หลังทนายความชื่อดัง “ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด” ออกมาประกาศว่าจับมือ “ต่อย ดายศ เดชจบ” พี่ชายของนักแสดงสาว”แตงโม ภัทรธิดา” เดินหน้าทวงความยุติธรรมให้กับ “แตงโม” หลังนักแสดงสาวพลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ทจมแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ขณะล่องเรือชมวิวกับเพื่อน ๆ รวม 6 คน เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 24 ก.พ.2565 ที่ผ่านมา ถึงแม้ชุดสืบสวนจะออกมาให้ข้อมูลว่าตอนนี้คดีมีความคืบหน้ามากแล้ว มีการกระชับวงการสืบสวนสอบสวนให้แคบลงในบางประเด็น รวมถึงก่อนหน้านี้ “คุณแม่ภนิดา” คุณแม่ของ “แตงโม” จะออกมาให้สัมภาษณ์ว่าให้อภัย “ปอ ตนุภัทร” เจ้าของเรือ รวมถึง “โรเบิร์ต ไพบูลย์” คนขับเรือช่วงเวลาที่เกิดเหตุ หลังทั้งคู่นำพวงมาลัยมากราบขอขมาโดยไม่ติดใจการเสียชีวิตของลูกสาวแล้ว ทั้งยังมีการพูดถึงเงินเยียวยา 30 ล้าน แต่แฟน ๆ ที่ติดตามข่าวนี้อย่างสนใจและ “พี่ชายของแตงโม” รวมถึง”ทนายษิรา” ยังติดใจสงสัยและพบข้อพิรุธหลายอย่าง
โดย “ทนายษิทรา” เผยว่า ประเด็นที่ว่ามีนายตำรวจนายหนึ่งเอาสำนวนสืบสวนสอบสวนของคดีแตงโมซึ่งเป็นความลับไปขายให้กับบุคคลภายนอกใช้ประโยชน์ ซึ่งบุคคลนั้นอาจจะเป็นผู้ต้องหาก็ได้ ตนจึงต้องปรามไว้ เรื่องนี้คงต้องให้ ผบ.ตร.ลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริง หากเป็นจริงตามที่ตนพูดต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย ตนยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง มีหลักฐาน และมีคนออกมาพูดเรื่องสำนวนการสอบสวนขบวนการนี้อยู่ว่ามีตำรวจยศพล.ตร.ตรีเอาข้อมูลออกมาให้กับคนคนหนึ่ง แล้วคนคนนั้นก็ออกมาตีคดี มาแพลม ๆ ว่าตนรู้นั่นรู้นี่ เอาไปข่มขู่ผู้ต้องหา โดยมีคีย์เวิร์ดว่าให้มีคุยกับเขา ซึ่งถ้าผู้ต้องหาติดต่อไปเขาก็ขายสำนวนสอบสวนให้เพื่อให้เขารู้ว่าต้องถูกดำเนินคดีอะไร ยังไง พล.ตร.ตรี น. นี้คือใครยังไง คิดว่าสื่อมวลชนน่าจะรู้กันหมดแล้ว ขอไม่บอกว่าพล.ตร.ตรี นายนี้ทำคดีด้วยไหม เพราะเดี๋ยวจะเป็นการจำกัดวงเกินไป เดี๋ยวจะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทได้ ส่วนเรื่องที่ ผบช.ภาค 1 จะเรียกตนเข้าไปสอบในฐานะพยาน เอาจริง ๆ ผบช.ภาค 1 ได้โทรศัพท์มาหาตนและได้มีการนัดหมายกันแล้ว เดี๋ยวจะเข้าไปพรุ่งนี้พร้อมกับพี่ชายของ “แตงโม” ณ ตอนนี้ตนยังไม่ได้รับเป็นทนายความให้กับพี่ชายของ “แตงโม” เพียงแต่วันนี้ตนออกมาต่อสู้เพื่อเดรียกร้องความยุติธรรมให้กับ “แตงโม” และพี่ชาย “แตงโม” เห็นด้วย เลยจะออกมาช่วยกัน ไม่ได้ทำในฐานะทนายความ แต่ออกมาช่วยกันทำเพื่อ “แตงโม” หากคุณแม่ไม่พอใจก็เป็นเรื่องของคุณแม่ ส่วนตัวติดว่าเรื่องนี้คงไม่ต้องอนุญาตคุณแม่ เพราะเราทำเพื่อน “แตงโม” ไม่ได้ทำเพื่อคุณแม่
วันก่อนที่ตนได้คุยกับพี่ชาย “แตงโม” ก็พอจะรู้อะไรมาแล้ว ซึ่งหากจะเปิดเผยต้องคุยกับเขาก่อน หรือจะให้สื่อถามกับเขาเองน่าจะดีที่สุด จากที่คุยกันคือพบพิรุธหลายอย่าง ส่วนที่คุณแม่บอกว่าพี่ชายนของ “แตงโม “ไม่วามารถเป็นผุ้เสียหายได้ ตนอยากจะเรียนถามคุณแม่ว่าทำไมต้องไปจำกัดในเมื่อเขาออกมาเรียกร้องเพื่อน้อง คุณแม่ติดอะไรอยู่ จริง ๆ ตรงนี้ในส่วนของคดีแพ่งตัวของคุณแม่มีสิทธิ์มากกว่า แต่ในฐานะพี่ชาย “ต่อย ดายศ” มีสิทธิ์ที่จะสงสัยได้ แม้จะคนละพ่อก็มีสิทธิ์ จากที่คุยกันพี่ชายของ”แตงโม”มีความสงสัยในทุกมิติ ทั้งคำให้การของคนบนเรือ สภาพบาดแผล จุดที่มีการตก ตัวเรือ และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด้วย ในส่วนของหลักฐานเพิ่มเติม เขามีในส่วนที่เขารู้อยู่แล้วเพียงแต่เขาไม่เคยพูด พรุ่งนี้ตนและ “ต่อย ดายศ” จะเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สภ.เมืองนนทบุรี 9.00 น.ในฐานะที่มีข้อสงสัย และให้ตำรวจสอบสวนสืบสวน นอกจากจะไปถามตำรวจให้คาดข้อสงสัยแล้วยังมีอย่างอื่นด้วย ซึ่งมีน้ำหนักต่อรูปคดี ถามว่าคาดหวังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไหม คือตำรวจบอกว่าแผลของ “แตงโม” เกิดจากใบพัดเรือ ตนไม่แน่ใจว่าตำรวจตรวจสอบด้วยการเอาใบพัดเรือที่หมุน ๆ หรือใบพัดเรือที่อยู่นิ่ง ๆ แล้วมาบอกว่าเข้ากับแผลได้ คิดว่าคาดหวังได้ไหม ถ้าคาดหวังไม่ได้ก็คงต้องคาดหวังจากประชาชน การที่คุณแม่ให้อภัยคนที่อยู่บนเรืองมีผลทำให้น้ำหนักคดีลดลงเยอะ หากเรื่องมีการขึ้นศาลทุกอย่างที่คุณแม่กระทำ สามารถใช้เป็นพยานของจำเลยในชั้นศาลได้ ถามว่าที่เจ้าหน้าที่ตจำรวจไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเพราะหลักฐานไม่พอหรือมีกระประวิงเวลาหรือเปล่า ในมุมของนักกฎหมายไม่รู้ในสำนวนสอบสวนจะมีอะไรยังไง แต่รอให้พี่ชายของ”แตงโม”ไปคุยกับเจ้าหน้าที่ก่อนว่ามีการประวิงเวลาไหมหรือมีหลักฐานพอแต่ไม่แจ้งข้อหาใครหรือเปล่า
ตอนนี้พี่ชายกังวลเรื่องคุณแม่ เพราะไม่รู้ว่าจะยังไง เพราะปกติจะเชื่อและตามคุณแม่ ไม่รู้ว่าหลังเปิดตัวไปแล้วพี่ชายของ “แตงโม” จะโดนแรงกดดันแค่ไหน ถามกว่ากลัวเขาเปลี่ยนใจไหม เอาจริง ๆ ตนก็ได้ถามไปหลายครั้งแล้วตอนที่เจอกันว่าถ้าเกิดมีแรงกดดันจะทนไหวไหม พี่ชาย”แตงโม”ตอบกลับมาว่าเห็นคุณแม่ทำแบบนี้แล้วรู้สึกไม่ดี ขอทำเพื่อน้องสาวเป็นครั้งสุดท้าย เขาเขารู้สึกไม่ดีที่คุณแม่ทำแบบนี้ แต่ก็ไม่อยากให้ทัวร์ไปลงคุณแม่ เวลาให้สัมภาษณ์ก็อยากจะหลีกเลี่ยงเรื่องพวกนี้ งั้นเรื่องเงินไม่พูดถึง โฟกัสที่การเสียชีวิตของน้องดีกว่า ส่วนประเด็นที่ว่ามีผู้ชายในเรือชอบหยอดยาผู้หญิง จริง ๆ แล้วตนไม่เคยพูดว่าพูดชายบนเรือ แต่ตนพูดว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดี “แตงโม” มีเพื่อนที่ไปเที่ยวด้วยกันมาแฉว่าสมัยหนุ่ม ๆ ชอบหยอดยา แต่ตนไม่ได้บอกว่าคือใคร มีผลกับคดีไหม ก็ถ้าในขวดไวน์มีสารอะไรเจือปนก็น่าจะมีผลเยอะ เมื่อวานเจ้าหน้าที่งมเจอหลักฐานที่คนบนเรือโยนทิ้งในทางกฏหมายส่อเจตนาอะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ได้รู้กัน ในส่วนของเรื่องโรงแรมที่ พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์” อดีตรองผู้กำกับการสันติบาล ท่านเป็นคนพูด ตนไม่รู้ข้อแท้จจริงแต่ก็ไม่อยากให้ตำรวจตัดประเด็นอะไรออกไป เพราะ พ.ต.ท.สันธนะ ท่านก็มีข้อมูลของท่าน.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน