สส.เต้ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมทีมทนายความ เผยว่า “จากที่แม่มาร้องขอผมและชมรมช่วยเหลืออาชญากรรมมาช่วยเหลือดูแลคดีวันนี้อัยการยังไม่สั่งฟ้อง เลื่อนไปอีก 12 วัน ยังพอมีเวลาที่เราจะดำเนินคดีตามกระบวนกฎหมายอาญาต่อไป ปัจจุบันการดำเนินคดีครั้งต่อไป คนที่รับผิดชอบจะมีผม กับพี่อัจฉริยะ เป็นที่ปรึกษา และมีทีมทนายความ ในการดำเนินคดีครั้งนี้ดำเนินเพื่อคืนความยุติธรรมให้เป็นไปตามความเป็นจริง ตามความรู้สึกผู้สียหายโดยตรง คดีนี้จะเป็นคดีตัวอย่างของการปฎิรูปกระบวนการยุติธรรมในอนาคต การดำเนินคดีครั้งต่อไปไม่ใช่คดีประมาท ไม่ใช่คดีอุบัติเหตุแต่เป็นกรณีการเสียชีวิตที่มีข้อพิรุจหลายอย่าง”
ด้าน “แม่ภนิดา” แม่แตงโม กล่าวว่า “แม่นัดขอเวลา 2 วัน ก็ให้สส.เต้ ช่วยเรื่องคดีทั้งหมดของน้องโม คำแถลงของนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน คุณแม่น้องแตงโม คุณแม่มีความอึดอัดใจในทุกประเด็นการเสียชีวิตของน้องโม ลูกสาวคนเดียวของแม่ที่แม่รักสุดหัวใจ ตั้งแต่เห็นสภาพร่างกายของลูก เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 65 หลังเสียชีวิต ถึงเวลาแล้วที่แม่จะต้องทวงความยุติธรรมของน้องแตงโม ลูกสาวคนเดียวที่แม่มี เราต้องการให้ลูกได้รับความเป็นธรรมตามความจริงถึงที่สุด แม่มีความเข้าใจว่าน้องโม ไม่ได้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ และคิดว่าอาจจะเป็นการเสียชีวิตด้วยฆาตกรรมอำพราง จึงตัดสินใจดำเนินคดีต่อที่ศาลอาญานนทบุรีด้วยตนเอง โดยได้รับความช่วยเหลือจาก สส.เต้และทีมกฎหมาย และชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ พร้อมทั้งคนอื่นที่จะมาร่วมเป็นพยาน เช่นคุณหญิงแพทย์หญิงพรทิพย์ และประชาชนคนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์
แม่เสียใจมาก แม่เสียเวลาไป 3 เดือนเต็ม ๆ ครั้งนี้แม่จะสู้แล้ว สู้ด้วยความถูกต้อง ด้วยบุคคลที่ดูแลแม่ด้วยกฎหมาย แม่จะสู้เพื่อลูก ที่ผ่านมาแม่ก็สู้แต่ไม่ได้บอกใคร แม่เก็บหลักฐานเอง คนเห็ฯปม่ไม่ทำอะไรเลย แม่อยากทราบว่าแม่ต้องมาประกาศด้วยเหรอว่าแม่ช่วยเหลือ ถ้าแม่ไม่ช่วย แม่ไม่น้ำหนักลดไป 7 กิโล เพราะไม่ได้หลับไม่ได้นอน ที่ผ่านมาสื่อโทรมา แม่รับทุกสาย ใครขอข้อมูลแม่ตอบหมด แม่เข้าใจ แต่จงโปรดเข้าใจแม่ด้วย อย่าให้ข่าวแม่ผิดตั้งแต่นี้ต่อไป ให้ข่าวแม่ในทางถูกต้อง อย่าบิดเบือน แม่ตั้งใจหาความจริงว่าลูกแม่โดนฆาตรกรรมด้วยวิธีใด ใครเป็นคนทำ อันนี้สำคัญมาก ๆ ถ้าสื่อใดมีหลักฐาน ช่วยหาหลักฐานให้แม่ ก็จะดี ได้ช่วยลดทอนความยุ่งยาก ต่อไปจะไม่โดนหมกเม็ดแบบนี้ 3 เดือนที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงไม่มีคนพูด
ยืนยันมั่นใจทีมนายมงคลกิตติ์ และนายอัจฉริยะ เพราะมีทั้งทนายความที่ปรึกษาและมีทุกอย่างที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งนายอัจฉริยะเก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐานไว้เยอะมาก จนคุณแม่ รู้สึกสงสารและขอเบอร์จากทนายเดชา เพื่อขอบคุณ แต่นายเดชาบอกไม่ให้โทร เพราะเตือนว่าจะหาทางลงไม่เจอ จน 1 สัปดาห์ผ่านไปก็ได้มาเจอตัวจริง และก่อนออกมาทำงานก็บอกแตงโมว่ามาทำงานเพื่อแตงโมขอให้กำลังใจด้วย ซึ่งคุณแม่ก็ยืนยัน 100% ว่าจะสำเร็จแต่อาจจะต้องใช้เวลาหน่อย ยืนยันมั่นใจทีมนี้ ว่าจะคืนความเป็นธรรมให้กับลูกสาวได้
ส่วนกับทนายเดชายังเป็นเพื่อนกันแต่ทนายเดชาก็ชอบแขวะคุณแม่ และยังรัก ส่วนจะให้ความมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่เทในอัจฉริยะและจะทำงานสำเร็จ ทำไมถามคำถามนี้เพราะคุณแม่เทมา 2 ทนายแล้วใช่หรือไม่ (แม่หัวเราะ) พร้อมบอกว่าลองใช้วิจารณญาณดูแล้วกัน ไม่อยากกล่าวหาใคร แต่ก็ทราบดีว่าทั้งสองคนเป็นอย่างไร ส่วนนายอัจฉริยะ มีข้อมูลเต็มเพียบร้อยเปอร์เซ็นต์จะไปเทได้อย่างไร
ด้านนายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนได้รับมอบอำนาจจากคุณแม่แตงโมอย่างเป็นทางการเรียบร้อย พร้อมทนายสุธีพงษ์ และใช้สิทธิ์ตามกฎหมายในการฟ้องร้องบุคคลบนเรือทั้งหมด วันนี้ได้ให้หลักฐานบางกับคุณแม่ดูและเชื่อว่าเข้าใจเรื่องที่ตนทำเรื่องของพฤติกรรมอำพราง และเห็นว่าที่มาถึงวันนี้ได้ เพราะสื่อมวลชนช่วยผลักดัน และต้องขอบคุณอัยการสูงสุดและอัยการจังหวัดนนทบุรีที่ให้ความสำคัญในการที่ตนไปยื่นร้องขอความเป็นธรรมตามสิทธิรัฐธรรมนูญจำนวน 8 ข้อจึงมีคำสั่งเลื่อนการฟ้องร้องคนบนเรือทั้ง 5 คนกับผู้ที่วางแผน และสิ่งที่เกิดขึ้นก็จะมีการพิสูจน์เรือใหม่รวมถึงสิ่งที่ตนร้องขอ ซึ่งขณะนี้ต่อจิ๊กซอว์ไปได้เยอะแล้วและจากนี้จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมอำพรางของแตงโม ซึ่งบางส่วนไม่สามารถเปิดให้สื่อมวลชนและประชาชนดูได้แต่ได้ให้คุณแม่ดู หลังจากนี้ตนจะเชิญอดีตอัยการมาร่วมร่างคำฟ้องและมีผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด 15 คนทุกสาขา รวมถึง แพทย์หญิงหญิงพรทิพย์ นายแพทย์วัฒนชัย กาญจนรินทร์ มาดูบาดแผลก้างปลา และผู้เชี่ยวชาญทางเรือ บุคคลที่เชี่ยววชาญในระบบ GPS ในการทวงคืนความยุติธรรมให้กับแตงโมและที่ผ่านมาเสียเวลามามากแล้ว และสิ่งที่ทำให้แม่ยอมรับว่าคดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ เกิดจากการที่แตงโมไปปัสสาวะท้ายเรือ ซึ่งตนมีหลักฐานบางอย่างเอาให้แม่แตงโมดู
ทั้งนี้คาดว่าใช้เวลาไม่นานในการรวบรวมพยานหลักฐาน และในวันนี้ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีและในวันจันทร์จะ ใช้โดรนใต้น้ำเข้าไปสำรวจใต้น้ำ
“อย่างน้อยที่สุดเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่อัยการนนทบุรีได้เล็งเห็นความสำคัญในการยื่นขอความเป็นธรรม และสามารถพิสูจน์ได้ว่าถ้าอัยการสอบ 8 ประเด็นที่เราร้องขอไปจะบอกอะไรได้ว่าไม่ได้มีการประมาท ดังนั้นเอกสาร 2,000กว่าแผ่น ที่มีคนบนเรือเพียง 5 คนพยานแวดล้อมมาจากไหนจำนวนมาก และขณะนี้จะมีการตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมายกับคนที่เป็นพยานเท็จ เพราะหากปล่อยไว้จะทำให้คดีเกิดความเสียหาย เรือลำที่จะขอตรวจไม่เหมือนเรือธรรมดาแต่ยังขอไม่เปิดเผยเพราะสิ่งที่ผมทำทั้ง 8 ข้อมีเหตุผลของตัวเอง หากเปิด อย่าลืมว่าผมไม่ได้รบกับแค่คนบนเรือ แต่รบกับคนที่มีอาวุธข้างกายซึ่งอาจจะทำลายหลักฐานได้ดังนั้นเพื่อความโปร่งใสขอให้เจ้าหน้าที่รัฐได้ทำงานซึ่งอะไรที่ผิดพลาดไปแล้วก็มาแก้ไขกันเชื่อว่าเริ่มต้นใหม่ได้ ไม่ใช่ไปอิงคนรวย” นายอัจฉริยะกล่าว
นายอัจฉริยะย้ำว่า แนวทางของคดีนี้หากอัยการได้เห็นประจักษ์พยานและได้สอบผู้เชี่ยวชาญทางเรือ ก็จะได้ข้อเท็จจริงว่าไม่ประมาทและนำไปถึงการแก้ข้อกล่าวหาประมาทเพราะมีพยานหลักฐานใหม่ที่ทางพนักงานอัยการได้สอบแล้ว และก็มีสิทธิ์แจ้งข้อหาเพิ่มเป็นคดีฆ่าก็ได้ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปได้หมดหากสามารถดำเนินการตามที่ตกลงร้องขอ 8 ข้อ ยืนยันไม่ทิ้งแม่แตงโม เพราะตนมีหน้าที่ดูแลกฎหมายและนายมงคลกิตติ์ดูแลแม่ ซึ่ง แตงโมก็เสมือนน้องของตนคนหนึ่ง และที่ทำวันนี้ทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อเหยื่ออาชญากรรมอีกมากมายที่วันข้างหน้าไม่ทราบว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้หรือไม่
นายอัจฉริยะยืนยันด้วยว่า ที่ทำคดีนี้ไม่ได้หวังผลด้านใดด้านหนึ่ง แต่ทำงานของคดีแตงโมมาตั้งแต่ต้น แม้มีทนายความคนอื่นดูแลแม่แตงโมอยู่ จนกระทั่งประชาชนให้ความหวังและให้กำลังใจตน ยืนยันจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังเพราะคดีนี้เป็นหนึ่งคดีในประเทศไทยที่มีการบิดเบือนมาก
ขณะนี้มีภาพเกี่ยวกับคนบนเรือ 550 ภาพถูกลบไป และมีคลิปสำคัญ 2 คลิปที่มีผลกับคดี ก่อนหน้านี้เพิ่งจะทราบรายละเอียด ขอให้รอวันที่ 2 มิ.ย.มีรายละเอียดให้แน่นอน แล้วจะได้คนถามบังแจ็คด้วยว่าเมื่อไหร่จะคืนโทรศัพท์และข้อมูลที่บอกว่ากู้ได้ 40,000 ภาพเป็นจริงหรือไม่ ส่วนเมื่อถามเรื่องเงินฟ้องร้องค่าเสียหายนั้น นายอัจฉริยะกล่าวว่าเป็นสิทธิ์ ตามกฎหมาย แต่ได้บอกคุณแม่ไปแล้วว่าประเด็นนี้เป็นแค่ความฝัน ยังไม่ใช่ความจริงเพราะยังไม่ทราบว่าแตงโมเสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไร แต่จะทำให้เห็นว่าคดีนี้ ไม่ใช่คดีประมาท และเมื่อถึงตอนนั้น ก็ดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอนต่อไปได้ และยืนยันจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด
สำหรับบรรยากาศในช่วงท้ายของการแถลงข่าว นางพนิดา ได้ร้องเพลง “ใต้ร่มมลุลี” ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ให้สื่อมวลชนฟัง ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงที่ใช้ร้องเมื่อวาน หลังนัด ส.ส.มงคลกิตติ์ ทานข้าวเมื่อวานนี้ พร้อมระบุว่า เพลงนี้ไม่ได้สื่อความหมายอะไร.