ถือเป็นตำนานบทใหม่ที่ทำเอาแรปเปอร์สาว “มิลลิ ดนุภา” จดจำไปตลอดชีวิต หลังเจ้าตัวได้รับโอกาสให้ขึ้นโชว์บนเวทีดนตรีระดับโลก Coachella ซึ่งเป็นเทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่ที่รวบรวมเอาศิลปินที่มีชื่อเสียงระดับโลกมาขึ้นโชว์ และบนเวทีดังกล่าว มิลลิ ได้โชว์ความเป็นไทยผ่านการกินข้าวเหนียวมะม่วงขณะร้องเพลงบนเวที สร้าง Soft Power เกิดปรากฏการณ์ข้าวเหนียวมะม่วงฟีเวอร์ ทั้งยังสร้างความฮือฮาให้คนดูด้วยการเต้นแอโรบิกโชว์บนเวทีดังกล่าวอีกด้วย ล่าสุด “มิลลิ” กลับถึงประเทสไทยและเปิดใจถึงเรื่องนี้เป็นครั้งแรก
โดย “มิลลิ” เผยว่า เหตุผลที่เลือกข้าวเหนียวมะม่วงขึ้นไปโชว์บนเวที เพราะรู้สึกว่าอยากทำอะไรกวน ๆ แล้วข้าวเหนียวมะม่วงมีความเป็นตัวเรามาก ๆ ไม่ได้คิดว่าจะกลายเป็น Soft Power ทั้งโชว์รอซีนนี้อย่างเดียวเพราะว่าหิว ดีใจที่หลังจบโชว์ดังกล่าวกลายเป็นว่าที่เมืองไทยข้าวเหนียวมะม่วงฟีเวอร์ ส่วนโชว์ที่ 2 เลือกเต้นแอโรบิก ตอนไปโชว์คนดูเหวอ เขางงว่าเราทำอะไร แต่หนูเลือกเอามาทำโชว์เพราะมองว่าเป็นเอเชียนคัลเจอร์ หลายประเทศก็มีแบบนี้ เราเองก็ชอบ แล้วเพลงที่ใช้ก็เป็นซิงเกิ้ลใหม่ในอัลบั้มของเราด้วย ตอนอยู่บนเวทีแล้วมองลงมาเห็นคนดูเป็นแสน ๆ รู้สึกว่าบ้าไปแล้ว แต่ก็ดีใจที่คนดูเขาก็สนุกไปกับเรา แร็ปเปอร์คนดังเผยต่อว่า “เอาจริง ๆ หนูไม่กล้าฝันว่าจะได้ไปขึ้นโชว์ขนาดนั้น ตอนแรกที่ได้รับการติดต่อมา หนูไม่กล้าไป รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับเวทีนี้ ที่แต่สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจไป เพราะคิดว่าอาจจะเป็นโอกาสครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ไม่มีอะไรการันตีเลยว่าเขาจะมาชวนหนูไปอีกหรือเปล่า และคิดว่าคงเท่ดี ถ้าเราได้พูดว่า “แม่เคยขึ้นโชว์ที่ “โคลเชลล่า” มาก่อนนะลูก””
นอกจากจะได้ขึ้นโชว์บนเวทีระดับโลกแล้ว มิลลิ ยังได้เจอกับ “แจ็คสัน หวัง” วง GOT-7 ในฐานะที่เป็นติ่งเกาหลีมานาน เจ้าตัวบอกรู้สึกดีใจเพราะแจ็คสันให้สอนภาษาไทยด้วย ซึ่งตนสอนคำว่า “เลิศ” ไป ซึ่งอีกฝ่ายก็พูดได้ น่ารักมาก ตนอธิบายเพิ่มเติมไปว่า “เลิศ” แปลว่า “Amazing” หรือ อะไรก็ได้ที่เป็น Possive ให้พูดไปเลยว่า “เลิศ” ถามว่า “แจ็คสัน หวัง” ชวนให้ไปร่วมร้องเพลงฟีเจอริ่งด้วยไหม มิลลิ ยิ้มก่อนจะตอบกลับมาว่า “อันนี้พูดไม่ได้ค่ะ”
ชีวิตติ่งคอมพลีต หลัง “จองกุก” แห่งวง BTS เปิดเพลงของเจ้าตัวฟัง มิลลิที่เป็นติ่งเขามา 8 ปี ดีใจจนไม่รู้จะร้องไห้ยังไงให้สวยแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยพูดไว้ว่าอยากพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นเรื่อย ๆ วันหนึ่งถ้าเราสามารถเก่งจนเขารู้จักได้ ก็เป็นเกียรติกับเรา ดีใจที่วันนี้เขารู้จักเพลงของเราแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เรารู้จักเขาอยู่ฝ่ายเดียวมาโดยตลอด หลังจากนี้ก็อยากพิถีพิถันกับผลงานตัวเอง พยายามเรียนรู้ในสิ่งที่เราอยากเรียนมากขึ้น เพื่อให้ตัวเองเก่งขึ้นอีก ส่วนเวทีที่ใหญ่กว่าที่เคยไป ก็ยังคงไม่กล้าฝันในตอนนี้เลย.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน