“เต๊ะ” เห็นด้วย “กมธ.สิทธิฯ” ฝาก ตร.นำ 5 คนบนเรือเข้าเครื่องจับเท็จ หลังให้การไม่ตรงกัน

คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการทำคดีการเสียชีวิตของดาราสาว “แตงโม นิดา” หรือ “น.ส.ภัทรธิดา พัชระวีรพงษ์” มาชี้แจง ทั้ง “พ.ต.อ. อดิศร บุญประทีป ผู้กำกับการสอบสวน กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี / พลตำรวจตรีหญิง ชุติมา ชัยมุกสิก ผู้บังคับการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ /พันตำรวจเอก อุดมศักดิ์ พาลี พิสูจน์หลักฐานตำรวจในที่เกิดเหตุ /พันตำรวจโททศพร ทับทิม สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ /พันตำรวจเอก จาตุรนต์ อนุรักบัณฑิต ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี /เต๊ะ ศตวรรษ เศรษฐกร ดาราเพื่อนสนิทของดาราสาว มาร่วมให้ข้อมูลในฐานะตัวแทนของ”คุณแม่ภนิดา ศิระยุทธโยธิน” คุณแม่ของ”แตงโม” ด้วย โดยการประชุมวันนี้กรรมาธิการไม่ให้สื่อมวลชน เข้าไปสังเกตการณ์ เนื่องจากข้อมูลหลายอย่างกำลังอยู่ในสำนวนคดี


หลังใช้เวลาซักถามนานกว่า 2 ชั่วโมง “นายสมชาย แสวงการ” ประธานกรรมาธิการพร้อมด้วยกรรมาธิการได้แถลงร่วมกับ “เต๊ะ ศตวรรษ เศรษฐกร” โดยนายสมชาย กล่าวว่า วันนี้ กมธ.ได้รับผลผ่าพิสูจน์ร่างของแตงโมแล้ว ทั้ง 2 ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ผลการตรวจสอบครั้งที่ 1 และ 2 ใกล้เคียงกัน โดยไม่พบร่องรอยของการถูกทุกที่หัวและฟันไม่หัก ส่วนแผลที่ขาเกิดก่อนเสียชีวิต กำลังรอผลตรวจชิ้นเนื้อ ว่าโดนอะไร ขณะที่ฝ่ายตำรวจ กมธ.พบว่า การสอบปากคำยังไม่ครอบคลุม มีการให้การที่ขัดกันกับหลายสิ่งหลายอย่าง จึงฝากให้ตำรวจนำคนบนเรือทั้ง 5 คนเข้าเครื่องจับเท็จ พร้อมเตือนคนบนเรือที่ให้การไม่ตรงกัน ว่า บางคนตอนนี้อาจยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหา แต่การให้การที่ไม่ถูกต้อง ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ตอนนี้ปรากฏภาพ ชัดเจนว่าหลังเกิดเหตุมีการประชุมกันที่ท่าเรือ NBC ซึ่งไม่ทราบว่าตกใจหรือคุณไปหาเพื่อนที่ตกน้ำ แต่ที่แน่ ๆ มีการไปเตรียมการและมีการประชุมกัน จึงตั้งข้อสังเกตว่าไปประชุมเพื่ออะไร เพื่อนัดแนะกันว่าตกแบบไหนหรือไม่ ระยะหนึ่งความจริงมันจะปรากฏ นอกจากนี้ กมธ. คิดว่า ยังต้องตรวจพิสูจน์ชุดที่ “แตงโม” สวมใส่เพิ่มเติม เพื่อให้สิ้นสงสัย เพราะมีการตั้งประเด็นไว้ว่า มีการทำร้ายร่างกาย จึงต้องพิสูจน์ว่ามีคราบเลือดหรือไม่ รวมถึงการเสียชีวิตเกิดขึ้นก่อนหรือหลังตกเรือ ซึ่งทางพิสูจน์หลักฐานก็รับไปดำเนินการต่อ พร้อมขอฝากสื่อมวลชนช่วยกันประชาสัมพันธ์ เพราะ ผ้าคลุมสีขาวที่ทำเป็นกระโปรงหายไป ยังไม่ทราบว่าหายไปได้อย่างไร หากใครพบเห็นให้แจ้ง สภ.เมืองนนทบุรี ไปตรวจสอบ

“นายสมชาย” ยังกล่าวถึงกรณีที่โซเชียลมีเดียช่วยกันหาพยานหลักฐานในคดี ซึ่งมันเป็นได้ทั้งสองแง่มุม คือ1. อาจจะทำให้คดีรัดกุมมากขึ้น หรือ 2.มันอาจจะทำให้คดีขยายผลจนไม่จบ ซึ่งกรรมาธิการก็มีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ แต่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว และมันควรจะตรวจสอบได้จากนิติวิทยาศาสตร์และการสอบสวน เราจึงฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทำงานครอบคลุมและรัดคลุม “การทำให้คดียืดออกไปจะด้วยฝ่ายที่ไม่หวังดี หรือสงสัยจริงก็ตาม ก็ขอให้ช่วยกันสกรีน มิฉะนั้นจะเป็นเหมือนคดีของลุงพล ป้าแต๋น ส่วนผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี จากการที่พูดคุยกันอีกฝ่ายยืนยันว่า ไม่หนักใจ และไม่มีอิทธิพลใดที่จะมาสั่งให้เปลี่ยนคดีได้ ขณะที่การตรวจสอบหาสารเสพติด ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจร่างกายของผู้ที่อยู่บนเรือทั้ง 5 คนแล้วแต่ก็มีบางคนที่ไม่ยอมให้ตรวจเลือด ด้าน “เต๊ะ ศตวรรษ” ในฐานะตัวแทนของครอบครัวแตงโม เห็นด้วยกับข้อเสนอของกรรมาธิการที่ขอให้ใช้เครื่องจับเท็จกับคนบนเรือทั้ง 5 คน เพราะเชื่อว่าคดีนี้มีความซับซ้อนพอสมควร เพราะมีการ ติดกระดุมผิดมาตั้งแต่ต้น จากการรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ จึงเป็นไปได้ ที่ทำให้ผู้คนสงสัย ส่วนตัวเห็นว่าคดีนี้ยังจบไม่ได้หากไม่มีข้อมูลที่แท้จริง ดังนั้นการใช้เครื่องจับเท็จ จึงจะช่วยยืนยัน ข้อเท็จจริงของคนบนเรือ ว่าได้พูดหรือได้ทำอะไรบ้าง เหตุใดการสื่อสารของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทำให้เรื่องนี้ต้องกลับไปที่ตัวบุคคล จึงอยากให้สังคมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ตนเองได้สอบถามต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรง ว่าเหตุใดไม่แจ้งข้อกล่าวหาคนบนเรือทั้งหมด มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพียง 2 คน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ชี้แจงว่าอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ทำให้ต้องตามต่อไปว่าการรวบรวมพยานหลักฐาน จะนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมใด ๆ ได้บ้าง ตนขอถามแบบคนซื่อ ๆ โดยที่ไม่รู้ข้อกฎหมาย ว่าทำไมในเมื่อทุกคนโกหก แต่แจ้งข้อกล่าวหาเพียง 2 คน อีก 3 คนทำไมไม่โดน

จากการร่วมสังเกตการณ์ ผ่าร่างแตงโมรอบ 2 ตนเองได้เห็นถึงนัยยะสำคัญที่มากขึ้น โดยเฉพาะบาดแผลที่มีเพิ่มเติมเข้ามา แต่ยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ของผู้เชี่ยวชาญ ว่ามีที่มาอย่างไรบ้าง พร้อมขอร้องไปยังชาวโซเชียลมีเดีย อย่าตัดต่อหรือสร้างหลักฐานใด ๆ เพื่อความสนุก หรือทำเพื่อต้องการยอดไลก์ ยอดวิว เพราะมันทำให้คนที่ทำงานเหนื่อย เกิดความสับสน ถ้าใครรัก”แตงโม” จริง ๆ อย่างแรกขอให้เอาความจริงมาคุยกัน พร้อมฝากถึงคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ถ้าได้ฟังอยู่เชื่อว่า “แตงโม”รักพวกคุณ พวกคุณควรแสดงความรักกับ”แตงโม”ด้วยความจริง คดีนี้จะจบไม่ได้ถ้าไม่มีคนพูดความจริง เพราะแต่ละคนยังสื่อสารคนละทิศคนละทาง ดังนั้นถ้ายังไม่พูดความจริง การใช้เครื่องจับเท็จก็เป็นทางออกเดียวของเรื่องนี้ ขณะที่สัปดาห์หน้ากรรมาธิการ ยังไม่เชิญใครมาชี้แจงเพิ่มเติมเนื่องจากจะนำผลทางนิติวิทยาศาสตร์มาพิจารณาเปรียบเทียบเพื่อหาข้อยุติก่อน.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 189 ครั้ง


ดูข่าวเพิ่มเติม