เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 5 เม.ย.2565 จากกรณีที่ “กระติก อิจศรินทร์” เพื่อนสนิทและผู้จัดการส่วนตัว “แตงโม ภัทรธิดา” และเป็น 1 ใน 5 คนแก๊งสปีดโบ๊ทที่ร่วมล่องเรือสปี๊ดโบ๊ทเที่ยวก่อนที่ “แตงโม” จะพลัดตกเรือจมน้ำเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2565 ที่ผ่านมา เดินทางไป สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา แจ้งความเท็จ ตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน หลังสอบปากคำเสร็จ “กระติก” รับสารภาพให้การเท็จเรื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนจะเปิดใจกับสื่อยืนยันว่าตนไม่เคยกลับคำให้การ เหตุการณ์อะไรจำได้ก็ให้การเพิ่มตลอด ส่วนข่าวที่บอกตนไม่กล้าออกจากบ้าน ไม่เป็นความจริง ยังใช้ชีวิตปกติ ยังไปส่งลูกที่โรงเรียน แต่ขอสะสางคดีให้เรียบร้อยก่อนค่อยกลับไปทำงาน และไม่กลัว เรื่องจะมีใครข่มขู่ เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่มีทยายเอ็มมาบงการ “กระติก” บอกว่า “อะไรที่เราไม่รู้ และเราพูดก็ถือว่าผิด จริงก็ว่าจริง แต่เราพูดในสิ่งที่เราไม่รู้ ก็ทำร้ายเราได้เช่นกัน” ส่วนประเด็น “แตงโม” ปัสสาวะท้ายเรือ “กระติก” บอกไม่เคยพูดแต่แรก อันนั้นเป็นส่วนของ “แซน วิศาพัช” ตนไม่ขอก้าวล่วง “แซน” เป็นคนบอกว่าแตงโมปัสสาวะท้ายเรือ แต่ตนไม่เคยให้การว่าเห็นแตงโมไปปัสสาวะท้ายเรือ
หลังจาก “กระติก” รับสารภาพข้อหาให้การเท็จ วันนี้พนักงานสอบสวน จึงนำตัว “กระติก” ไปฟ้องต่อศาลแขวงนนทบุรี โดย นายอิทธิพร แก้วทิพย์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงหลังพนักงานสอบสวนส่งบันทึกคำให้การที่ “กระติก” รับสารภาพในข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ในคดีอาญาการเสียชีวิตของ “แตงโม” แก่พนักงานอัยการคดีศาลแขวง พิจารณาส่งฟ้องด้วยวาจาต่อศาลแขวงนนทบุรี เบื้องต้นคณะทำงานของพนักงานอัยการประชุมกันแล้ว เห็นว่า แม้คดีนี้พนักงานสอบสวนจะสามารถส่งฟ้องด้วยวาจาได้ เพราะผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ แต่คดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม” ซึ่งสังคมให้ความสนใจ และเกี่ยวข้องกับบุคคลบนเรืออีกหลายคน มีความยุ่งยากสลับซับซ้อนและเข้าข่ายคดีเอกภาพ ซึ่งพนักงานอัยการยังไม่ทราบรายละเอียด ดังนั้นเพื่อการพิจารณาคดีให้เกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรมและสิ้นสงสัย จึงขอคืนตัวผู้ต้องหา พร้อมสำนวนให้พนักงานสอบสวนไปดำเนินการสอบสวนให้เสร็จสิ้นก่อน แล้วจึงส่งตัวฟ้องศาล พร้อมกับคดีหลัก คือสำนวนคดีการเสียชีวิตของ”แตงโม” อีกครั้ง เพราะหากส่งฟ้องศาลแล้วสอบสวนพบข้อเท็จจริงใหม่จะไม่สามารถส่งฟ้องซ้ำได้อีก สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ อัยการจะส่งคืนสำนวนและตัว “กระติก” ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป
หลังจากศาลอนุมัติผัดฟ้อง “กระติก” ได้เขียนคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีให้การเท็จ แยกจากคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม” เพราะมองว่าเป็นคนละส่วนกันและตอนนี้การสืบสวนได้ดำเนินการจนได้ข้อเท็จจริงยุติแล้ว “นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย” ทนายความของกระติก เปิดเผยว่า การยื่นคำร้องดังกล่าวเป็นสิทธิของผู้ต้องหาที่สามารถจะดำเนินการได้ แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะมีความเห็นอย่างไร แต่ไม่ว่าศาลจะมีคำสั่งไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งฝ่ายผู้ต้องหาก็ยินดียอมรับและไม่กังวล เพราะความจริงก็คือความจริง กระติกให้การตรงกันเสมอว่าไม่เห็นตอนที่แตงโมตกน้ำ ดังนั้นเมื่อมีการสารภาพความจริงทั้งหมดแล้วจึงอยากให้ทุกอย่างเสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด การยื่นคำร้องต่อศาลไม่ใช่การดันทุรังหรือพยายามทำให้เรื่องพ้นตัว แต่เป็นเพราะผู้ต้องหาเห็นว่า การให้การเท็จเป็นคนละส่วนกับคดีการเสียชีวิตของแตงโม และพนักงานสอบสวนได้นัดมาส่งฟ้องวันนี้เพราะสอบสวนข้อเท็จจริงจนเสร็จสิ้นกระแสแล้ว ยืนยันไม่ใช่การแก้เกี้ยว แต่เป็นสิทธิที่ผู้ต้องหาสามารถกระทำได้ เพราะผู้ต้องหาไม่เห็นพ้องต่ออัยการ ในการตีกลับไปทำสำนวนเพิ่มเติม และอยากให้คดีเสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อให้เหมือนการยกภูเขาออกจากอก
ด้าน “นายเกียรติศักดิ์ กล่อมสกุล” คุณพ่อของกระติก บอกว่าหากลูกสาวผิดก็ว่าไปตามผิด เพราะที่ผ่านมาลูกก็โทรศัพท์ไปบอกว่าถูกดำเนินคดีตนเองจึงเดินทางมา ส่วนที่ผ่านมาคนในสังคมออนไลน์จะต่อว่าลูกสาวอย่างไรนั้น ตนเองก็ไม่ได้เก็บมาคิด แต่ถ้ามายืนชี้หน้าด่าก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน ตนเองก็เคยตำหนิลูกสาวแล้วว่าทำไมถึงทิ้งเพื่อนในคืนนั้น แต่ลูกสาวก็อธิบายเหตุผลมาก็พอเข้าใจได้ พร้อมยืนยันว่าเชื่อคำให้การของลูก แต่ถ้าหากลูกสาวผิดจริงตนเองจะเป็นคนพาเข้าเรือนจำเอง .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน