จากกรณีนักแสดงสาว “แตงโม ภัทรธิดา”พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ทจมแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิตขณะล่องเรือชมวิวกับเพื่อน ๆ รวม 6 คน เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 24 ก.พ.2565 ที่ผ่านมา และตลอดระยะเวลา 11 วันที่ผ่านทางทางเจ้าหน้าชุดสืบสวนสอบสวนได้รวบรวมพยาน-หลักฐานเพื่อเร่งคลี่คลายคดี และยืนยันว่าคดีมีความคืบหน้ามากแล้ว มีการกระชับวงการสืบสวนสอบสวนให้แคบลงในบางประเด็น และมีการเรียกคนบนเรือมาสอบปากคำเพิ่มเติม พบมีคำพูดและข้อเท็จจริงที่ไม่ตรงกัน แต่ก็มีบางอย่างที่ตรงกัน ยอมรับว่า 1 ใน 5 มีคนโกหก และบนเรือมีการกรึ๊บไวน์จริง ส่วนประเด็นเรื่องอัพยาต้องยืนยันและผลการพิสูจน์ทางร่างกายและวัตถุพยาน
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 มี.ค.2565 พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รอง ผบช.ภ.1 และโฆษกคดีแตงโม ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ยอมรับว่า 5 คนบนเรือ มีคนโกหก ในคำให้การทุกคนมีการสอบปากคำหลายครั้ง มีคำพูดและข้อเท็จจริงที่ไม่ตรงกัน แต่ก็มีบางอย่างที่ตรงกัน ต้องมีทั้งคนโกหกและไม่โกหก ซึ่งตำรวจก็รับฟังทั้งที่เป็นความจริงและไม่เป็นความจริง ก่อนจะเอามาสรุปตอนท้ายว่าอันไหนจริงหรือไม่จริง เชื่อว่าหลังเกิดเหตุคนบนเรือไม่มีโอกาสที่จะได้ตั้งตัวว่ามันจะเป็นความผิดมากน้อยแค่ไหน ส่วนประเด็นที่ว่ามีคนเผลอยอมรับว่าอัพยาบนเรือ ตนไม่เห็น แต่เรื่องดื่มสุรายอมรับว่ามีการดื่มจริง ตามภาพที่ออกมา ส่วนเรื่องอัพยาต้องรอการยืนยันและผลการพิสูจน์ทางร่างกายและวัตถุพยานว่ามีสารเสพติดหรือไม่ ตรงนี้ขออนุญาตเก็บประเด็นเพื่อให้พนักงานสืบสวนสอบทำงานต่อ พยานหลักฐานที่รวบรวมได้มุ่งไปทางอุบัติเหตุ ซึ่งเมื่อมีคนเสียชีวิตต้องมีคนรับผิดชอบ ฉะนั้นใครขับเรือวินาทีที่ “แตงโม” ตกน้ำ คนนั้นต้องรับผิดชอบ โดย “ปอ” และ “โรเบิร์ต” ให้การว่าเขาทั้ง 2 คนสลับกันขับเรือ ตอนนี้ยังฟันธงไม่ได้ว่าคือคนไหน ต้องยืนยันด้วยพยานหลักฐานทางเทคนิค แต่ยืนยันว่าไม่ใช่คนเดียวแน่นอน เพราะศาลอนุมัติหมายจับทมั้ง 2 คนแล้ว ขับเรือโดยประมาทเป็นเหตุให้คนอื่นถึงแก่ชีวิตโทษหนักไหม ต้องดูสาเหตุว่าขับขณะมึนเมาหรือเปล่า ถ้าเมาแล้วขับ โทษก็เหมือนเมาแล้วขับรถยนต์ ต้องดูด้วยว่าขับไปดื่มสุราไหมหรือเปล่า และการทำลายหลักฐานก็จะเป็นอีกบทกรรมหนึ่งที่จะเพิ่มโทษ แต่จะไม่หนีจากกรรมหลัก ๆ คือประมาทแล้วมีคนเสียชีวิต
ในส่วนของการตรวจแอลกอฮอลช้าหรือเร็วถามว่ามีผลไหม อย่างที่บอกบริบทในคดีมีมากพอ ส่วนที่ถามถึงประเด็นรับงานเอ็นนั้น ยืนยันด้วยศักดิ์ศรีว่าจากการสอบทั้งหมด ทั้งวัตถุพยานทางเทคนิคและเทคโนโลยีต่างๆ ไม่มีเวิร์ดดิ้งเหล่านี้ เมื่อวานซืนที่เรียกคนบนเรือมาสอบซ้ำ 7-9 ชั่วโมงปรากฏมีข้อมูลรั่วหลายคนและตอนนี้สามารถปิดแฟ้มได้เกิน 70-80% แล้ว มีการเช็กมือถือคนบนเรือทั้ง 5 คน หลังเกิดเหตุใครโทรหาใครเพื่อขอความช่วยเหลือเรารู้หมด โดยเฉพาะ “ปอ” ได้โทร.ไปปรึกษาขอความช่วยเหลือจากนักการเมือง แต่ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม เพราะมันเป็นหลักฐานสำคัญ คดีนี้เป็นที่สนใจของคนในสังคม ซึ่งนายกรัฐมนตรีและท่าน ผบ.ตร. ย้ำชัดว่าให้ทำงานด้วยความซื่อตรงและตอบคำถามสังคมให้ได้ พยานหลักฐานเรามีเพียงพอ ส่วนชื่ออักษรย่อต่าง ๆ ไม่ได้มีนัยยะต่อการทำงาน
ผู้ดำเนินรายการถามต่อไปว่า “การที่ ปอ ยอมรับสารภาพว่าได้โกหก เป็นเพราะว่าผู้ใหญ่กังวลว่าคาไว้อย่างนี้ ชักจะบานปลาย เดี๋ยวจะพันไปถีงชื่อผู้ใหญ่ที่ ปอ ติดต่อด้วย ดังนั้นต้องตัดตอน ให้ ปอ รับไปเลยว่าโกหกถูกต้องใกล้เคียงใช่ไหม” ใกล้เคียงครับ เพราะคดีอยู่ในลูปเดียวกันคือประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต นักสือบโซเชียลมีประโยขน์มาก เราทำให้เรามีข้อมูล ตำรวจทำงานง่าย ส่วนกลุ่มคนที่สอนให้ “ปอ” โกหกต้องรับผิดชอบตามกฎหมายด้วยไหม ต้องดูที่เขาให้การเป็นประโยชน์หรือปกปิดซ่อนเร้น หรือชี้นำให้เสียรูปคดี หรือเข้ามายุ่งเกี่ยว ต้องดูองค์ประกอบอื่นเข้ามาพิจารณาด้วย สำหรับประเด็นที่เรียก “ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์” อดีตรองผู้กำกับการสันติบาล มาสอบปากคำ “พ.ต.ท.สันธนะ” ให้ข้อมูลมีทั้งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ ที่เป็นประโยชน์คือลักษณะคดี พฤติการณ์คดีที่เกิดขึ้นคล้ายกัน รูปทรงของคดีที่เป็นโยชน์ ส่วนตัวละครอื่น ๆ เรารับฟังแต่ไม่มีพยานหลักฐาน คาดว่าจะสรุปคดีได้ในเร็ววัน เพราะทำงานกันทุกวัน สัปดาห์นี้น่าจะชัดเจน ส่วน “แซน วิศาพัช” ที่ก่อนหน้านี้เลื่อนการเข้าให้ปากคำ ได้เดินทางมาให้ปากคำ และยืนยันคำพูดเดิมว่าวันเกิดเหตุ “แตงโม” เดินไปฉี่ท้ายเรือก่อนจะพลัดตกน้ำเสียชีวิต.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : รายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand