“แม่แตงโม” ให้อภัย”กระติก” แต่ไม่เชื่อคำให้การคนบนเรือ ปล่อยให้ตำรวจพิสูจน์คดี

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 14 มี.ค.2565 ที่ สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ “ทนายกฤษณะ” ทนายความของ “คุณแม่ภนิดา” คุณแม่ของ “แตงโม ภัทรธิดา” ร่วมด้วย “ทนายเดชา” ที่ปรึกษาคดี และ “คุณแม่ภนิดา” เดินทางไปร่วมฟังคำแถลงการทำงานของพนักงานสอบสวนที่ทำคดี รวมถึงฟังคำแถลงผลการชันสูตรรอบแรกจากนิติเวชและสอบถามประเด็นที่ติดใจสงสัย หลังจากเสร็จสิ้นการฟังคำแถลง “คุณแม่” พร้อมด้วย “ทนายเดชา” และ “”ทนายกฤษณะ” ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน


โดย “คุณแม่ภนิดา” เผยว่า “เข้าใจและไม่ติดใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถามว่ายังมีอะไรติดใจสงสัยอยู่ไหม ขอให้ทนายเป็นคนอธิบายให้ฟัง ส่วนตัวคุณแม่สบายใจมากขึ้น แต่มีหลายประเด็นที่คาใจ 5 คนอยู่ในเรือ ตำรวจจะเรียกมาสอบอีกครั้ง เรื่องของน้องโมคุณแม่ไม่คาใจแล้ว ทั้ง 5 คนยังพูดจาไม่ตรงกัน คุณแม่ติดใจกระติกเป็นพิเศษ ประเด็นเรื่องการโกหก เมื่อเขาในพิธีไว้อาลัยคุณแม่ได้คุยกับเขา ให้อภัยเขา แต่ไม่ได้ถาม ให้เป็นเรื่องของตำรวจ ซึ่งการให้อภัยของคุณแม่ไม่เกี่ยวกับเรื่องคดี คดีเป็นเรื่องของตำรวจ แต่ยกโทษเพื่อความสบายใจของคุณแม่ จะได้ไม่ต้องแบก ไม่ต้องเครียด กระติกเขาก็ขอโทษ เขาบอกเขาร้องไห้ทุกวัน คิดถึงน้องโม แม่ก็ปลอบใจเขาว่าไม่เป็นไร คุณแม่ยกโทษให้หนูจะได้ไม่ต้องติดใจกัน ส่วนเรื่องคดีให้เป็นเรื่องของตำรวจ เมื่อวานเป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาพูดกับแม่ สายตาอ่อนโยน น้ำตาคลอ เรื่องที่แม่ติดใจกระติกชัดเจนคือเรื่องที่เขาว่ายน้ำไม่เป็น แต่วันรุ่งขึ้นมาภาพเขาเอาลูกขึ้นหลังแล้วดำน้ำ ฉะนั้นเรื่องอื่นเขาก็ต้องโกหกด้วย แม่คิดว่าอย่างนั้นนะคะ ส่วนน้องโมแม่อธิษฐานบอกเขาทุกวัน จะไปไหนทำอะไรคุณแม่ก็บอก น้องโมไม่มาหาแม่เลย แต่ไปหาพี่ชาย ไปเพื่อนแม่ น้องมาในภาพที่สวยงาม มาชวนพี่คุย มาในภาพที่น่ารัก สดใส ไม่ได้พูดถึงเรื่องคดี สิ่งที่คุณแม่อยากจะพูดกับคนบนเรือ คือคนคนหนึ่งตกไปในน้ำเป็นไปในน้ำเป็นไปได้เหรอว่าไม่มีใครเห็นเลย ฉะนั้นต้องมีคนเห็น ต้องมีคนไม่พูดความจริงทั้งหมด ไม่ใครก็ใคร อยากให้มาสารภาพกับตำรวจ โทษหนักจะได้เป็นเบา คุณแม่คิดว่าเขายังโกหกกันอยู่ ตอนนี้ถ้าใครมีหลักฐานอะไรก็ให้เอามาให้ตำรวจ เช่น ใครที่เคนยรู้จักกับกระติกมาก่อน จะรู้ว่าเขาเป็นยังไง ก็เอาข้อมูลมาให้ตำรวจเพื่อประกอบคดีได้ คุณแม่จะดำเนินการในส่วนของคดีให้ถึงที่สุด รอดูผลต่อไป อาจจะยาวหน่อย ถ้าคุณแม่ทุกคนต้องรอได้ สู้ไปด้วยกัน ไปต่อ ไม่ได้หยุดแค่นี้”

“ส่วนพิธีไว้อาลัยเมื่อวานที่ “โตโน่ ภาคิน” มาด้วยแล้วเขาสวมกอดกันกับเบิร์ด คุณแม่เห็นจากภาพข่าว ก็ดีค่ะ โตโน่เป็นเพื่อนเก่ากับน้องโม เขารักน้องโมมาก เบิร์ตก็นักน้องโมอยู่แล้ว รักน้องโมมาก ๆ เขาไปส่งความรู้สึกดี ๆ ให้กัน ส่วนในงานก็ออกมาสวย เกินคาด พี่เอ ศุภชัย พี่อั้ม พัชราภา และ ที่โบสถ์จัดออกมาให่น้องโมได้สวยมาก ประทับใจ ทนายษิทรากอดกันไปแล้ว ยกโทษให้แล้ว เมื่อคืนให้หมดทุกคน 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม ไม่ติดใจใครแล้ว สบาย ๆ ดีกว่าจะไปยึดติด จะได้ไม่หนัก ไม่เครียด ส่วนกระแสโจมตีดราม่าที่ผ่านมาถึงตัวคุณแม่ในโซเชียล คุณแม่ไม่ได้อ่านโซเชียล คุณแม่อโหสิกรรมให้ ขอให้คิดมองคุณแม่ใหม่ดีกว่า มุมที่ดีที่ต่อสู้เพื่อลูก อย่ามาว่าคุณแม่หิวเงิน หิวแสง มันไม่ดี เป็นบาปกรรม ส่วนกับเบิร์ดแม่ยังไม่ได้คุย แต่มีคนแต่งดเพลงให้เบิร์ดโดยเฉพาะ คุณชนินทร์ อินทรเทพ เพราะมากค่ะ ส่วนเพื่อน ๆ ของน้องโม ทุกคนมาช่วยงาน เราดีกันนานแล้วค่ะ หลังจากนี้คุณแม่ไม่เดินสายออกรายการ คุณแม่ยังไม่สวยพอ ส่วนเรื่องที่คุณแม่หอมลูกออกสื่อ ขอชี้แจงอย่างนี้ว่าคุณแม่หอมลูกตั้งแต่เกิด คุณแม่ชอบแสดงความรักกับลูกต่อหน้าคนอื่นโดยไม่อาย ยิ่งน้องโม ต้องหอม แก้ม 2 ข้าง หน้าผาก คาง จมูก ต้องหอมให้ครบทั้ง 5 จุด ไม่งั้นไม่ได้”


ด้าน “ทนายเดชา” เผยว่า “ทุกข้อสงสัยที่คุณแม่ได้ถาม ทางนิติเวชก็ได้ตอบทุกคำถามทุกคนถาม ทั้งเรื่องถูกตีหัว ตาถลน ฟันหัก บาดแผลต่าง ๆ เราได้ดูแล้วก็ไม่พบความผิดปกติตามที่เป็นข่าวในโซเชียล ไม่มีการทำร้ายร่างกาย ส่วนของการสอบสวนชุดสืบสวนได้อธิบานว่าได้ทำการสืบสวนพยานเกือบ 100 ปาก กล้องวงจรปิด คลิปต่าง ๆ ทางโซเชียลได้นำไปวิเคราะห์ และปัจจุบันก้ไดเสอบสวนอยู่ ตอนนี้กไดรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ รวมถึงรอผล พฐ.อีก 19 รายการที่จะเอามาประกอบสำนวนคดี สรุปง่าย ๆ ตอนนี้ยังไม่ปิดคดี ข้อหายังมีแค่ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต ถ้ามีพยานหลักฐานเพิ่มเติมไปถึงใครบนเรือก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่ม ส่วนแผลขนาดใหญ่ที่ต้นขาไม่ได้เป็นแผลลึกลงไปถึงกระดูกอย่างที่เป็นข่าว ตรวจแล้วไม่พบเศษโลหะ ไม่ใช่สาเหตุการเสียชีวิต บาดแผลเกิดจากของมีคมแต่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นชนิดไหน เกิดขึ้นก่อนเสียชีวิต แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดบนเรือหรือหลังจากตกเรือ การเน่าเปื่อยก็เป็นไปตามปกติ ลิ้นจุกปาก ตาถลน เป็นเรื่องปกติ ส่วนที่คุณแม่ไปยื่นเรื่องขอผ่าชันสูตรรอบ 2 ก็นำเนินการต่อไปเพื่อความโปร่งใส ไขข้อข้องใจของสังคม ถ้าผลใกล้เคียงไม่มีผลต่อรูปคดี แต่ถ้าผลขัดกันขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนว่าจะเลือกผลชันสูตรจากที่ไหน การที่แพทย์ระบุไม่ได้ไม่ทำให้เสียเปรียบในรูปคดี เพราะเจ้าหน้าที่้บอกว่าต้องไปหลักฐานอื่นมาประกอบบาดแผล ซึ่งยังไม่สรุป รอผลพิสูจน์อีก 19 รายการ ไม่ว่าจะเป็นชิ้นเนื้อ กล้องวงจรปิด และอีกหลายรายการ ส่วนจะส่งร่างแตงโมไปนิติวิทยาศาสตร์เมื่อไหร่ ปรึกษาคุณแม่ก่อน เพราะคุณแม่เพิ่งเสร็จจากงานไว้อาลัย คุณแม่เหนื่อยมาก ขอให้คุณแม่พักก่อน”

นอกจากนี้นิติเวชยังได้ชี้แจงถึงภาพถ่ายร่างของแตงโมเมื่อตอนที่มาถึงก่อนที่นิติเวชจะลงมือผ่าพิสูจน์อย่างละเอียด เหตุที่มีดราม่าในโซเชียลเพราะมีภาพที่หลุดรอดออกไป เป็นภาพที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดร่าง มีคราบสกปรกบนร่าง ทำให้ดูเหมือน รอยฟกช้ำ ทำร้ายร่างกาย เพราะติดคราบ ขยะต่าง ๆ ในน้ำมา แต่การชันสูตรพลิกร่าง ที่นิติเวชมีการทำความสะอาดร่างและถ่ายรูปก่อนและหลังไว้ตามขั้นตอนของนิติวิทยาศาสตร์ และได้ทำการลอกเล็บ ลอกหนังออกมา พบว่าไม่มีรอยช้ำเลย ไม่มีการทำร้ายร่างกายแน่นอน หมอชี้แจงว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการเพราะจมน้ำ ขาดอาการหายใจ แผลที่ขาไม่ใช่สาเหตุ และไม่ได้ทำให้ถึงแก่ชีวิต อยากจะฝากชาวเน็ตว่าถ้าสงสารคุณแม่ ถ้ารักแตงโม อย่าไปปล่อยข่าวอะไรที่ไม่เป็นความจริง ให้เกิดความไขว้เขว อย่างคลิปคล้ายดึงผมก็ชี้แจงแล้วว่าคลิปนั้นถ่ายหลังจากที่แตงโมตกน้ำแล้ว เป็นข่าวเท็จทั้งหมด หรืออย่างคลิปคน 2 คนตรงหัวเรือก็อาจจะเป็นแค่มุมกล้อง วันนี้ดูจากภาพถ่ายร่างน้อง ฟันอยู่ครบ ไม่มีหักสักซี่ ตอนนี้เราทราบแล้วว่าบนเรือเกิดอะไรขึ้นแต่ยังบอกไม่ได้ ยืนยันว่าพยานหลักฐานจนถึงปัจจุบันยืนยันว่าไม่มีการทำร้ายร่างกาย ถ้าหลักฐานโยงไปไปถึงใครบนเรือจะแจ้งข้อหาเพิ่ม ซึ่งอาจจะไม่เหมือนที่คุณแม่สงสัย เพราะสิ่งที่คุณแม่สงสัยเกิดจากการไปได้ฟังมาตามโซเชียล รวมถึงคลิปในโซเชียลที่ไม่มีที่มาที่ไป ตอนนี้ตำรวจกำลังจะเอาคลิปวงจรปิดไปทำให้ชัดขึ้น ส่วนคำให้การของคนบนเรือ ไม่มีใครเชื่อว่าเขาพูดความจริงทั้งหมด อาจจะพูดความจริงบางส่วน แต่ตำรวจไม่ได้ให้ความสำคัญกับพยาน 5 คนบนเรือ ส่วนเรื่องท้ายเรือตำรวจไม่ได้ให้ความสำคัญ ตำรวจบอกว่าว่าในสำนวนคดีประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิตจะไม่ลงรายละเอียดไปถึงการนั่งฉี่ พูดได้เท่านี้ อย่างที่บอกถ้ามีหลักฐานครบ สาวไปถึงใครก็แจ้งข้อหาแน่นนอน ส่วนประเด็นฉี่ท้ายเรือทิ้ง ไม่ต้องรายละเอียด พนักงานสอบสวนบอกแล้วว่าจะไม่ลงลึกขนาดนั้น มันอยู่ในสำนวน ต้องไปสืบในศาล ต้องไปฟ้องกันในศาล สำหรับเรื่องโยนขวดไวน์ แก้วไวน์ กำลังส่ง พฐ. อยู่ต้องดูว่าสิ่งที่ทิ้งลงไปเป็นหลักฐานสำคัญไหม สาเหตุที่โยนเพราะอำพรางไหม ตำรวจยังไม่แจ้ง กำลังพิสูจน์อยู่ ในมุมทนายเชื่อว่าอาจจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 1 คน ถ้าพยานหลักฐานไปถึงจุดนั้น ส่วนเรื่องที่คุณหมอพรทิพย์จะเข้ามาหรือไม่ ต้องแล้วแต่ทางกระทรวงยุติธรรม คดีนี้จะยืดเยื้อนานแค่ไหนก้แล้วแต่เจ้าหน้าที่เลย เราไม่เอาเวลามาเป็นข้อจำกัด ให้ตำรวจทำงานกันอย่างเต็มที่ ยังไม่มีกำหนดในการปิดคดี สืบหาความจริงเต็มที่ งานเผาเลื่อนไม่มีกำหนด ส่วนเรื่องเครื่องจับเท็จ ยังไม่ถึงเวลา ถ้าถึงเวลาก็คงเอาเครื่องจับเท็จมาใช้ รวบรวมพยานหลักฐานจุดหนึ่ง เวลาเสียชีวิตตามที่แถลงไป ส่วนที่คุณหมอพรทิพย์จะเข้ามาวันพุธ คุณแม่ต้องมาด้วย เพราะเป็นความลับ เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล ตอนนี้ข้อหาหลักประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต แต่ในอนาคตถ้ามีพยานหลักฐานพออาจจะเป็นคดีอื่นก็ได้ ส่วนเรื่องที่พยานไม่ยอมให้ตรวจเส้นผม คุยกับเจ้าหน้าที่แล้ว เขามีสิทธิ์ทำได้ตามกฏหมาย แต่ให้สันนิษฐานตามจริง ต้องไปหาพยานหลักฐานอื่นมาทดแทน ส่วนเรื่องประกันอีก 1 ฉบับของแตงโม คุณแม่ยังไม่ทราบเรื่อง ผมขอชี้แจงแทนว่ากรมธรรม์เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์ภายนอก ไม่ว่าแตงโมจะทำให้ใคร คุณแม่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่งั้นเดี๋ยวจะหาว่าไปเอาเงินเด็ก หิวเงินอีก.

ขณะที่ “ทนายกฤษณะ” กล่าวว่า “คดีนี้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานก็ยังคงพิสูน์หลักฐานต่อ ใครมีหลักฐานอะไรก็ส่งมาได้ หวังว่ามันน่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ ดูเบื้องต้นมันน่าจะเป็นแบบนี้ วันนี้เราก็ได้เห็นพร้อมกันทั้ง 3 คน อันไหนจริงก็จริง อันไหนไม่จริงก็สอบถามไป อาจจะต้องจี้สักนิด ส่วนเราจะเชื่อหรือไม่ก็ต้องมาวิเคราะห์กับทนายเดชาอีกที ส่วนการยื่นเรื่องขอชันสูตรรอบ 2 ผมไปยื่นเรื่องมาแล้วเมื่อเวลา 21.00 น. เมื่อวานนี้ ส่วนที่คุณแม่พุดว่าคนบนเรือโกหก ตรงนี้คือคุณแม่อยากให้ผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพ แต่ในเชิงสืบสวนสอบสวนก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ยังมีพยานหลักสำคัญรอส่งให้ตำรวจแต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 120 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม