อดีตนักมวยเหรียญทองโอลิมปิก “สมรักษ์ คำสิงห์” เปิดใจผ่านรายการคุยแซ่บโชว์ หลังเดินทางไปปฏิบัติธรรมเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ลูกหนี้ที่ลงทุนซื้อขายลอตเตอรี่ด้วยกันที่ตัดสินใจปลิดชีวิตตนเองและครอบครัวหนีหนี้ครบ 7 วันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวเผยรู้สึกสบายใจขึ้น เพราะก่อนหน้านี้โทษตัวเองตลอดว่ามีส่วนทำให้คู่กรณีตัดสินใจก่อเหตุร้ายหรือเปล่า บอกครั้งนี้เข็ดแล้ว ไม่ขอลงทุนทำธุรกิจกับใครอีก ส่วนหนี้ที่เหลือขอเป็นคนจัดการเอง ไม่อยากเอาปัญหาไปให้ลูก หากใครคิดจะฟ้องให้มาฟ้องที่ตน
โดย “สมรักษ์” ได้เปิดใจว่าตอนนี้รู้สึกสบายใจขึ้น หลังได้เข้าไปปฏิบัติธรรม จิตใจสงบขึ้น ได้แผ่ส่วนกุศลไปให้ลูกหนี้ที่เสียชีวิตและครอบครัวของเขา ซึ่งการปฏิบัติธรรมครั้งนี้ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำ กินเจวันละมื้อ สวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรม ได้พักความคิด ทำให้จิตได้พักผ่อน ตอนสวดมนต์ตนก็ระลึกถึงคู่กรณี สวดมนต์เสร็จก็กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้คู่กรณีและเจ้ากรรมนายเวรทุกคน เพราะคิดว่าตนทำตรงนี้ เนื่องจากมีคนมาขอร้อง ตนไม่ได้ไปโกงใคร และไม่คิดว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ความจริงแล้วตนไม่ต้องทำก็ได้ ตนสบายแล้ว ลูกก็มีงานทำแล้ว และตนก็ไม่เคยลงทุนในลักษณะนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรก ตนอยู่บ้านเฉย ๆ ตามที่ลูกอยากให้อยู่ แต่นี่มีชาวบ้านเหมารถมาหาถึงบ้านและมาขอร้องให้ช่วย จึงต้องทำ แต่หลังจากนี้ถ้ามีใครมาชวนทำอะไรอีกคงไม่ทำ พอแล้ว เหนื่อย เพราะใจเรามองคนในแง่ดี คงไม่มีใครคิดร้ายกับเรา แต่พอจังหวะชีวิตตอนนั้น แต่ละคนเข้ามามีแต่ปัญหา
“สมรักษ์” ยังบอกอีกว่า หลังจากนี้จะไม่ให้ลูกหนี้รายใดยุ่งกับลูกสาวอีก หากใครคิดจะฟ้องก็ให้มาฟ้องที่ตน ตนจะไปขอความเมตตาผ่อนกับศาลเอา
ซึ่ง “สมรักษ์” เล่าย้อนเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตอนแรกที่ทราบข่าวว่าเขาตัดสินใจคิดสั้นก็รู้สึกตกใจ มีความรู้สึกว่าเราเป็นต้นเหตุหรือเปล่า แอบเสียดาย คิดว่าถ้าเขานัดเราไปที่บ้านอาจจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ หรือตนอาจจะไปช่วยเหลือครอบครัวของลูกหนี้ได้ก็ได้ จึงรู้สึกผิด เพราะจริง ๆ แล้วถือเป็นเรื่องปกติที่ตนจะถามลูกหนี้ว่าเมื่อไหร่จะคืนเงินที่ติดไว้ เพราะมันเป็นเงินชาวบ้าน ชาวบ้านฝากเรื่องผ่านตน จะให้คู่กรณีโอนตรงไปให้เลยชาวบ้านก็ไม่กล้า
สำหรับการซื้อขายลอตเตอรี่ต้องมีการสั่งจองล่วงหน้าจึงจะได้ในราคาใบละ 80 บาท แต่พอเอาเข้าจริงราคาลอตเตอรี่กลับอยู่ที่ใบละ 90 กว่าบาท ก่อนจะเกิดเหตุร้ายเช้าวันนั้นคู่กรณียังโทรหาตนอยู่เลย พุดคุยกับตนด้วยน้ำเสียงสดใส ทั้งยังบอกว่าจะเคลียร์เงิน 2 ล้านให้และนัดให้ตนไปเจอที่ร้านอาหารของคู่กรณีตอน 14.00 น.วันเดียวกัน ซึ่งตนออกจากบ้านเวลา 13.00 น. ระหว่างทางก็โทรศัพท์หาคู่กรณีแต่ไม่สามารถติดต่อได้ กระทั่งทราบข่าวร้ายในที่สุด
ด้าน “เบส รักษ์วณี” ลูกสาวกล่าวเสริมว่า ตอนทราบข่าวก็ตกใจ เพราะคิดว่าพ่ออยู่ในเหตุการณ์ด้วย จึงรีบโทรหาพ่อทันที พอรู้ว่าพอตามไปทีหลังก็โล่งใจ ส่วนสภาพจิตใจพ่อตอนนี้เท่าที่เห็นคือพ่อเข้มแข็งดี ซึ่งตนก็โอเค จริง ๆ เคยบอกให้พ่ออยู่บ้านเฉย ๆ แต่ละวันอยากใช้เงินกี่บาทเดี๋ยวลูกจ่ายให้เอง เพราะที่ผ่านมาเห็นคนมาทวงเงินจากพ่อ ถ้าไม่ให้จะตามมาถึงบ้าน ทวงทีก็หลักล้านแล้วบางคนจะเอาปุ๊บปั๊บ ทวงวันนี้ต้องได้วันนี้ ซึ่งตนก็ได้เคลียร์ให้จบแล้ว 1รายจำนวนเงินราว 2 ล้านบาท.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน