ถือฤกษ์ดีที่สุดของปีนี้เมื่อเช้าวันที่ 17 ก.ค.2565 จูงมือกันเข้าพิธีวิวาห์หวานชื่นทั้งพิธีไทยและพิธีจนไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับบ่าวสาวป้ายแดง “เวียร์ ศุกลวัฒน์” และแฟนสาวนอกวงการ “วิกกี้ พีมนต์ญา” โดยจัดเป็นงานเล็ก ๆ อบอุ่น มีเพียงครอบครัว ญาติมิตรคนสนิทของบ่าวสาวทั้งในและนอกวงการรวม 100 ชีวิตร่วมเป็นสักขีพยาน ทั้งนี้บ่าวสาวหมาด ๆ ได้เปิดใจถึงกันและกันผ่านพรีเซนเตชันที่ถูกนำมาเปิดให้แขกในงานได้ชม
โดย “เวียร์” เผยว่า เจอกับวิกกี้ครั้งแรกเมื่อ 4-5 ปีก่อน วิกกี้เข้ามาช่วยเป็นสตั้นขณะที่ผมกำลังถ่ายละครเรื่องหนึ่ง เพราะเขาเก่งเรื่องดำน้ำ ตอนนั้นเรายังไม่ได้อินเรื่องดำน้ำ เพราะแค่ขี่มอเตอร์ไซค์ออกทริป ละครก็ไม่ต้องถ่ายแล้ว จากนั้นก็แยกย้าย แทบไม่ได้เจอกันเลย ได้กลับมาเจอกันอีกทีตอนผมกลับมาจากถ่ายหนังต่างประเทศ รู้สึกคิดถึงการดำน้ำ เพราะตอนถ่ายหนังก็ต้องมีดำน้ำ พอถึงเมืองไทยก็ชวนเพื่อน ๆไปดำน้ำ แล้วก็นึกถึงวิกกี้ เพราะน้องสามารถพาเราไปดำน้ำได้ ถามว่าคุยเชิงจีบไหม คือ ณ ตอนนั้นก็โสดแล้วไง (หัวเราะเขิน) จริง ๆ ก็ไม่ได้มีเป้าหมายอะไร มันเริ่มต้นจากอายุเราใกล้เคียงกัน วัยใกล้เคียงกัน อายุเราผ่านการพูดคุยต่าง ๆ มันเหมือนกัน เราผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน ไม่ต้องผ่านการกลั่นกรอง พูดกันตรง ๆ ถามว่าเริ่มจีบตอนไหน เราห่างการจีบผู้หญิงมานาน ก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เราก็อายุขนาดนี้แล้วด้วย ก็เลยคุยเรื่องที่เราชอบเหมือนกัน ค่อย ๆ ซึมเข้าไป แต่พอเขารู้ว่าเราเป็นนักแสดง เป็นคนมีชื่อเสียงก็คงรู้สึกกลัว สิ่งที่เราทำได้คือทำให้เขาไว้ใจ เราอยากคุยด้วยจริง ไลฟ์สไตล์เราไปด้วยกันได้นะ แล้วพอไปไหนมาไหนด้วยกัน ทำให้รู้ว่าหลายอย่างเราคิดเหมือนกัน มันค่อย ๆ ซึมจากสิ่งที่เราชอบเหมือนกัน ก็ค่อย ๆ ปรับกันมาเรื่อย ๆ จากเพื่อนก็มาเป็นแฟนกัน ก็คิดว่าคนนี้แหละ เราอยู่คนเดียวมาทั้งชีวิต เติบโตด้วยตัวเอง จากเด็กต่างจังหวัดมาอยู่กรุงเทพ มีเพื่อนและครอบครัวคอยซัพพอร์ตแต่หลัก ๆ คือตัวคนเดียว ก็เลยทำให้เมื่อเกิดอะไรขึ้น จะชอบทำตัวเองให้รอดก่อน ในมุมคนอื่นอาจมองเห็นแก่ตัว แต่วิกกี้เขามาเปลี่ยนตรงนี้ โดยการพูดตรง ๆ ตอนแรกก็โกรธนะ เพราะคิดว่าก็เราเป็นแบบนี้ ก็อยู่มาได้ เหมือนอีโก้ แต่เขาบอกไม่ได้ เราก็เลยลองเปลี่ยน ทำกับคนอื่นดี ๆ เริ่มต้นจากที่เขา เขาทำให้เราเป็นคนดีขึ้น ก็เลยคิดว่างั้นเขาก็ต้องเป็นภรรยาและเพื่อนที่ดีได้ เพราะเขากล้าพูดในสิ่งที่ไม่ดีของเรา สุดท้ายแล้วจะทะเลาะหรืออะไรกันก็ตามอย่างปล่อยข้ามคืน พรุ่งนี้ก็วันใหม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มันต้องเคลียร์ ต้องมีชีวิตกันไปอีกยาว วิกกี้เป็นคนมาทำให้ไอเป็นคนที่ดีขึ้น เราอาจจะไม่ได้รู้จักกันมาเป็น 10 ปี แต่ช่วงเวลาสั้น ๆ แค่นี้ก็ทำให้ได้เห็นแล้วว่าวิกกี้รักไอมากแค่ไหน วิกกี้ดูแลไอดูแลทุกคน เป็นคนที่เสียสละ รักครอบครัว จริงใจ เด็ดขาด น่ารัก ใจเย็น แต่ตื่นสาย อยากบอกว่ารักวิกกี้นะ จะดูแลวิกกี้ให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราต้องเข้มแข็ง จับมือกันฝ่าฟันอุปสรรค์ทุกอย่าง มันไม่มีอะไรที่จะยากเกินกว่าที่เราสองคนจะจัดการได้ เราไม่มีทางแพ้ถ้าเรารักกัน วันนี้ถึงวันที่เราตั้งใจอยากจะเป็นครอบครัว ป๊ะป๊าอยากจะฝากนิดหน่อยคืออยากให้วิกกี้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ป๊ะป๊าไม่อยากให้วิกกี้เป็นภูมิแพ้ อยากให้หายเร็ว ๆ ป๊าจะดูแลวิกกี้เอง วิกกี้ก็ต้องดูแลป๊ะป๊าด้วยนะครับ รักวิกกี้นะ”
ด้าน “วิกกี้” เล่าเสริมว่า “พี่เวียร์เริ่มจีบด้วยการชวนไปไหนบ่อย ๆ มีกิจกรรมตลอด ไปเดินป่าไหม เราก็ไม่เคยไป บอกไม่ว่าง ๆๆ มีทั้งไม่ว่างจริง และไม่ว่างทิพย์ ตอนแรกไม่รู้ว่าพี่เวียร์เป็นใคร ไม่รู้ว่าเป็นดารา เพราะเป็นคนไม่ดูโทรทัศน์ มีวันหนึ่งเขาขับรถตู้กลับมาแล้วชี้ให้ดูป้ายโฆษณาแล้วบอกว่าเขาคือคนบนป้าย ครั้งแรกที่คุณพ่อคุณแม่วิกกี้เจอเวียร์ คุณแม่มาสะกิดนี่ใช่พี่ Kerry หรือเปล่า พอตอนหลังรู้ว่าเขาเป็นใคร พอเขาชวนไปไหนก็ไม่ไปดีกว่า อาจจะด้วยความต่างของอาชีพ เขาเป็นนักแสดง ส่วนเราก็สายธุรกิจ ประกบการณ์การเจอผู้คนเยอะก็จะทำให้เรามีกำแพงก่อนว่าคนที่เขามาเขายังไง ก็เป็นเพื่อนก่อน แต่เขาก็ไม่ละความพยายามของเลย ชวนหลายรอบมาก เราก็เลยไป เพราะอยากรู้จักเขามากขึ้น พอเริ่มเป็นเพื่อนกัน ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น คิดอะไรหลายอย่างเหมือนกัน เรารู้สึกว่าพึ่งพาเขาได้ ที่สำคัญคือเราอยู่ง่ายกินง่ายเหมือนกัน เลยทำให้ไม่มีปัญหากัน คู่ชีวิตเนอะ อยู่ด้วยกันแล้วต้องสบายใจ ไม่รู้สึกยุ่งยาก พอคบกันแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตเปลี่ยน เราไม่ได้พิเศษกว่าใคร เราก็คือคนธรรมดา แต่พี่เวียร์เมื่อก่อนเขาเป็นคนตึง ไม่หย่อนเลย อีโก้สูง แต่เขาก็ปรับตัวเอง ส่วนนาทีขอแต่งงาน วันนั้นวิกกี้ง่วงนอนมาก ช่วงเช้าเขาบอกว่าเพื่อน ๆ จะมาจัดปาร์ตี้กัน เราก็ถามว่าให้ช่วยเตรียมอะไรไหม เขาบอกไม่ต้อง ๆ เราก็เริ่มตะหงิดใจนิดนึงแล้ว ทุกคนใส่ชุดสีขาว เราก็แหนะ ศุกลวัฒน์ รู้สึกเลยว่าเขาจะขอเราแต่งงานหรือเปล่า เพราะนางเป็นคนเก็บความลับไม่เก่ง เราไม่รู้ว่าเขาจะเซอร์ไพรส์ยังไง เพราะคิดว่าเขาน่าจะไม่เซอร์ไพรส์ งั้นรอดูหน้างานแล้วกัน เราก็เลยเตรียมใส่ชุดขาวแบบสวย ๆ เลย ทุ่มก็แล้ว สองทุ่มก็แล้ว สี่ทุ่มก็แล้วเริ่มง่วง เมื่อไหร่จะขอแต่งงานสักที ขอบคุณที่รักมาก ๆ ที่อยู่ด้วยกัน ขอให้อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ อยากให้ที่รักแข็งแรง เราจะได้เป็นครอบครัวที่สุขภาพแข็งแรง ร่าเริง แฮปปี้ไปด้วยกัน จะได้มีแรงไปเที่ยวเยอะ ๆ ด้วย หนูก็จะดูแลที่รักให้ดีที่สุดอย่างที่เคยสัญญาไว้“.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน