“ปุ้ย ปิยาภรณ์” เคลียร์ดราม่าเงินบริจาค ลั่นยังอยู่ครบทุกสตางค์ แจงไม่เชิญ “ฟ้าใส” ร่วมงาน UIU หวั่นโดนมองหิวแสง

กลายเป็นดราม่าขึ้นมาทันที หลัง “ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น” มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ให้สัมภาษณ์สื่อว่ามีเงินบริจาคเหลือในโครงการ​ we are one​ จำนวน 4 แสนบาท อยากนำเงินไปช่วยมูลนิธิที่ต้องการความช่วยเหลือ ให้ทนายทำจดหมายไปในต้นสังกัดเดิม แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับนานเป็นปี โดย Tiktok@real.fan.miss.grand ได้แชร์คลิปขณะที่ “ฟ้าใส” ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่ไม่ได้ไปร่วมงาน UIU ว่าเป็นเพราะไม่ได้รับเชิญไป เอาจริงถ้าสมมติมองในมุมของเมื่อวานก็รู้สึกโอเคนะคะ เพราะไม่ได้มีใครโคฟเวอร์เป็นฟ้าใส ในเมื่อไม่มีเราก็ไม่แปลกที่เขาจะไม่เชิญเราไปค่ะ ส่วนใครจะมองว่านี่คือการตอกย้ำปัญหาก่อนหน้านี้ที่มีกับทางกอง ส่วนตัวรู้สึกเฉย ๆ เพราะฟ้าใสก็ยังมีเงินในโครงการ We are One ที่อยู่กับทางกอง ในเมื่อมีเงินก้อนนั้น เราก็ต้องมาการร่วมงานกันในด้านของการกุศลอยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ได้ให้ทนายร่างจดหมายไปหากอง ในเมื่อยังมีเงินก้อนนี้อยู่ เราก็อยากเอาเงินไปช่วยเหลือสังคมจริง ๆ แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ”


ล่าสุด “ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก” ผู้บริหารบริษัทพีทีเอ็น โกลบอล ผู้อำนวยการกองประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ออกมาไลฟ์ชี้แจงดังนี้ “ตอนแรกก็งงว่าคนส่งมาถามเรื่องมูลนิธิ พูดด้วยความสัตย์จริงเราไม่เคยทำมูลนิธิ สิ่งที่จะพูดต่อไปนี้ ไม่ได้เบลมหรือว่าฟ้าใส แต่ขอชี้แจงว่าโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการที่เราถามนางงามของเราว่าอยากจะทำโครงการอะไร ในเมื่อแฟนคลับรักในมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ และรักนางงาม เราก็ตั้งไปเลย we are one รวมกันเราเป็นหนึ่ง เราประชุมกันว่าอยากจะทำโครงการช่วยเหลือเด็ก ๆ ด้อยโอกาส เพราะฟ้าใสเคยไปทำโครงการเกี่ยวกับเด็ก ๆ อยู่แล้ว เราก็ช่วยประสานพาร์ตเนอร์ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดี ต่อมาในปี พ.ศ.2562 เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมหนัก เราก็บอกแฟน ๆ ฟ้าใสว่าใครอยากบริจาคก็บริจาคเข้ามา ฟ้าใสจะเอาเงินไปทำบุญที่ จ.อุบลราชธานี ก็มีคนบริจาคมา ซึ่งเราทำเอกสารไว้หมดว่าใครบริจาคเท่าไร ทำบัญชีสรุปชัดเจนว่าโอนไปที่ไหนยังไงบ้าง มีเงินเหลืออยู่เท่าไร ตั้งแต่ 19 ก.พ.ปี 2020 มียอด 418,165 บาท คาอยู่ในบัญชี เจ้าของบัญชี มี 3 คน คือ ฟ้าใส แม่ปุ้ย และฝ่ายการเงินของเรา”

“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนี้ มันอยู่ตรงที่น้องฟ้าใสบอกว่าให้ทนายส่งหนังสือมา อันนี้ไม่ได้ว่าฟ้าใสไม่ได้ส่งนะคะ แต่ฝั่งเราไม่เคยได้รับ ถามฝ่ายการเงินเขาบอกไม่เห็น และเงินทุกบาททุกสตางค์ก็ยังอยู่ครบ อยากจะฝากไปถึงฟ้าใสว่าหนูสามารถเดินเข้ามาที่ออฟฟิศ TPN ได้ตลอดเวลา ไม่เห็นต้องเอาทนายเลย ก็เงินมันก็เหลืออยู่ตรงนี้ ไม่ได้มีการใช้อะไรเลย เดินเข้ามาเลย จะเอาไปทำบุญอะไรก็เอา คนเซ็นเบิกก็ 2 ใน 3 มีอะไรก็ยกหูมา เบอร์ก็มี ไม่เห็นต้องไปโพสต์ ส่วนดราม่างาน UIU คนถามว่าทำไมไม่มีฟ้าใส มีหลายคนที่ถูกคัฟเวอร์ แม่ปุ้ยก็ไม่ได้เชิญ พูดจากใจโดยส่วนตัวไม่ได้มีความเกลียดชังอะไรฟ้าใสเลย ในบริบทของนางงามก็ชมเขาตลอดว่า เขาสวย เขาฉลาด สมองเป็นเลิศ มีตรรกะของการเป็นนางงามของเขา เราไม่เคยว่าเลย แต่มันก็มองได้ 2 แง่ ถ้าแม่ปุ้ยโทรไปเชิญเดี๋ยวจะโดนผู้จัดการต่อว่าอีกว่าหิวแสงหรือเปล่า ไปโหนเขาหรือเปล่า อยากไปเกาะกระแสเขาหรือเปล่า เพราะน้องเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียง อันนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่แม่ปุ้ยคิด แต่ถ้าถามว่ามีอะไรเกลียดชังฟ้าใสไหม ไม่มีค่ะ เขาก็เจริญรุ่งเรืองเติบโตในหน้าที่การงานของเขา เราก็จะจำแต่สิ่งดี ๆ ของเขา”

ด้าน “เอส อนุสิทธิ์” ผู้จัดการส่วนตัว “ฟ้าใส ปวีณสุดา” โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงกลับทันทีว่า “จากบทสัมภาษณ์ของน้องฟ้าใส เรื่องกองทุน We are One และขอตอบกลับไลฟ์สดของต้นสังกัดเดิม ดังนี้ 1. กองทุน We are One มีชื่อ ฟ้าใส เป็นเจ้าของโครงการ โดยในสมุดบัญชีธนาคาร เขียนว่า กองทุน We are One by ปวีณสุดา ดรูอิ้น ฉะนั้นจึงหมายความว่า น้องจะต้องรับผิดชอบเงินก้อนนั้น ตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค โดยกฎของการถอนเงิน ต้องเซ็นชื่อ 2 คนใน 3 คน โดยไม่ต้องเซ็นทั้ง 3 คนครับ 2. น้องมีการส่งจดหมาย ร่างโดยทนาย ไปยังต้นสังกัดเดิมจริง มีหลักฐานเอกสารยืนยันได้ส่งจริงครับ และมีหลักฐานการ ได้รับจากปลายทางด้วยครับ ต้องขอโทษทางต้นสังกัดด้วย ว่าทำไมถึงต้องร่างจดหมายโดยทนาย ทำไมถึงไม่โทรเข้ามา เพราะเหตุผลแบบนี้ครับ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องเงิน จะได้ไม่เกิดการล้ำสิทธิ์ต่าง ๆ ของต้นสังกัดด้วย เพื่อจะได้ถูกตามขั้นตอน และจริง ๆ แล้ว หลังจากแถลงข่าวเรื่องมงกุฎเสร็จ ฟ้าใสได้พูดเรื่องนี้ผ่านสื่อไปแล้วว่า เรายังมีเงินในกองทุน We are One ที่จะ ได้รอร่วมงานกับต้นสังกัดเดิม แต่ไม่มีใครติดต่อมา เราจึงต้องขอโทษด้วยที่ต้องทำเป็นจดหมายติดต่อกลับไป การโทรไปอาจจะนำมาซึ่งปัญหาแบบครั้งก่อน โดยขาดลายลักษณ์อักษร 3. มีการสัมภาษณ์ว่า ฟ้าใสมีชื่อในบัญชีสามารถตรวจสอบได้ ทางเราขอยืนยันว่า ไม่สามารถตรวจสอบรายละเอียดการเบิกจ่ายทุกอย่างได้ครับ สามารถเช็คกับธนาคารได้เลย เพราะน้องเป็นแค่ 1 ชื่อใน 3 ชื่อเท่านั้น และตั้งแต่เปิดกองทุนมา ฟ้าใสยังไม่เคยได้เป็นผู้เซ็นเบิกเลยสักรายการครับ 4. ทางต้นสังกัดเดิมอยากจะร่วมงานกับน้อง และ ได้บอกว่า กลัวว่าถ้าติดต่อมาแล้ว ทางผู้จัดการจะบอกว่า หิวแสง หรือโหนน้องดัง ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยครับ เราสองคน เป็นแค่คนในวงการบันเทิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ถ้าทางต้นสังกัดติดต่อมา ผมยินดีร่วมงานเสมอครับ 5. สุดท้าย ผมได้เบอร์ติดต่อจากการ ไลฟ์สดมาแล้วครับ ผมจะโทรไป เพื่อนำเงินนั้นมามอบให้กับมูลนิธิที่มีความต้องการ ต้องขอขอบคุณทางต้นสังกัดเดิมด้วย ที่จะได้ร่วมงานทำสิ่งดี ๆ เพื่อสังคมกันครับ น้องและผมก็ปรารถนาที่จะร่วมงานทำสิ่งดี ๆ กับ ทางต้นสังกัดเดิมเสมอครับเรื่องดราม่า เรื่องทุกอย่างจะได้จบลงผ่านการร่วมงานกันในครั้งนี้ครับ”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 1,311 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม