ทุกถ้อยคำ”ไมค์” หลังจบปัญหาสิทธิ์เลี้ยงดู “แม็กซ์เวลล์” กับ “ซาร่า”


เรียกว่าจบกันไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับคดีการเรียกร้องสิทธิ์เลี้ยงดูและอำนาจการปกครอง “น้องแม็กซ์เวลล์” ลูกชายของพระเอกอินเตอร์ “ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” และนางแบบ “ซาร่า คาซิงกินี” ที่ล่าสุดก็ได้ข้อสรุป โดยทางไมค์ได้ออกมาเปิดใจหลังจบเรื่องนี้แบบหมดเปลือก
.
เคลียร์เรียบร้อยแล้วโล่งใจไหม
“ก็โล่งครับ”
ขอตกลงเป็นไปตามที่พึงพอใจตั้งแต่แรกไหม
“จริงๆวันนี้ที่ผมเตรียมมาเสนอ ผมจะจ่ายค่าศึกษาของลูกร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นโรงเรียนที่ผมเลือก มีค่าประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และจะเก็บเงินออมให้ลูกด้วยในอนาคตเผื่อเข้ามหาวิทยาลัยจะได้มีเงินตั้งต้นด้วย ทีนี้พอเสนอไปทางนั้นไม่โอเค เขาไม่อยากย้ายโรงเรียนลูก ผมเลยเสนอเป็นโรงเรียนเดิมแต่จ่ายคนละครึ่ง ซึ่งผมต้องการจ่ายตรงกับทางโรงเรียน แต่ทางนั้นต้องการให้จ่ายผ่านพ่อของทางคุณซาร่า ซึ่งผมไม่มีความสบายใจในจุดนี้ เขาก็มีข้ออ้างมาว่าที่ต้องจ่ายตรง เพราะทางบ้านคุณซาร่ามีที่ต้องเรียนอีกสองคนที่โรงเรียนเดียวกันจะได้ส่วนลด ผมเลยโทรไปถามทางโรงเรียน ปรากฎว่าทางโรงเรียนแจ้งว่าไม่ว่าจ่ายผ่านทางไหน ก็ไม่ได้มีผลต่อค่าส่วนลดตรงนั้น สุดท้ายก็ยื้อกันไปมา ตอนแรกคิดว่าจะเสร็จช่วงเที่ยง ก็กำลังร่างสัญญาแล้วกับทนายต้อม พอทางเขาไม่โอเคก็เลยลากยาว สุดท้ายก็ไปลงเอยตรงที่ว่า ผมจ่ายละคนครึ่งกับเขาถึงป.6 หลังจากนั้นม.1 จนถึงมหาวิทยาลัยเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องไปคุยกับลูก ดูว่าเขาอยากเรียนที่ไหน ผมจะจ่ายเต็มตรงนั้น
ส่วนตอนนี้ผมก็จ่ายตรงกับทางโรงเรียนได้ และเรื่องประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เก็บเงินออมเอาไว้ด้วยให้ลูกในอนาคต ไม่ได้กำหนดว่าเก็บเงินเดือนละเท่าไหร่ ที่ผ่านมาผมเก็บเดือนละ 3 หมื่น ในอนาคตก็ต้องแล้วแต่ตามกำลัง บางทีเกิดสถานการณ์โควิดขึ้นมาอีก ผมก็ต้องมาพิจารณาว่าเดือนนี้ผมมีเท่านี้ ก็เก็บเท่านี้”
สิทธิ์การปกครองลูกยกให้เขาเลย
“เอาจริงๆตั้งแต่ผมไม่ได้ขอร้องสิทธิ์การปกครอง ผมแค่ต้องการที่จะเจอลูก เยี่ยมเยียนได้อย่างง่ายดายแค่นั้นเลย”
เรื่องเซ็นรับรองบุตร ไปวันไหน
“ยังไม่ทราบครับ เดี๋ยวค่อยนัดกันอีกทีก็ได้”
สิทธิ์ในการเจอลูก 2 ครั้งต่อเดือน
“ตอนแรกขอไป 3 ครั้ง แต่เขาก็ไม่อยากระบุ แต่ผมก็ยังยืนกรานว่าต้องการระบุว่าขั้นต่ำต้อง 2 ครั้งต่อเดือน ในเอกสารใช้ว่าประมาณ 2 ครั้ง ผมยืนยันว่าต้อง 2 ครั้งต่อเดือน ซึ่งไม่ได้กำหนดเวลา”



เขาบอกสะดวกให้เราไปเจอที่ภูเก็ต
“ล่าสุดผมก็บินไปภูเก็ต ผมก็ไม่ติด อาจจะลำบากผมหน่อย แต่ไม่เป็นไร ถ้าได้เจอลูก ที่ล่าสุดบินไปภูเก็ตก็ได้เจอแม็กซ์เวลล์แล้ว เอามานอนค้างด้วย ส่วนเรื่องเวลาไปเจอต้องแจ้งไหม ตอนแรกในสัญญาระบุว่าต้องแจ้ง 7 วันล่วงหน้า ซึ่งผมรู้สึกว่างานที่ผมทำอยู่มันก็แพลนยาก ผมเลยขอเป็น 3 วันล่วงหน้าได้ไหม เพราะลูกแค่เรียน ไม่ได้ทำอะไร สุดท้ายมาจบที่แจ้ง 5 วันล่วงหน้า ถ้าสมมติผมไม่แจ้งก่อน 5 วัน เขาก็มีสิทธิ์ปฎิเสธได้ ผมก็ต้องแพลนดี ๆ”


เรื่องราวมันยืดยาวมาเป็นปี เราเป็นยังไงบ้าง
“(ถอนหายใจ) จริง ๆ มันเป็นเรื่องง่ายมากครับ ผมขอชี้แจงก่อนแล้วกัน ครั้งที่แล้วเขาให้สัมภาษณ์ตอนที่เขาไปเดินสายสวัสดีสื่อว่าไม่ได้ติดที่ทางเขา แต่ติดที่ทางผม ผมขอชี้แจงตรงนี้เลยว่าไม่ได้เป็นข้อเท็จจริงใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะทั้งหมดมันติดที่ค่าใช้จ่ายเหมือนกับครั้งนี้ ไม่ได้แตกต่างกันเลย อีกอย่างคือตอนนั้นเขาบอกว่าคุณพ่อเขาเป็นคนจ่ายค่าเทอม ซัพพอร์ตทุกอย่าง ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วยว่าเราจะผลักภาระหน้าที่ที่เราต้องรับผิดชอบไปให้คนอื่นรับผิดชอบได้ยังไง เป็นพ่อเป็นแม่ก็ต้องตัดสินใจทางเดินของลูกด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นมาตัดสินใจ และต้องไม่ให้คนอื่นมารับผิดชอบแทนด้วย
อีกอย่างหนึ่งประเด็นหลักเลยที่เขาติดก็คือที่เขาบอกว่าจะยกแม็กซ์ให้กับผม แต่ผมบอกว่าขอไปคิดดูก่อน ผมขอชี้แจงในข้อนี้ คือวันนั้นพอเขาบอกว่าจะยกแม็กซ์ให้ ผมหันกลับไปตอบทันทีว่าผมตกลง ผมโอเค แต่ต้องพาแม็กซ์ไปจีน แต่ทีนี้คือที่ผมต้องขอไปคิดดูก่อน ผมในฐานะพ่อก็ต้องคิดว่าสุดท้ายแล้วมันดีกับแม็กซ์จริง ๆ หรือเปล่า ต้องคิดให้ละเอียดและรอบคอบถูกมั้ยครับ ซึ่งข้อที่หนึ่งการงานของผมมันเป็นระบบแคมปิ้ง ผมไปกองละครทีผมจะหายไปเลย 3-4 เดือน แล้วกองละครก็ย้ายไปเรื่อย ๆ แต่โรงเรียนมันไม่ได้ย้ายตามกองละคร ทีนี้ถ้าเราอยู่กองละครแล้วใครจะอยู่กับแม็กซ์ ผมก็ต้องคิดตรงนี้ พี่เลี้ยงเหรอ ก็ไม่โอเคอีก แล้วที่นั่นถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นใครจะเป็นคนไปดู ใครจะไปดำเนินเรื่อง เพราะผมอยู่ในกองละคร



ข้อที่สอง แม็กซ์พูดภาษาจีนไม่ได้ แล้วเขาจะสื่อสารกับใครรู้เรื่อง เวลาเขาต้องการอะไร อยากจะกินอะไร ความกดดันที่ลูกต้องเจอ ได้คิดหรือเปล่า สิ่งที่บอกว่ามีสติแล้ว คุยกับครอบครัวแล้ว มีสติมากขึ้น ผมว่ามันยังไม่พอนะครับ ต้องคิดให้ได้มากกว่านี้ แล้ววันหนึ่งถ้าลูกมาฟังที่คุณสัมภาษณ์ลูกจะคิดยังไง ว่าแม่ยกให้พ่อแล้วพ่อก็บอกว่าขอคิดดูก่อนอีก ผมบอกตรงนี้เลยว่าไม่ได้คิดดูก่อนตรงเรื่องที่จะรับหรือไม่รับ แต่คิดดูก่อนในเรื่องของความเป็นไปได้ในเชิงปฏิบัติเป็นไปได้หรือไม่ แค่นั้นเอง

ทีนี้เจตนาคืออะไรในการสัมภาษณ์นั้น แน่นอนว่ามันชัดเจนอยู่แล้วให้ผมโดนด่า ซึ่งผมโดนด่ามา 6 ปีแล้วครับ มันไม่ได้สำคัญอะไรกับผมเลย ผมบอกตรง ๆ จะโดนด่าต่อไปมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผม แต่คนเป็นพ่อแม่ควรจะต้องเป็นโล่ให้กับลูก ไม่ใช่ให้ลูกมาเป็นโล่ให้กับตัวเองแล้วก็ไปหลบหลังลูก แล้วผมบอกเลยนะครับ อาจารย์ประมาณครับ ไม่ต้องมาสงสัยความเป็นพ่อของผม หมาแมวมันยังไม่ทิ้งลูกเลย ผมก็ไม่ทิ้งหรอกครับ และที่ผ่านมาผมก็ดูแลลูกมาโดยตลอด ไม่ต้องมาถามเรื่องความเป็นพ่อจากผมนะ ผมอาจจะไม่ได้ดีเท่าอาจารย์ แต่ว่าผมก็พยายามที่สุดในสิ่งที่คน ๆ หนึ่งทำได้ มันก็แค่นั้นเองครับ”

เราเหมือนจะรู้สึกจะอัดอั้นมากพอสมควรกับการไกล่เกลี่ยในศาล
“คือมันไม่จบสักทีไงครับ แล้ววันนี้มันจบ คือที่ผ่านมาผมไม่พูด แล้วทางนั้นก็ให้ข่าว ๆ แล้วคอยบิดเบือนข้อมูลอยู่เรื่อย ๆ และสุดท้ายทัวร์ก็มาลงผม แล้วคุณจะไปให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับผมทำไม ผมบอกเลยนะสื่อโซเชียลมีเดียของคุณที่ชอบตอนคำถามต่างๆ นานา คำถามมันเลือกตอบได้ เพราะฉะนั้นถ้าคุณจะต้องลงทุนถึงขั้นเบลอชื่อผมหรืออะไรก็แล้วแต่ และไปตอบคำถามที่ยังมีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับผมเนี่ย เลือกไม่ตอบดีกว่าครับ และเวลาคนอื่นถามเกี่ยวกับผมก็ช่วยตอบไปว่าไม่ขอตอบคำถามเรื่องไมค์ค่ะ เหมือนที่คุณเลือกที่จะไม่ตอบคำถามเรื่องวาดิม ผมขอแค่นี้ ไม่ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับผมอีกนับจากนี้เป็นต้นไป ผมไม่ต้องการมีอะไรเกี่ยวข้องหรือข้องแวะ ผมต้องการแค่นี้เลยครับ และหลังจากนี้ทำหน้าที่พ่อแม่ ดูแลลูก แบ่งหน้าที่กันให้ชัดเจนเรียบร้อย มันแค่นั้นเลย”


เชื่อว่าเรื่องราวจะลงด้วยดีได้มั้ย
“ผมไม่ทราบหรอกครับ อันนี้เป็นเรื่องของในอนาคต แต่แน่นอนคือผมจะไม่คุยกับเขา มันไม่ใช่ทิฐิ ไม่ใช่อีโก้ มันคือประสบการณ์ที่สอนให้ผมต้องระวังตัวกับคนบางคนครับ”

ที่เขาบอกว่าถ้าเราจะเจอลูกต้องแจ้งเขาโดยตรง ไม่ให้ผ่านทนาย
“ที่คุยกันไว้ข้างบนผมก็บอกชัดเจนว่าผ่านคนกลาง ครั้งที่แล้วที่ผมได้เจอลูกที่ภูเก็ตก็ผ่านคนกลาง ผมก็ให้ผู้จัดการผมไปคุยกับคนกลางเขา แล้วมันไม่ใช่เรื่องที่มันยากเย็นสาหัสอะไรเลยกับการที่แค่ให้คนอื่นนัดเวลากันว่าผมอยากไปเจอลูก จบ ถ้ามันไม่ใช่อะไรที่เหนือบ่ากว่าแรงก็ทำเถอะครับ”


ไมค์ยังมีความกังวลว่าเรื่องเก่า ๆ จะวนกลับมา
“แน่นอนอยู่แล้วครับที่จะต้องมีความกังวล เพราะมันเป็นอะไรที่มันวนอยู่อย่างนี้มานาน แล้วก็เป็นการที่แบบว่า … วันนี้ผมงงมากเลยกับคำว่ารู้ดำรู้แดงคืออะไร เพราะมันไม่ใช่การต่อสู้ที่แบบดุเดือดหรืออะไร มันเป็นคดีเด็ก มันไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกับคำว่ารู้ดำรู้แดง แล้วถ้าวนกลับมาเหมือนเดิมผมไม่โอเค นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมผมต้องมายืนอยู่ในศาลวันนี้ เพื่อทำให้ชัดเจน แบ่งหน้าที่กันไป จบ”
วันนี้อาจจะชัดเจนในเรื่องของตัวเงิน ความรับผิดชอบ แต่ในเรื่องของการกระทำไมค์กังวลไหมว่า ในอนาคตการเจอลูกจะยาก
“ถามว่ากังวลไหม ผมก็ยังกังวลอยู่ แต่ทำอะไรไม่ได้ ขนาดเมื่อกี้ผมอยากจะใส่คำบางคำเข้าไปในตัวข้อตกลง ก็ยังติดปัญหาเลย ซึ่งผมก็สงสัยว่าติดทำไม เอาเป็นว่ามันเป็นเรื่องของอนาคต ก็หวังแค่ว่าทุกอย่างมันจะง่ายขึ้น และดีขึ้นแค่นั้นเอง”
หลังจากนี้ไมค์ก็โฟกัสที่ “แม็กซ์เวลล์” เท่านั้นใช่ไหม
“ใช่ครับ หลังจากนี้จะโฟกัสแค่ลูกอย่างเดียว”
ความรู้สึกของพ่อ ตอนนี้ห่วงลูกเรื่องอะไร
“ในทุกอย่างเลยครับ เอาจริง ๆ หลาย ๆ เรื่อง ก็กังวลหลาย ๆ อย่างเรื่องลูก อนาคตของลูกทุกอย่าง ๆ”
อย่างสิทธิ์ปกครองลูกอยู่ที่ “ซาร่า” ถ้าไมค์อยากจะบอกหรือทำอะไรกับลูกมีสิทธิ์ไหม
“ถามว่ามีสิทธิ์ไหม ทางด้านกฎหมายผมก็ไม่ทราบ แต่คือถ้าผมได้เจอแม็กซ์และมีโอกาสพูดคุยกับเขา อย่างล่าสุดผมสอนเขาว่า ถ้ามีอะไร หรือมีใครพูดอะไรใส่หูให้มาถามแดดดี้ ล่าสุดเขาเจอผม เขาก็พูดเองว่า ถ้ามีคนมาบอกว่าแดดดี้ไม่รักแม็กซ์ แม็กซ์จะมาถามแดดดี้เอง เขาพูดแบบนี้ แค่นี้ผมสบายใจแล้ว เพราะถ้าวันหนึ่งมีคนมาบอก หรือมาพูดอะไรก็แล้วแต่ ลูกจะฟังผม เขาจะเชื่อผม แค่นี้ผมก็สบายใจแล้ว”


เตรียมการยังไงกับการจะบอกลูกถึงเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น หากในอนาคตเขาเกิดรับรู้ข่าวนี้
“ผมถึงบอกว่าเวลาจะพูดอะไรออกสื่อ ต้องคิดก่อน (นิ่ง) แน่นอนวันหนึ่งแม็กซ์จะต้องเห็น แต่สิ่งที่ตอนนี้ทำได้คือสร้างภูมิต้านทานให้กับเขา แค่นั้นเลยครับ ผมะทำให้เขาเชื่อว่าแดดดี้รักเขาจริง ๆ”
กับข้อตกลงก่อนหน้านี้ที่ทางทนายของอีกฝั่งออกมาเปิดเผยว่าจะจ่ายแค่เดือนละ 5,000 บาท แล้วมีการขอจ่ายคนละ 2,500 บาท
“คือ…หนึ่งมันเป็นข้อมูลในชั้นศาล ที่จริง ๆ แล้ว ผมเองไม่ทราบว่าอาจารย์ประมาณเป็นทนายมากี่ปี ซึ่งข้อมูลนี้เป็นความลับ และมันไม่สมควรเลยที่จะออกมาเผยแพร่สู่สาธารณะ เรื่องเงิน 2,500 บาทนี้ ตั้งแต่แรกมามันเป็นการคาดเดา เสนอว่าค่าเลี้ยงดู 5,000 บาทไหม แล้วหารคนละ 2,500 บาท สุดท้ายมันไม่ได้เป็นข้อสรุปนะครับ 2,500 บาทเนี่ย มันไปจบที่ 10,000 บาท คือผม 10,000 บาท และคุณซาร่าซึ่งเป็นมารดา 10,000 บาท นั่นหมายความว่าลูกผมจะมีเงินค่าอุปการะต่อเดือนคือ 20,000 บาท ก็ลงเอยที่ 10,000 บาทในการตกลงวันนั้น ซึ่งอาจารย์ประมาณก็ไม่ได้มา อาจจะมีการสื่อสารข้อมูลคลาดเคลื่อนก็ได้”
กับเรื่องค่าเทอมที่บอกจะจ่ายแค่ 30,000 บาทล่ะ
“อย่างที่บอกว่าอันนั้นไม่ได้เป็นข้อตกลง มันเป็นการพูดเสนอในศาลว่าเท่าไหร่ยังไง แล้วก็มีการต่อรองกัน มันไม่ใช่ข้อสรุป มิฉะนั้นวันนี้ผมจะมายืนที่นี่อีกครั้งเหรอครับ”
มีการพาดพิงว่าไมค์ใช้จ่ายเดือนละ 15,000 บาท
“ใช่ครับ ผมใช้จ่ายเดือนละ 15,000 บาทในตอนนี้ เวลากินข้าวผมก็ซื้อข้าวกล่องที่มีสำเร็จรูปแล้วก็มีส่งเป็นเซ็ทเลยกล่องละ 50 บาท 3 มื้อ บางวันผมกินแค่ 2 มื้อ เพราะทำงานก็ลืมกินข้าว ตอนนี้เราใช้ชีวิตอย่างนั้นจริง ๆ ” .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน

เข้าชม 102,133 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม