เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 15 มี.ค.2565 ที่ ศาลากลางน้ำ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ได้มีพิธีสวดอภิธรรมพระเอกตลอดกาล “เอก สรพงศ์ ชาตรี” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ในปี พ.ศ. 2551 ซึ่งจากไปอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งปอด เป็นคืนที่ 5 บรรยากาศในงานยังคงอยู่ในความโศกเศร้าและอาลัยอย่างสุดซึ้ง ขณะที่คนบันเทิงที่เคยร่วมงานต่างทยอยกันเดินทางมาร่วมแสดงความอาลัยพระเอกคนดังเป็นครั้งสุดท้าย อาทิ “ตู่ นันทิดา/ไทด์ เอกพันธ์/นิว วงศกร/นาว ทิสานาฎ/พี สะเดิด/หยอง ลูกหยี” และอีกมากมาย โดยมีคู่ชีวิต “เดือน-ดวงเดือน จิไธสงค์” และลูก ๆ ของ “เอก สรพงศ์” รวมถึงญาติสนิท นำโดย “ขวัญ พิมพ์อัปสร” ลูกสาวของ “เอก สรพงศ์” กับ “โย ทัศน์วรรณ” ทำหน้าที่ในการต้อนรับและดูแลแขกที่มาร่วมงาน โดยค่ำคืนนี้ “พร พรพิมล” หัวเรือใหญ่ค่าย ‘โคลีเซี่ยม” เป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม
โดย “ไทด์ เอกพันธ์” เผยว่า “เอก สรพงศ์” คือผู้ปลุกปั้นให้ตนมาเป็นดาราและเข้าสู่วงการบันเทิง ถือเป็นผู้มีพระคุณ เพราะตนและ”บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” เป็นเด็กในสังกัดของ “เอก สรพงศ์” ที่พามาเซ็นอยู่ในบริษัทกระทั่งได้เป็นคู่พระเอกฝาแฝดคู่แรก ๆของไทย ชื่อ “เอกพัน” ของตนก็มาจากชื่อ “เอก สรพงศ์” ที่นำมาตั้ง บอกพระเอกรุ่นพี่เป็นคนจิตใจดี เอื้ออาทรทุกคน เป็นบุคคลต้นแบบในการใช้ชีวิตและช่วยเหลือคนอื่นเหมือนที่พวกตนทำอยู่ทุกวันนี้ ช่วงที่ “เอก สรพงศ์” ป่วย เขาค่อนข้างห่วงภาพลักษณ์ไม่อยากให้ปรากฏภาพตอนป่วยออกไป ขนาดตอนรักษาตัว คนเช็ดตัว ดูแลต้องเป็นภรรยา “คุณดวงเดือน จิไธสงค์” คนเดียวเท่านั้น หมอและพยาบาลจะไม่ได้เห็นตอนแก้ผ้าหรือภาพที่ไม่เหมาะสมเลย ส่วนตัวตนได้คุยกับน้อง ๆ ทุกคนอยากอยากสานฝันบุญใหญ่ที่ “เอก สรพงศ์” ยังทำไม่สำเร็จเพราะเสียชีวิตก่อนคือการสร้างพระนอน อาจระดมทุนและช่วยกันจัดสร้าง ส่วนวัดโนนกุ่มหรือวัดสรพงษ์ “บิณฑ์” ก็เตรียมขนข้าวสารและอาหารไปช่วยสานต่อแต่ลูกศิษย์ที่วัดเต็มที่และยังไม่เดือดร้อนอะไรเลยยังไม่ได้ไปช่วยตรงนั้น เรื่องการปั้นรูปเหมือนอยู่ในแผนการพูดคุยอาจจัดทำในอนาคตให้สมกับการเป็นศิลปินแห่งชาติ ฝากแฟน ๆ จดจำสรพงศ์เป็นพระเอกในดวงใจและภาพดีดีของท่าน เหมือนที่ท่านไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงตลอดเส้นทางในวงการบันเทิง
ด้าน “นาว ทิสานาฏ” เผยว่า ตนเคยร่วมงานกับ “เอก สรพงศ์” ในละครเรื่อง “อตีตา” เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ชื่นชมในความเป็นนักแสดงชั้นครู จำบทได้แม่นยำกว่าเด็ก ๆ น่ารักและใส่ใจคนในกองโดยไม่ถือตัว ถือเป็นบุญและความโชคดีที่ตนมีโอกาสทำงานกับคนเก่ง ๆ เป็นครูอีกคนในเรื่องงานแสดง ขณะที่ “นิว” กล่าวว่า รู้สึกเสียดายที่ยังไม่มีโอกาสร่วมงานกับ “เอก สรพงศ์” แต่ได้ยินคนในวงการพูดถึงความสามารถและความอบอุ่นที่”เอก สรพงศ์” มีให้ ตนเป็นคนนครราชสีมาจะผ่านวัดที่ “เอก สรพงศ์” สร้างอยู่บ่อย ๆ ยังชื่นชมว่าทำไมสร้างบุญ บารมีได้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ตนเคยไปกินข้าวร้านอาหารแล้วบังเอิญเจอ “เอก สรพงศ์” พวกตนก็เข้าไปไหว้ จนคิดเงินปรากฏว่า “เอก สงพงศ์” แอบจ่ายเงินค่าอาหารให้เรียบร้อย ไม่คิดว่าระดับพระเอกตลอดกาลจะจำพวกตนและเอ็นดูขนาดนี้ วันนี้ตั้งใจมากราบลาครั้งสุดท้ายและจะจดจำสิ่งดี ๆ ที่ “เอก สรพงศ์” สร้างไว้ให้ในวงการบันเทิงตลอดไป
ขณะที่ “พร พรพิมล” เผยว่า “รู้สึกใจหายที่ “เอก สรพงศ์” ด่วนจากไปแบบนี้ เพราะมีโอกาสได้พูดคุยกันตลอด ตนเพิ่งทราบเรื่องช่วงหลังว่า “เอก สรพงศ์” ป่วย เพราะเจ้าตัวไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วง เท่าที่เจอ “เอก สรพงศ์” ร่างกายซูบผอมลงแต่ไม่มาก กำลังใจดี จึงไม่คิดว่าจะจากไปไวแบบนี้ ตนประทับใจตรงที่ “เอก สรพงศ์” เป็นพระเอกที่ไม่ถือตัว ไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นดารา เวลาอยู่ในกองก็จะช่วยเหลือและคลุกคลีกับทุกคน เสียดายคนที่คนดี ๆ จากไปไวอีกคน ยังคงทำใจไม่ได้ “เอก สรพงศ์” มีผลงานกับโคลี่เซียมกว่า 20 เรื่อง กำลังพูดคุยกับทีมและครอบครัวอาจจัดทำอะไรเพื่อรำลึกถึงพระเอกในดวงใจให้แฟน ๆได้จดจำ ด้าน “ตู่ นันทิดา” นางเอกอีกคนของ “เอก สรพงศ์” เล่าว่า “ใจหายไม่อยากจะเชื่อว่าพี่เอกจะจากไปไวเพราะหลังทราบข่าวว่าป่วย ยังคุยเรื่องการหาวิธีเพื่อช่วยรักษากันอยู่ เราเคยเป็นคู่ขวัญร่วมงานภาพยนตร์กันมาและร่วมงานแสดงอีก1เรื่อง เป็นเรื่องสุดท้ายก่อนตนเองตัดสินใจเลิกรับงานแสดง”
ด้าน “หยอง ลูกหยี” กล่าวสั้น ๆ ว่า ตนเจอ “เอก สรพงศ์” มาเป็นเวลานานกว่า 38 ปี ไม่อยากจะเชื่อว่าคนดี ๆ จะจากไปไว เพราะเท่าที่ทราบ”เอก สรพงศ์” ไม่กินเหล้า สูบบุหรี่ ร่วมงานแสดงเกือบ10 เรื่อง ล่าสุดคือ “หลวงตามหาชน” ชื่นชมการเป็นคนทำงานและเป็นแบบอย่างให้นักแสดงรุ่นใหม่ ๆได้ทุกคน เผยตนเคยไปเป็นลูกน้องวงเพลงของ “เอก สรพงษ์” ตนรับหน้าที่เป็นตลกประจำวง เดินสายด้วยกัน ในช่วงที่”เอก สรพงศ์” ทำวงดนตรีสมัยก่อน.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน