมาก่อน ผมเป็นคนที่ไม่ได้ถูกใครสนใจเลย กว่าจะขวนขวายหาพื้นที่ตัวเองนิดหนึ่งได้ในวงการมันยากมากสำหรับผมเป็น 10 ปี ฉะนั้นผมอยากให้ลูกผมดูพ่อเป็นตัวอย่างสู้ขนาดไหน จะสำเร็จไม่สำเร็จไม่เป็นไรแต่ขอให้ได้สู้ เพราะความสุขของผมคือการได้เห็นคนรอบตัวผมมีความสุข เชื่อไหมว่าบนเวทีผมดูมีความสุข แต่หลังเวทีผมนิ่งมาก แม้แต่กับวงก็ไม่คุยเพราะทำงานเหนื่อย เหนื่อยจนบางทีร้องไห้คนเดียว ร้องไห้บ่อยมาก ตั้งแต่เป็นแพนิกกลายเป็นคนอ่อนไหวง่าย อะไรกระทบจิตใจก็น้ำตาไหลแล้ว”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 143 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม