ตกใจไม่น้อยหลังเจอกับตัวครั้งแรก สำหรับดาราสาว “เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า” ที่ออกมายืนยันความบริสุทธิ์ผ่านไมค์ไนน์เอ็นเตอร์เทนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ จากกรณีแฟนคลับถูกหลอกเงินเกือบครึ่งล้านจากเพจที่แอบอ้างนำชื่อตนไปใช้ ล่าสุดวันนี้(8 มิ.ย. 2565) “เกรซ” นำหลักฐานเข้าร้องดีอีเอสดำเนินการเพจเฟซบุ๊กเพื่อหลอกลวงแฟนคลับให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจซื้อขายสินค้าออนไลน์ โดยมี “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES)มารับหนังสือร้องด้วยตัวเอง
ดาราสาวเผยว่า หลังจากออกมาโพสต์เตือนภัยเมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่มิจฉาชีพก็ยังไม่หยุดการหลอกลวงผู้คน ตนจึงมองว่าแค่โพสต์เตือนคงไม่พอเลยตัดสินใจเข้ามาร้องกับทางกระทรวงดิจิตัลฯ เพื่อให้ดำเนินการปิดเพจ เพราะมีผู้เสียหายค่อนข้างมากและมูลค่าความเสียหายหลายแสนบาทแล้ว เลยอยากแนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความด้วยโดยสามารถแจ้งความออนไลน์ได้เพื่อความรวดเร็วและสะดวก รวมผู้เสียหายได้จากหลายที่
ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าว อาจเข้าข่ายกากระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 (2)และมาตรา 343 วรรคสอง กระทำความผิดฐานฉ้อโกง แสดงตนเป็นคนอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท และมาตรา 14 (1)แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม”โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา” ผู้ใดกระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา16ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฎเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เดิม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่จะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชังหรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท และอาจเข้าข่ายฐานละเมิดลิขสิทธิ์ ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ มาตรา 27 (2) เผยแพร่งานลิชสิทธิ์ต่อสาธารณชนโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาทถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำเพื่อการค้า ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความรับผิดทางทางแพ่งมาตรา 7 พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
