“อี๊ฟ” เชื่อ “พ่อต้อย” จากไปสงบ-ไม่ทรมาน เผยเห็นแสงสีเขียว เชื่อห่วง “น้องมีบุญ” เลยตามกลับบ้าน

จากข่าวเศร้าวงการบันเทิงสูญเสียปูชนียบุคคล “ต้อย เศรษฐา ศิระฉายา” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ( ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง ) ประจำปี 2554 จากไปด้วยโรคมะเร็งปอด ในวัย 77 ปี เมื่อช่วงเวลาประมาณดี 4 ของเช้าวันที่ 20 กุมภาพันธ์ และมีการเคลื่อนร่างจากโรงพยาบาลไปบำเพ็ญกุศลที่วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา ในช่วงบ่ายวันนี้(21 ก.พ. 2565) ที่ผ่านมา

ล่าสุดช่วงเย็นวันเดียวกัน “อี๊ฟ พุทธธิดา” ลูกสาวอาต้อย ได้เปิดใจก่อนทำพิธีทางศาสนา เผยว่า “มันมีช่วงเวลาหลายช่วงที่รู้ว่าทุกคนจะมีมุมที่เราต้องลากัน ถึงเราจะคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว พร้อมแล้วแต่ก็คงไม่พร้อม ก่อนหน้านี้พ่อทานได้น้อยมาหลายเดือนแล้ว ตั้งแต่ช่วงสิ้นปีที่แล้ว(2564) แต่เขาดีขึ้นเป็นพัก ๆ พอเริ่มสดชื่นก็เริ่มทานขึ้นได้หน่อย แล้วก็ทานไม่ได้ สลับ ๆ แต่ร่างกายถดถอย คือที่บอกว่าทานได้คือ 8-9 ช้อน
“จริง ๆ พ่อป่วยมา 3 ปีกว่าแล้ว ทุกช่วงเวลามันหนักบ้าง เบาบ้าง อาจจะมีช่วงหลังที่ต้องรักษาเพิ่มเติม ก่อนไปรพ. ไม่มีอาการอะไรเพิ่มเติม พอดีเป็นวันที่หมอนัด แต่ครั้งนี้พ่อน้ำหนักน้อยมาก เลยคิดว่าจะให้หมอให้น้ำเกลือหรือวิตามินอะไรสัก 1-2 วัน แต่พอเข้ารพ. จริง เขามีเสมหะเหนียวข้นมาก ทำให้หายใจไม่ออก นอนราบไม่สบาย สุดท้ายดูดเสมหะ ตอนดูดคงเจ็บทำให้เหนื่อย ความดันก็ตก หมอก็พยายามใช้ยากระตุ้น คือความดันไม่น่าจะตกถึงขนาดที่เขาจะไป แต่คิดว่าคงเพราะความบองบางของเขาที่เป็นอยู่มันมาก เราอาจจะคิดว่าไม่น่า ๆ แต่เราไม่รู้ว่าข้างในเขาคงเหนื่อยมากแล้ว ความดันตก ยาก็กระตุ้นไม่ขึ้น”


“อี๊ฟ” กล่าวต่อว่า “วันสุดท้ายไม่ได้อยู่ข้างพ่อ ช่วงเวลาที่ผ่านมายากลำบากพอสมควร แม่เหนื่อย พ่อไม่กินแม่ก็ไม่อยากกิน ตอนที่คุยเรื่องว่าหมอนัดจะเข้ารพ. เลยคิดว่าถ้าพ่อไปแค่ 1-2 วัน เราก็มีธุระที่ไปคุยงานที่เสม็ด เลยว่าจะพาแม่ไปด้วย พ่อนอนรพ. 2 วัน กลับมาก็ไปรับพ่อกลับบ้าน ตอนส่งพ่อขึ้นรถเรียบร้อย บอกพ่อไปหาหมอนะ เดี๋ยวไปรับ ก็เหมือนไม่มีอะไร คุยกันปกติ เราคอยโทรถามผู้ช่วยว่าได้ห้องหรือยัง ทุกอย่างปกติ ตอนกลางคืนคุยกันปกติไม่มีอะไร พอตี 2 นิด ๆ ผู้ช่วยโทรมาเรื่องความดัน หมอโทรมาปรึกษาอีก จนตี 4 หมอโทรมาใหม่ เราไม่คิดว่าพ่อจะไปถึงจุดนั้น แต่พอเราเห็นพ่อแล้ว ก็ไม่อยากให้เขากังวลใจหรือทุกข์ใจ คือบอกถ้าพ่อเหนื่อยก็อยากให้พ่อพักเลย ไม่ต้องห่วง แล้วเขาก็ค่อย ๆ หลับไป เราเสียใจที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นแต่เชื่อว่าพ่อเข้าใจ มันไม่มีใครรู้ ไม่มีใครอยากให้เกิด เราจะไปต่อได้ จะสานต่อชีวิตที่เขาให้ไว้ได้”
พออี๊ฟมาถึงรพ. มาเห็นพ่อ พ่อดูผ่องใส ไม่ได้ดูเหมือนคนป่วย เขาดูสงบ ไม่ได้ดูเหมือนตอนที่เขาลำบาก ต่อสู้ ไม่เหมือนช่วงที่เราผ่านช่วงเวลาแย่ ๆ มา เชื่อว่าเขาคงไปที่ดี ๆ มาก ๆ เพราะเขาดูสงบและได้หลับพักสักที ผู้ช่วยบอกว่า ก่อนพ่อจะไป เขาเห็นแสงสีเขียว ซึ่งเราเชื่อว่าแสงนั้นคงเป็นแสงที่นำพาพ่อไปในที่ที่ดี ส่วนแม่เข้าใจได้ดีกว่าใคร ๆ เราทุกคนทำดีที่สุดแล้ว ก่อนไปมันเป็นช่วงเวลาที่เราลังเลเหมือนกัน แต่ตอนนั้นเราก็คิดว่าเราต้องใส่ใจคุณแม่บ้างเพราะท่านก็หลายอย่าง พ่อรู้ว่าเรารักเขาแค่ไหน อี๊ฟรู้ว่าพ่อรักอี๊ฟแค่ไหน พ่อรู้ว่าเรามีความตั้งใจอยากไปแต่เขาคงเหนื่อยจริง ๆ ไม่คิดว่าจะมีอาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นรวดเร็ว
และเราจะไม่ให้พ่อทรมานเลย ซึ่งเขาก็ไม่ได้ทรมาน เราไม่ได้คิดว่าพ่อไปไหน พ่อยังอยู่กับเรา พ่อรู้ว่าคนที่มาเพราะรักเขา เขาอยู่ในที่มีความสุข ทุกอย่างที่ทุกคนส่งมาให้ อี๊ฟเชื่อว่าพ่อได้รับ ทุกความอาลัยพ่อได้รับทุกอย่าง และขออนุญาตแจ้งคนที่ประสงค์จะร่วมทำบุญกับพ่อ พ่อเป็นคนไข้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทุกบาททุกสตางค์ที่คนร่วมสมทบทุน เราจะนำไปสมทบทุนฯ เพื่อรักษาผู้ป่วยต่อไป งดรับพวงหรีด

ถามถึง”มีบุญ” หลานสุดที่รักของอาต้อย “มีบุญยังไม่เข้าใจ เขายังวิ่งตามคุณตาลงมาจากบ้านอยู่เลย อี๊ฟถึงบอกว่าพ่อตามเรากลับบ้าน เขาคงห่วงหลานอย่างเดียว ว่าเราจะเลี้ยงหลานได้ดีไหม ไม่ต้องห่วงอะไรที่พ่อตั้งใจให้หลานจะต้องเป็นของหลานแน่นอน อี๊ฟไม่ได้เป็นลูกคนเดียวที่อยู่คนเดียว เรารายล้อมด้วยสิ่งที่พ่อแม่สร้างไว้ให้ ดูคนที่มาช่วยงานเรา เราไม่เคยอยู่คนเดียว มันทำให้เราผ่านช่วงเวลาทุกเวลาทุกช่วงเพราะเราเป็นลูกพ่อกับแม่ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พ่อให้เรา และเราภูมิใจกับมัน เมื่อวานเราได้รับข้อควาเยอะมากทุกทาง พ่อให้ความสุขกับคนอื่น ให้ความรักความเมตตากับเพื่อนร่วมงาน ในวงการเขาเป็นคนให้ วันนี้เขาเลยได้รับ ทุกอย่างที่หลั่งไหลเชื่อว่าพ่อรับรู้”
คำสอนพ่อในการใช้ชีวิตต่อไป มีเยอะเลย พ่อสอนจนวันสุดท้าย คนแพ้ต้องไม่ท้อ คนท้อต้องไม่ใช่คนแพ้ และสอนวิธีการใช้ชีวิต ง่าย ๆ สบาย ๆ ถ่อมตัว ไม่เคยคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่หรือมีอภิสิทธิ์ชนอะไร เราเลียนแบบเขา ใช้ชีวิตง่าย ๆ เขาสอนให้อี๊ฟรู้ว่าชีวิตคนเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอด พ่อเริ่มต้นจากศูนย์จนไปจุดสูงสุด จนสุดท้ายเขายังสอนให้เรารู้ว่าความกตัญญูคืออะไร ตอนนี้ตั้งใจเก็บศพพ่อไว้ 100 วัน ช่วงนี้โควิดคนอาจจะทยอยมาก อาจจะมีการสวดทุกสัปดาห์จนครบ 100 วัน .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 346 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม