เป็นที่ฮือฮาไม่น้อย หลังนักแสดงมากความสามารถ “เปิ้ล จารุณี” เจ้าของฉายาราชินีนักบู๊ของเมืองไทย ออกมาเปิดใจถึงเรื่องที่ราวที่ทำให้เจ้าตัวร้าวรานใจผ่านรายการคุยแซ่บSHOW หลังเจ้าตัวโดนคนในครอบครัวที่เลี้ยงดูตั้งแต่ข้าวเม็ดแรกทำร้ายร่างกายด้วยการกระทืบ บาดเจ็บหนัก ทานอาหาร- ทำงานไม่ได้ ต้องรักษาตัวนานเกือบเดือน
โดย “เปิ้ล” เผยว่า เรื่องที่ไม่นานมานี้ถูกทำร้ายร่างกาย เป็นเรื่องรันทดที่สุดแล้วในชีวิต เพราะคนที่ทำเราเป็นคนใกล้ชิดเป็นคนในครอบครัว ซึ่งเราดูแลเขามาตั้งแต่ข้าวเม็ดแรก เขากระทืบบนอก บนลิ้นปี่ เราไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ป้องกันตัวเองได้ จากนั้นก็ถูกระทืบต่อที่ท้อง ที่ขา ที่เข่า ทั้งตัว ตอนแรกยังพอเดินได้ แต่พอขับรถกลับเข้ากรุงเทพแล้วไม่ไหว ต้องเข้าโรงพยาบาลไปตรวจ หลังจากนั้นไม่กี่วันก็ทานอาหารไม่ได้ ทานแล้วอาเจียน ก็ต้องไปส่องกล้องตรวจ พบว่ามีแผลในกระเพาะ เลือดออก 8 จุด หน้าอกเขียวช้ำ ต้องทำการรักษาเกือบเดือน เรื่องราวต่อเนื่องมาเป็นปี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราเจอกันแบบธรรมดาแต่เราตะโกนทัก คำที่เขาตอบกลับมาเรียกเราว่ามัน เราก็ตกใจ เราบอก ทำไมมึง ผู้ชายคนนั้นเขาอยู่ท้ายรถกระบะ เขาก็ผละจากรถเข้ามาหาเราพร้อมกับคำพูดที่ว่าขอทีเดียว เรายังติดสายอยู่ถือโทรศัพท์อยู่เลย เขาบอกว่าเราหาเรื่องแล้วก็ตะโกนต่อว่ามากมาย เขามีพยานเท็จเป็น 10 กว่าคน เพราะตรงเกิดเหตุเป็นร้ายก๋วยเตี๋ยว เขาบอกว่าเราหาเรื่องเค้าก่อน เราต่อยเขา ตบหน้าเขาก่อน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะเราโทรศัพท์อยู่กับหุ้นส่วน พอเขาพุ่งมาหาเราก็เอามือยันป้องกันตัวอัตโนมัติ โทรศัพท์ในมือก็หล่นแต่สายไม่ได้ถูกตัด เรามีพยานคนเดียว ไม่งั้นไม่มีเส้นสายที่ไหน เจอพยานเท็จเข้าไป 11 คน ต้องแย่แน่ ๆ ผ่านตรงนั้นมาด้วยความรู้สึกร้าวราน”
“ถามว่าปมเรื่องคืออะไร มันอาจจะยาวนานมาในจิตใจของเขา เพราะความต่างของอายุต่างกันรอบหนึ่ง 12 ปี เขาก็จะถูกโอบอุ้มดูแลในครอบครัว ส่วนเราทำงานนอกบ้านทั้งกลางวันและกลางคืน ความผูกพันในบ้านเฉพาะวันไหนที่ได้หยุด คือน้อยมาก มันก็กลายเป็นทีมกันข้างหลังแล้ว เราก็โดดเดี่ยวอยู่คนเดียวเพราะทำงาน เกิดอะไรขึ้นเราจะไม่รู้เลย ณ เดี๋ยวนั้น ต้องผ่านไปหลายปีก่อน พอเขามาเป็นทีมกันตอนหลังสรุปได้ว่ามันเป็นเรื่องผลประโยชน์ มันไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ก่อนหน้าที่เราจะถูกทำร้าย เขาก็เคยพูดคำเดียวกันว่า “ขอทีเดียว” แต่เราผลักเขาออกไปได้ เพราะเขาดื่มมา เลยไม่เกิดเหตุ ใน วันนั้นที่เขาจะทำร้ายเรา มีอีกคนหนึ่งเราเลี้ยงดูมาเหมือนกันตั้งแต่ข้าวเม็ดแรก ปัจจุบันคนนี้ทำให้เราไม่กล้าเข้าบ้าน เพราะเราได้ยินจากกล้องวงจรปิดว่าถ้าเขาจะทำ เขาไม่ทำเหมือนอย่างเดิมนี่หรอก จะเอาให้โดดเดี่ยวเลย จะเอาให้มันเป็นอัมพาต นี่คือคนที่เราเลี้ยงเขามาตั้งแต่ข้าวเม็ดแรกนะ เราไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไง แต่คำพูดของเขาได้ผลคือเราไม่กล้าเข้าบ้านอีก นับตั้งแต่วันนั้นก็ 2 ปีแล้วที่ไม่ได้เข้าบ้าน เราก็ต้องอยู่ให้ได้คนเดียว ทั้งที่เงินที่ใช้ในการดูแลครอบครัวมาจากน้ำพักน้ำแรงของเราที่ทำงานมาตั้งแต่อายุ 12 ปี เพราะที่บ้านไม่ให้เรียน แต่เราอยากเรียน ในเวลาเดียวกันเราเห็นที่บ้านลำบาก เราก็เริ่มหางานทำ เริ่มจากแปกปูน แล้วก็เปลี่ยนงานที่ทำให้ได้เงินมากขึ้น แล้วมาเจอข่าวรับนักแสดง เราก็เอาเลย เพราะคิดว่ารายได้ดีกว่าแบกปูน สมัครเป็นแบบเตะต่อยไป รอบแรกเขาไม่ได้เลือก แต่เขาก็ไปรื้อใบสมัครมาดู เราก็ถูกเรียกไป ตอนนั้นอายุ 14-15 ปี แต่มาโด่งดังตอนอายุ 17 ปี จากเรื่องบ้านทรายทอง เชื่อว่าบทมันส่ง และความพร้อมขององค์ประกอบปัจจัยทั้งหมดไม่ใช่ของเราคนเดียว”
“ถ้าถามว่าเราเป็นคนหาเลี้ยงครอบครอบแต่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้รู้สึกยังไง เอาจริง ๆ ตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้ว ไม่โกรธ ไม่แค้น แต่เสียใจ และทำให้เราระแวงและระวังตัวมากกว่า เพราะเขาขู่อาฆาตเราอยู่ ที่เราไม่ออกมาพูดผ่านสื่อ เพราะมันเป็นเรื่องครอบครัว เรื่องของเราถูกตัดสินหมดแล้ว คนที่ทำร้ายเราตอนแรกเขาไม่รู้ว่าเรามีหลักฐานอะไรบ้าง เขาก็เอาพรรคพวกและพยานเท็จต่าง ๆ มาใส่ความ จนเรื่องไปถึงศาลเรามีคลิปวิดีโออยู่ชายคาบ้าน เห็นว่าเรายืนนิ่งๆ เฉยๆ แล้วคุณแถเข้ามา ด้วยหลักฐานที่เรามีพร้อม เลยจบคดีด้วยรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ก็ชดใช้ค่าดูแลเป็นการผ่อนจ่าย โชคดีที่เราได้รับความยุติธรรม เราพอใจกับผลการตัดสิน แต่เขาไม่มีการขอโทษ ไม่มีการไหว้ เขาบล็อกเรากันหมด เขาตัดเราออกจากชีวิต คือถึงเราจะไม่ได้มีอะไรมาก แต่เขาอยากได้ของเรา อยากได้บ้าน อยากได้รถ อยากได้อะไรที่มันง่าย ๆ ส่วนเราทุกวันนี้ก็ต้องคอยดูแลตัวเองจะว่าเราอ้างว้างโดดเดี่ยวอะไรก็ไม่ใช่ เราก็มีครอบครัวของบริษัทที่อยู่กับเรามา 18 ปี ถ้าเราเจอคนที่เห็นอกเห็นใจเข้าใจก็เป็นครอบครัวใหม่ของเราได้ ตอนนี้เราอโหสิกรรมให้ทุกคนหมดเลย แต่เรายังกลัวกับคำที่พูดอาฆาตของเขา”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
ขอบคุณภาพจาก : คุยแซ่บSHOW / FB : เปิ้ล จารุณี