หลังเดินหน้าทำโครงการ “เราต้องรอด” มานานปีกว่า ล่าสุดสถานการณ์โควิดดีขึ้นเรื่อยๆ ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง ทำให้วันนี้ (31 พ.ค. 65) ถือเป็นวันสุดท้ายที่ต้องทำการปิดศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิดแห่งสุดท้าย หลังก่อนหน้านี้ปิดไปแล้ว 3 แห่ง โดย “ได๋ ไดอาน่า” เผยว่าแม้การปิดศูนย์พักคอยในวันนี้จะเป็นการพูดคุยกันมาแล้วก่อนหน้านี้ แม้ทุกวันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลง แต่ก็ยังคงมีผู้ป่วยเหลืออยู่ จึงตัดสินใจเตรียมเข้าหารือเพื่อต่อลมหายใจศูนย์พักคอยต่ออีก 1 เดือน โดยจะแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดด้วยตัวเอง ส่วนเพจ “เราต้องรอด” ยังคงเปิดตามปกติ และให้คำปรึกษากับผู้ป่วยอยู่เหมือนเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงโควิดระบาดหนัก แต่ละวันมีเคสผู้ติดเชื้อติดต่อเข้ามาวันละหลักพันคน แต่ปัจจุบันเหลือเพียงหลักสิบเท่านั้น อีกทั้งผู้ป่วยในภาวะโคม่ายังไม่ถึง 10 คนด้วย ที่ผ่านมานอกจากการสละแรงกาย และทุนทรัพย์ส่วนตัวที่ค่อนข้างสูงแล้ว ค่าน้ำค่าไฟต่อเดือนหลายแสนบาท ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการปิดศูนย์พักคอยผู้ป่วยด้วยเช่นกัน
ส่วนการประกาศเตรียมให้ประชาชนถอดหน้ากาก อนามัย 31 จังหวัด ในเร็ว ๆ นี้ “ได๋” ในฐานะผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยโควิดมองว่า การถอดแมสก์นอกจากจะช่วยกระตุ้นในเรื่องของเศรษฐกิจการท่องเที่ยว ขณะเดียวกันประชาชนต้องไม่ลืมที่จะดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดด้วย ไม่ควรมีการแบ่งแยกกลุ่มสวมแมสก์กับถอดแมสก์ แลผู้ที่มีความเสี่ยงก็ควรที่จะมีจิตสำนึกในการป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่เหมือนเดิม
ขณะที่โรคระบาดที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่าง “ฝีดาษลิง” ได๋ถือว่าค่อนข้างน่ากลัว กว่าโควิด เพราะมีแผลที่เห็นได้ชัด แต่ไม่อยากให้กระแสข่าวลืออย่าง การแพร่กระจายของโรคเสี่ยงมาจากผู้ที่รักเพศเดียวกัน ไม่อยากให้นำโรคไปผูกกับเพศของคนอื่น ซึ่งหากโรคดังกล่าวมีการระบาดในไทย ได๋จะมีการออกมาเปิดศูนย์ช่วยเหลือเหมือนโควิดหรือไม่ ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต ขอทำไปทีละเรื่องก่อนในตอนนี้ ส่วนตอนนี้กลับมารับงานพิธีกรเต็มที่แล้ว หลังจากปฎิเสธการรับงานมานาน เพราะทุ่มเวลาให้กับการช่วยเหลือผู้อื่น ได๋เผยว่าตอนนี้มีอีเวนต์ใหญ่ ๆ ติดต่อเข้ามาเรื่อย ๆ ตอนนี้ก็มากถึง 60 เปอร์เซนต์แล้ว จะกลับมาทวงบัลลังก์เจ้าแม่งานอีเวนต์.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
