ทำเอาพิธีกรมากฝีมือ “ชมพู่ ธัณย์สิตา” หรือ “ชมพู่ ก่อนบ่าย” ภูมิใจสุด ๆ ที่สามารถสร้างบ้านในฝันด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองสำเร็จ แต่ก็ไม่วายเจอผู้รับเหมารายแรกโกงเงินหลักล้าน แม้จะทำใจไว้แล้วว่าคงไม่ได้เงินคืน แต่ก็ต้องดำเนินคดีตามขั้นตอนไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งยังต้องใช้น้ำเย็นเข้าลูบหลังสามีเดือดหนักและยืนกรานจะเอาเรื่องคนโกงให้ถึงที่สุด
โดย “ชมพู่” เผยว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านแห่งคราบน้ำตา ใช้เวลาสร้าง 2 ปี ภูมิใจที่เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2565 ตนได้เข้าไปนอนบ้านใหม่ตามฤกษ์ดีที่ครูบาที่นับถือให้มา ชมพู่บอกว่าตั้งใจให้บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่อยู่จนวัยเกษียณดูลูกเจริญเติบโต ค่อย ๆ ทำไปพร้อมกับตกแต่งเรื่อย ๆ จนตอนนี้งบบานปลายเกิน 20 ล้านบาทไปแล้ว แต่ทุกครั้งที่เข้าไปดูบ้านก็จะมีแต่รอยยิ้ม ความตื้นตัน และความสุข ที่วันนี้มีบ้านในฝันที่สร้างมาจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ขอบคุณลูกค้าและผู้ใหญ่ที่เมตตาจ้างงาน รวมทั้งยังมาสนับสนุนทำบ้านให้จนลดภาระค่าใช้จ่ายได้เยอะ บางเจ้าก็ทำให้ฟรีแล้วตนรีวิวให้ บางเจ้าก็ให้ส่วนลดพิเศษ
ส่วนที่ก่อนหน้านี้โดนผู้รับเหมาโกงสูญทั้งเงินทั้งเวลา ชมพู่ เผยรายละเอียดเรื่องนี้ให้ฟังว่า “บอย วัชรพงศ์” เพิ่งไปขึ้นศาลมาหลังโดนผู้รับเหมารายแรกโกงไปร่วมล้านบาท ทำใจไว้แล้วอาจไม่ได้เงินคืน เพราะคู่กรณีไม่มีเงิน นำเงินไปลงทุนโครงการอื่น แม้จะดูไร้โอกาสได้เงินคืน แต่ก็ต้องดำเนินคดีเป็นหลักฐานเอาไว้ก่อน เผื่อจะมีโอกาสได้คืน ส่วนตัวแล้วตนปล่อยวาง ไม่อยากเก็บมาเครียดและแบกไว้ คิดบวกไว้ว่าชาติก่อนตนคงเคยไปเอาเงินของคู่กรณีมาชาตินี้เลยถูกเอาไป ส่วนสามีตอนแรกไม่ยอม ตนจึงพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบเลยเย็นลง แต่ก็ต้องทำไปตามกระบวนการตามกฏหมาย
นอกจากนี้เจ้าตัวยังเผยถึงแพลนที่อยากจะเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม บอกแม่จะอยู่วงการมานานแต่ห้ามหยุดพัฒนา ตั้งเป้าเรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม ใช้เวลาว่างให้ญาติต่างชาติช่วยสอนภาษา รองรับอนาคตอาจรับงานพิธีกร 2 ภาษาได้ ยอมรับเด็กรุ่นใหม่ที่เข้าวงการมามีแต่คนเก่ง ๆ ตนก็ต้องอัปสกิลพัฒนาความสามารถเพื่อให้ทำงานได้นานที่สุด คาดไม่เกิน 2 ปีพูดได้คล่องไม่เกินความพยายาม ส่วนลูก ๆ อยากให้เรียน 2 ภาษาและเพิ่มภาษาจีนเพื่ออนาคตที่เชื่อว่าจำเป็นต้องใช้
พร้อมแจงเหตุผลที่ไม่กล้ารับละครเพราะเกรงใจทีมงาน พักหลังอยากทำงานเท่าที่ไหว และมีเวลาให้ครอบครัวแบบไม่ต้องเร่งรีบเหมือนเดิม กองละครบางที่ต้องตื่นเช้าและวิ่งไปหลายที่เลยยังไม่สามารถรับ ส่วนที่คนในวงการทะยอยติดโควิด-19 รายวัน เจ้าตัวบอกชินแล้วและไม่กลัวการเจอคน เพราะตนป้องกันตัวดีที่สุดแล้ว โดนกักตัวหลายรอบจนรับมือได้แล้ว เป็นคนในที่สว่างยิ่งต้องรับผิดชอบส่วนรวม ยอมรับมีเซ็งที่สูญรายได้และเสียดายงาน แต่ทุกครั้งต้องเตือนสติตัวเองให้ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น และทำช่วงกักตัวให้เป็นประโยชน์หาความรู้เข้าตัวเอง และหาอะไรทำให้มีคุณค่าดีกว่านั่งบ่นแล้วไม่เกิดอะไรขึ้น.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน