หลังออกมาโพสต์สุดทนที่โดนตามก่อกวนนานเกือบ 10 ปี สำหรับดาราสาว “น้ำหวาน พิมรา เจริญภักดี” หรือที่เรียกกันว่า “น้ำหวาน ซาซ่า” เพราะถึงขั้นโดนลามด่าชื่อพ่อแม่แล้ว ทั้งที่ตนพยายามมองข้ามและให้อภัย รวมถึงเคยพาไปโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาก็ตามแต่ไร้ผล ทำให้เจ้าตัวเตรียมจัดการขั้นเด็ดขาด และยืนยันไม่รับคำขอโทษแล้ว
.
ล่าสุดวันนี้(3 ก.ย. 2564) “น้ำหวาน” เปิดใจกับไนน์เอ็นเตอร์เทนถึงเรื่องข้างต้น ว่า เมื่อ 3 ปีก่อนเคยเข้าแจ้งความ สน.ดอนเมือง และร้อง ปอท. มาแล้ว ก่อนจะพบว่าคู่กรณีรายดังกล่าวเป็นผู้ป่วยทางจิตเวช ตอนนี้อายุราว 25-26 ปีแล้ว ซึ่งตนเคยมีโอกาสเจอคุณแม่ของน้องและถูกอ้อนวอนให้ไม่เอาเรื่อง ตนก็เห็นว่าถ้าน้องหายก็จะได้มีอนาคตที่ดี จึงช่วยเรื่องการพาน้องไปรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาพร้อมออกค่าใช้จ่ายให้ แต่สุดท้ายก็หนีออกจากโรงพยาบาล ก่อนจะหายไปช่วงหนึ่งแล้วก็เปลี่ยนแอ็กเคานต์กลับมาทำแบบเดิมอีกมาเป็นปี ๆ เชื่อคู่กรณีไม่ธรรมดาและฉลาดเพราะสามารถสืบค้นข้อมูลส่วนตัวของตนได้แม้กระทั่งชื่อหมู่บ้าน ซอยที่อยู่ หรือแม้กระทั่งชื่อคุณพ่อที่ไม่เคยเผยแพร่ออกสื่อ ทำให้ตนกังวลและกลัวมาก รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
.
ดาราสาวยังเล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้พยายามบล็อก มองข้าม ไม่สนใจ แต่พยายามส่งมาทุกวัน แท็กมาทุกวันเป็นปี ๆ หลังหายไป ทำสุขภาพจิตตนเสียมาก เผยโรคจิตส่งทั้งภาพวีดิโอโป๊ ท่าทางการมีเพศสัมพันธ์ รูปเลือด ความรุนแรง อยากให้คุณแม่น้องรีบพาไปรักษาจริงจัง หยุดการใช้อินเตอร์เน็ต เพราะมีดาราไม่ต่ำกว่า 4 รายที่ตนรู้จักก็โดนเหมือนกัน
.
ห่วงที่สุดคือความปลอดภัยผู้สุงอายุ พ่อ-แม่ ในบ้าน รวมถึงตนเอง ถ้าอีกฝ่ายกระทำความรุนแรงหรือบุกมาหาตน คงไม่อยากให้มีเหตุการณ์แบบนั้นก่อน ตอนนี้หลอนถึงขั้นควักเงินทำระบบนิรภัยในบ้าน เปลี่ยนกุญแจรอบบ้านเป็นสแกนคีย์การ์ด หรือใส่รหัส รวมทั้งแจ้ง รปภ.หมู่บ้านให้แจ้งก่อนหากมีคนแปลกหน้ามาบ้าน
.
พอถามถึงเรื่องคดีความ “น้ำหวาน” เผยว่า “ตอนนี้รอเอกสารข้อมูลจากตำรวจ สน.ดอนเมือง ที่เคยแจ้งความไว้เพราะมีทั้งชื่อและเบอร์โทรของอีกฝ่าย เพราะทาง สน.ดอนเมือง ให้ไปแจ้งความใน สน.พื้นที่เกิดเหตุคือ สน.คลองตัน อ้างว่าเป็นต่างกรรมต่างวาระ แต่ไม่อยากนับหนึ่งใหม่ เพราะมีข้อมูลอยู่แล้วก็อยากให้เจ้าหน้าที่ทำงานง่ายในการติดตามตัว ซึ่งจากนี้ไม่ต้องการคำขอโทษจากคุณแม่น้องแล้ว แต่อยากให้แม่พาน้องไปรักษาจิตเวชเท่านั้นและครั้งนี้ตนจะไม่ปล่อย ต้องรับรู้การรักษาทุกขั้นตอนเพื่อให้น้องหายจริง ๆ และไม่ทำกับคนอื่นอีก”
.
“ยอมรับเมื่อคืนก่อนโพสต์ หวานและพี่กวางโกรธมาก เพราะทนมานานเกินไปและให้อภัยมาแล้วแต่ยังไม่สำนึก อยากให้คนรอบตัวหรือคนในครอบครัวที่มีพฤติกรรมแบบนี้ต้องเฝ้าระวังและดูแลให้ดีด้วย อย่าปล่อยไว้กับมือถือหรือโซเชียลตามลำพัง”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
