อยู่ในร่มกาสาวพัสตร์มา 19 วัน ในช่วงห่มผ้าเหลือง “ดีเจมะตูม เตชินท์” เผยว่ามีความสงบ สำรวม ได้ศึกษาพระธรรมและเรียนรู้จิตใจตัวเอง โดยสิ่งที่ปลื้มใจที่สุด คือ การที่เห็นคุณพ่อและคุณแม่ได้มาพบหน้ากันขณะที่ตนเป็นพระ ซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจมีค่าต่อจิตใจของคนเป็นลูกอย่างมาก เพราะคุณพ่อ คุณแม่ได้แยกทางกันและต่างมีครอบครัวใหม่ ไม่ได้มีโอกาสในการจะเจอหน้ากัน
แต่ด้วยชื่อของมะตูมก็ไม่วายมีดราม่าว่าการบวชครั้งนี้เป็นการบวชล้างบาป ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าไม่มีทางเป็นไปได้ การบวชไม่ได้ล้างบาปได้ แต่ทดแทนด้วยการทำดีเพิ่ม ตนไม่ได้รู้สึกน้อยใจหรือเสียใจที่มีคนวิจารณ์ ขอบคุณซะด้วยซ้ำที่มีความคิดเห็นทั้งบวกและลบ ที่ทำให้ตนอยู่ตรงกลางได้อย่างมีสติ โดยมองว่าคนเราสามารถถูกตัดสินได้ แต่ต้องไม่ทำอะไรที่เสื่อมเสีย ที่ตนบวชเรียนเพื่อต้องการทดแทนคุณพ่อแม่ และบวชเรียนศึกษาพระธรรม
มะตูมยังเผยถึงเรื่องที่คุณแม่ติดโควิดว่าเข้าใจผู้ใหญ่ที่ติดโควิดและจะมีความกังวล ตนพยายามพูดคุยกันคุณแม่บ่อยๆ ส่งความห่วงใยและส่งกำลังใจให้แม่หายไวๆ เชื่อว่าไม่ใช่แค่ภูมิร่างกายที่ต้องดีเท่านั้นถึงจะสู้กับโรคได้ แต่เรื่องของใจก็สำคัญเช่นกันในการรักษา ซึ่งจากการทานยาฟาวิพิราเวียร์ทำให้ตาคุณแม่เปลี่ยนสี ไม่ถึงกับเป็นสีฟ้าแต่สังเกตได้ว่าเข้มขึ้น ซึ่งตนมองว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในการทานยารักษากันไปตามอาการ พร้อมเปิดใจถึงเรื่องที่มีความรู้สึกไม่อยากทำงานกับ “พีเค ปิยะวัฒน์” เพราะรู้สึกว่าตนไม่คู่ควรด้วยภาพลักษณ์ของพีเคที่เก่ง มีความสามารถ เป็นพิธีกรสองภาษา ซึ่งเป็นความในใจที่เก็บมาตลอด 1 ปี เคยคุยกับผู้ใหญ่หลายครั้ง แต่ผู้ใหญ่ก็อยากให้สู้และรู้ว่าทำได้ จนกระทั่งได้เปิดใจกับพีเคทำให้รู้สึกดีขึ้นว่าพีเคไม่ได้คิดแบบตนเลยสักนิด.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
