“โย” เล่าความรู้สึกขณะรักษาโควิด เชื่อไม่มีใครอยากเป็น ชวนส่งกำลังใจแทนการด่าทอ

เข้ารับการรักษาตัวจากการติดเชื้อโควิด-19 มาพักใหญ่ และอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ ล่าสุดนางแบบสาว “โย ยศวดี หัสดีวิจิตร” แจ้งผ่านผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว @yoyossavadee ว่าวันนี้นอน รพ. เป็นคืนสุดท้ายหลังรักษาตัวนาน 14 วัน นอกจากนี้เจ้าตัวยังได้อัดคลิปวิดีโอเล่าประสบการณ์และความรู้สึกขณะรักษาตัว พร้อมขอบคุณแพทย์และพยายามที่ดูแลเป็นอย่างดี ยืนยันว่าไม่เคยได้สิทธิพิเศษใด ๆ จากการเป็นดารา โควิด-19 ที่แพร่ระบาดละรอก 3
นี้แรงว่าอะไรทั้งปวง ไม่จำเป็นต้องเป็นนักดื่ม นักเที่ยวก็ติดได้ เชื่อไม่มีใครอยากเป็น ขอให้ทุกคนให้กำลังใจกันแทนการด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรง
.
ส่วนเนื้อหาในคลิปวิดีโอนางแบบสาวเผยว่า ” พรุ่งนี้เช้าจะได้ออกจาก รพ. แล้ว เลยอยากจะคุยให้ฟังนิดนึง ไม่คิดว่าความรู้สึกของการจะได้นอน รพ.คืนสุดท้าย แล้ววันรุ่งขึ้นจะได้กลับบ้าน จะรู้สึกดีขนาดนี้ ตลอดระยะเวลา 14 วัน 13 คืน สำหรับผู้ป่วยโควิด เอาตัวเราเป็นหลัก ตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าติดเชื้อเป็นอะไรที่เซอร์ไพร้ส์ตัวเองที่สุด คนอาจจะเห็นว่าเราถ่ายรูปสวย โพสต์หน้าโซเชียลอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่มีใครรู้ได้ว่าแต่ละคนใช้ชีวิตในช่วงโควิดยังไงบ้าง
ดารา นางแบบ ทุกคนมีหน้าที่ที่ต้องทำงานหน้าสื่อ แต่หลังสื่อมั่นใจง่าทุกคนใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและระมัดระวัง เราอยู่กับโควิดมา 2 ปี ถ้าเกิดว่าเป็นคนที่ใช้ชีวิตสุ่มเสี่ยงจริง ๆ คงจะติดโควิดไปตั้งนานแล้ว เรามีครอบครัวสิ่งที่พยายามคิดให้มากที่สุดคือการใช้ชีวิตให้ปลอดภัยเพื่อครอบครัว โควิดในระลอกที่ 3 มันมาแรงมากกว่าอะไรเสียอีก จะเกิดมาจากอะไรจุดใดก็ตามที่ทำให้มันแพร่เร็วไปทุกกลุ่มคน ไปทุกวงการ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทำงานปกติ หาเช้ากินค่ำ คุณก็ติดโควิดได้ ไม่จำเป็นว่าคุณจะเป็นนักเที่ยว นักดื่ม หรือนักเดินทางอย่างเดียว อยากจะให้ทุกคนได้เข้าใจผู้ที่ติดโควิด ให้กำลังใจกันมากว่าการซ้ำเติมกัน เชื่อว่าไม่มีใครที่อยากจะติดโรคนี้ ไม่มีใครที่อยากจะทำให้สังคมเดือดร้อน แต่จะโดยเหตุผลส่วนตัวด้วยอะไรก็ตามที่ทำให้คนออกไปเที่ยวหรือออกไปอะไรก็ตาม อย่าลืมว่าเรากำลังอยู่ในช่วงของชีวิตที่มันทุกข์ เราเองก็อยากช่วยซัพพอร์ตธุรกิจ เศรษฐกิจของประเทศ อยากให้เงินสะพัดทั่วประเทศไทยแต่พอถึงจุดหนึ่งที่คนอยากออกไปท่องเที่ยวสงกรานต์ ท่องเที่ยวไทย โรคนี้มันกลับมาระบาดอีกรอบหนึ่ง สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือต้องเห็นใจซึ่งกันและกัน ให้กำลังใจกัน หยุดด่าว่ากัน หยุดใช้คำพูดแรง ๆ มันไม่มีประโยชน์ เชื่อว่าเวลานี้ทุกคนต้องการกำลังใจ ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้ป่วยเอง ครอบครัวที่รอให้ผู้ป่วยกลับบ้าน หรือผู้ที่ใช้ชีวิตเสี่ยงที่ยังไม่รู้ว่าวันนี้ตัวเองติดโควิดหรือยัง”
.
“วันแรกที่ทราบว่าติดโควิด อย่างแรกที่คิดถึงคือครอบครัว เรารู้แล้วว่าเราพาครอบครัวไปอยู่ในจุดที่เสี่ยงมาก โยรีบติดต่อ รพ. รามคำแหง ซึ่ง รพ.ไหนที่มา Swab test รพ.นั้นก็จะรับผิดชอบในการจัดหาเตียงและรักษาโย เอาจริง ๆ ไม่เคยได้สิทธิพิเศษ ในฐานะดาราหรือคนที่มีชื่อเสียงที่จะได้เตียงก่อน กว่าโยจะได้เตียงก็ไม่ใช่ว่าง่าย แต่ช่วงที่โยเป็นมันยังไม่ถึงช่วงพีคที่ยังหาเตียงไม่ได้จริง ๆ ถ้าสมมติโยหรือครอบครัวได้สิทธิพิเศษจริง ๆ พี่สาวและครอบครัวคงไม่ต้องนอนรอเตียงถึง 5 วันหลังจากที่รู้ว่าป่วยแล้วเขาก็ต้องไปอยู่ รพ. อื่นด้วย ทุกครั้งที่ฟังเรื่องอะไรแบบนี้ก็เจ็บปวดแทนคุณหมอและพยาบาล เราเข้าใจว่าเวลาคนเจ็บป่วยทุกคนก็คิดแต่ว่าฉันก็อยากได้รับการรักษา โยอยากให้ครอบครัวได้รับการรักษาให้เร็วที่สุด จนท้ายที่สุดเราผ่านวิกฤตเหล่านี้มาได้ด้วยความอดทนอย่างเดียวเพื่อให้มันผ่านไปในแต่ละวัน โชคดีที่หลานสาวไม่มีอาการอะไร แต่พี่สาวกลับเจ็บปวดทรมานมาก เชื้อลงปอดตั้งแต่ 2 วันแรกที่เข้าไปในโรงพยาบาล”
.
ส่วนโย วันแรกที่เข้า รพ. คุณหมอตรวจปอดตรวจเลือด Swab จมูกเพื่อคอนเฟิร์มอีกครั้งหนึ่ง พอผลออกมาทุกอย่าง จะได้เริ่มขั้นตอนของการรักษา โยไม่มีเชื้อลงปอด ไม่มีอาการอักเสบที่ปอด ขอบคุณพระเจ้าที่อย่างน้อยก็ทำให้เราแข็งแรงแล้วก็ฟื้นตัวไวอย่างอื่น ๆ ที่พยายามเช็คตลอดก็คือการวัดไข้ วัดอุณหภูมิในร่างกาย โยไข้สูงในช่วง 2-3 วันแรก อาการโควิดมันจะแย่อยู่ในช่วงประมาณ 3-4 วันแรก จะรู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง ตื่นขึ้นมาขึ้นมาแล้วรู้สึกท้อแท้ อยากร้องไห้ ปวดเมื่อย เหน็ดเหนื่อยกับร่างกายมาก ไม่อยากลุกจากเตียง ไม่อยากกินอาหาร เพราะลิ้นไม่ได้รส จมูกไม่ได้กลิ่นอะไรทั้งสิ้น หลังจาก 3-4 วัน ตื่นขึ้นมาจะรู้สึกว่าตัวเองสดชื่น อยากจะทำอะไรสักอย่างที่ไม่ได้นอนบนเตียงโทรม ๆ แบบนี้ พอลุกขึ้นไปทำอะไรสักหน่อย วันรุ่งขึ้นก็กลับมาอยู่ในสภาพของคนที่เจ็บป่วยไม่มีแรง ไม่อยากทานอะไร โยคิดว่าน้ำหนักลดไปหลายกิโลกรัมเลย เวลาคุณหมอจะให้ยาเขาจะให้ผ่านสายน้ำเกลือ โยเจาะทุกที่ เริ่มตั้งแต่มือไปจนถึงแขนและสลับไปยังแขนอีกข้างหนึ่ง ต้องเปลี่ยนการเจาะตลอดทุก 2-3 วัน เพราะยาบางตัวจะแสบเข้าเส้นทรมานมาก พอเส้นเราเริ่มแตก ร่างกายเริ่มรับไม่ไหวก็ต้องเปลี่ยนไปเจาะที่อื่น ซึ่งตอนนี้พี่สาวกำลังทรมานกับเรื่องนี้ เพราะตัวเขาเองเป็นคนที่หนังติดกระดูกอยู่แล้ว ไม่ค่อยมีเนื้อที่แขนเยอะ และต้องเจาะแล้วเจาะอีก บางครั้งเจาะไปก็ไม่เจอเลือด”
.
โควิดมันไม่ใช่โรคง่าย ๆ ขนาดนั้น บางคนที่ร่างกายแข็งแรง เป็นแล้วไม่ออกอาหารอะไรเลยถือว่าโชคดีมาก บางคนที่ป่วยแล้วฟื้นตัวเร็วแบบโยสามารถกลับบ้านได้ เราก็ถือว่าเราโชคดีเหมือนกัน แต่อีกหลายคนต้องทรมานกับความรู้สึกเจ็บป่วยแบบนี้ต่อ บางคนถึงขั้นเสียชีวิต ครอบครัวต้องรับความเจ็บปวดนี้ต่อไป ถึงบอกว่ากำลังใจคือสิ่งที่สำคัญที่สุด วันนี้ที่ตั้งใจทำวิดีโอนี้เพราะกลัวว่าพรุ่งนี้จะไม่ได้ทำ มันจะไม่มีเวลาขนาดนั้น เราก็ต้องรีบเช็คเอ้าท์ ต้องไปดูเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วก็คงต้องรีบออกจากที่นี่เลย เพื่อให้ท่านอื่น ๆ เขาได้เตียงกันไปบ้าง ต้องยอมรับกฎของรัฐบาลก่อนนะคะว่าต่อให้คุณจะรู้สึกดีขึ้นแค่ไหน คุณก็ต้องอยู่ใน รพ. 14 วัน นั่นคือความรับผิดชอบต่อสังคม คุณไม่สามารถรู้สึกดีขึ้นภายใน 5-6 วัน แล้วคุณหมอจะสามารถปล่อยให้คุณกลับไปกักตัวต่อที่บ้านได้ คุณอาจจะเอาเชื้อที่อยู่ในร่างกายออกไปแพร่กับสังคมได้อีก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณถึงต้องอยู่ใน รพ. ให้ครบ 14 วัน ขอให้ทุกคนเข้าใจด้วยว่าทำไมรู้สึกดีแล้วถึงไม่ยอมออกจาก รพ. อีก มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเราต้องการและทำได้นะคะ มันเป็นเรื่องของกฎหมาย เป็นความรับผิดชอบของคุณหมอ
.
ขอบคุณคุณหมอและพยาบาลทุกท่านที่ดูแลโยเป็นอย่างดีทุกวัน ทุกครั้งที่ได้คุยกับคุณหมอ เหมือนการเติมพลัง เติมกำลังใจด้วย ทำให้รู้สึกว่าฉันมีโอกาสรอด ฉันมีโอกาสได้กลับบ้านคุยกับคุณหมอแล้วน้ำตาซึม เราไม่อยากจะร้องไห้ให้คุณหมอเห็นแต่อยากจะบอกว่าเห็นใจคุณหมอและพยาบาลทุกท่านที่ต้องดูแลพวกเราไม่รู้กี่ร้อยกี่พันชีวิตที่ทุกคนต้องเข้ามาให้คุณหมอดูแลแบบนี้ เป็นภาระของคุณหมอแบบนี้ ขอบคุณจริง ๆ ที่ทำให้โยได้กลับบ้านไปเจอครอบครัว ไปเจอลูก ๆ ได้กลับบ้านไปทำงานถ้าไม่มีพวกท่านเรานี้ พวกเราโอกาสรอดก็คงไม่มีจริง ๆ กราบขอบคุณค่ะ” ทั้งนี้ระหว่างที่พูดนางแบบสาวน้ำตาคลอและร้องไห้เป็นระยะ ๆ ก่อนกล่าวต่อทั้งน้ำตาว่า “ปกติโยไม่ค่อยอ่อนแอ แต่อยู่ในนี้มันมี Good Day Bad Day กำลังใจจากเพื่อน กำลังใจจากทุกคนโครตสำคัญเลย โยอยู่ในภาวะของช่วงที่มีปัญหาชีวิต มีปัญหาหัวใจด้วย มีเพื่อนและพี่สาวที่อยู่ใกล้โยตลอดในระยะเวลานี้ คนที่เราคิดว่าเป็นคนที่เราเคยรักมากที่สุดในชีวิต แต่บางครั้งอาจจะเป็นคนอื่นไปเลยก็ได้ในยามที่เราเจ็บป่วย
เพราะฉะนั้นคนในครอบครัวเท่านั้นก็คือคนในครอบครัวที่คอยรักและเป็นห่วงเราจริง ๆ ขอบคุณเพื่อน ๆ ขอบคุณแฟนคลับ ขอบคุณทุกคนที่คอยตามโซเชียล และให้กำลังใจ โยได้อ่านทุกข้อความ ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่ยังป่วยโควิด ผู้ที่ยังรอการรักษาผู้ที่รอเตียงอยู่ที่บ้าน เราส่งกำลังใจให้กัน เราต้องฝ่าฟันโรคนี้ไปด้วยกันให้ได้ ต้องเอาชนะโควิดให้ได้ มันจะไม่มีซีซั่นที่ 4 สู้ไปด้วยกันค่ะ วันนี้กลับบ้านแล้ว ยังไงไปเจอกันที่บ้าน จะกลับไปใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยและดูแลตัวเองให้มากขึ้น กลับไปฟิตด้วยค่ะตอนนี้รู้สึกอ่อนแอมาก ๆ เลย ใครที่สนใจอยากจะส่งอะไรมาให้บำรุงร่างกายหรืออยากจะแนะนำวิธีให้กลับมาฟิตอย่างเดิม ส่งมาได้เลยค่ะ ยินดีนะคะ เอาไว้เจอกัน ดูแลตัวเองนะทุกคน สวัสดีค่ะ”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 402 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม