นักร้องข้ามเพศ “ต้อม ไกรวิทย์” เปิดใจกับทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทน หลังโควิด-19 ระลอกล่าสุด เล่นงานธุรกิจร้านทำผม “สุโข ซาลอน บาย ต้อม ไกรวิทย์” อย่างหนัก โดยล่าสุด วันนี้ (31 พ.ค. 2564) เจ้าตัวโพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ว่า “จะไหวมั้ยเนี่ย” ก่อนที่“ต้อม ไกรวิทย์” จะเปิดใจว่า โควิด-19 ระลอกนี้ถือว่ากระทบต่อธุรกิจร้านทำผมหนักที่สุดตั้งแต่ทำร้านมาเป็นเวลา 10 ปี
ต้อมเปิดใจว่า ตอนนี้ร้านทำผมเหลือเพียง 2 สาขา เพราะโควิด-19 ระลอกก่อนทำให้ต้องปิดไป 1 สาขา ตอนนี้เหลือสาขาที่เอสพลานาด รัชดา กับบิ๊กซี รัชดาเท่านั้น ซึ่งอีกไม่กี่เดือนสัญญาของทั้ง 2 สาขาก็จะจบลง ตอนนี้อยู่ในช่วงสับสนว่าจะกัดฟันเดินหน้าธุรกิจต่อไป หรือต้องปิดตัวลง
ตั้งแต่เกิดโควิด-19 ระลอกนี้ ยอมรับรายได้หายไปกว่า 70 เปอร์เซนต์ต่อเดือน วันที่ลูกค้าน้อยที่สุดเหลือเพียงประมาณ 2 คนเท่านั้น ยิ่งวันที่มีข่าวยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ลูกค้าก็แทบจะไม่มีเลย ปัจจุบันตอนนี้ค่าเช่าต่อสาขาอยู่ที่ราวเกือบ 2 แสนบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก ถ้าเทียบกับรายรับในตอนนี้ที่แทบจะไม่มีให้เห็น
ส่วนลูกน้องทั้ง 2 สาขา ประมาณ 10 คน ตอนนี้ตัดสินใจให้ลูกน้องสลับกันเข้าทำงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ยังคงจ่ายเต็มให้ทุกเดือน แต่ไม่มีเปอร์เซนต์จากลูกค้าให้เท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบกับรายได้ปกติถือว่าลูกน้องทุกคนรายได้หายไปเกินครึ่ง เนื่องจากทางร้านไม่มีลูกค้า ตอนนี้เป็นห่วงความรู้สึกของลูกน้องที่สุด ตัดสินใจอยู่ว่าถ้าร้านทำผมต้องปิดตัวลงจริงๆ ลูกน้องจะไปอยู่ที่ไหน ไปทำอะไร อีกอย่างที่ผ่านมาก็สนิทสนมกับลูกน้องเหมือนคนในครอบครัว จะบอกให้ลูกน้องหยุดทำงานกันไปก่อนก็พูดไม่ได้ เป็นห่วงสภาพจิตใจ
ความหวังตอนนี้ที่จะประคองร้านให้ไปต่อค่อนข้างที่จะน้อยลง ยินดีหากลูกน้องได้งานใหม่ทำ มีอาชีพใหม่ๆ เรายินดีปล่อยให้เขามีชีวิตที่ดีกว่าเดิม ตอนนี้แผนการทำธุรกิจอาจจะต้องปรับเป็นเดลิเวอรี่เพิ่มขึ้นด้วย อาจจะเป็นในแถบ รัชดา/ ลาดพร้าว ทุกวันนี้ยอมรับว่าอยู่ได้เพราะลูกค้าประจำ โควิดทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของคนเปลี่ยนไป คนรู้สึกว่าหากอยากทำผม ไม่จำเป็นต้องเข้าร้านทำผมในห้างก็ได้แล้ว
นอกจากนี้นักร้องดังยังเล่าอีกว่า ร้านทำผมอยู่ได้เพราะการทำสี ซึ่งตอนนี้ทำไม่ได้ ลูกค้าเหลือเพียงการตัดผมเท่านั้น ทำให้รายได้ขาดหายไปเยอะ.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน