หลัง พิธีกรดัง “กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ ” ตั้งกล้องไลฟ์สดรีวิวอาหารเสริมธุรกิจส่วนตัวของตนเอง จมูกเข้ารูป ตา 2 ชั้น เหนียงหาย รวมถึงช่วยเรื่องโควิด จนถูกตั้งข้อสงสัยในตัวผลิตภัณฑ์ ว่าโอ้อวดสรรพคุณเกินจริง และมีคอมเมนต์ตั้งคำถามมากมาย
ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นที่มาให้ถูกตรวจสอบ โดยวันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา ภญ.สุภัทราบุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยต่อสื่อว่า
“ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริงไม่มีผลิตภัณฑ์อาหารตัวใดที่สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง หรือการทำงานของร่างกายได้ตามที่กล่าวอ้าง การโฆษณาดังกล่าวเป็นการโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต และโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณอันเป็นเท็จ หลอกลวงให้หลงเชื่อโดยไม่สมควร มีโทษตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ อย. ได้สั่งระงับการโฆษณา พร้อมดำเนินมาตรการทางปกครอง และมีหนังสือถึงตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
ก่อนหน้านี้ อย. ได้ดำเนินคดีโฆษณากับ บริษัท พาวเวอร์ชอต จำกัด และ นางสาวพัชรศรี เบญจมาศ หรือ กาละแมร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการผู้จัดการบริษัทดังกล่าว ฐานโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต และโฆษณาสรรพคุณอาหารอันเป็นเท็จ หลอกลวงให้หลงเชื่อโดยไม่สมควร ทางเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก และอินสตราแกรม มาแล้ว 7 คดี” ภญ.สุภัทรา กล่าว
วันที่ 25 มกราคม 2564 กลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชัน เข้าร้องฯ บก.ปอท. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) แจ้งความดำเนินคดี น.ส.พัชรศรี เบญจมาศ หรือ กาละแมร์ ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14 (1) และ ฉ้อโกงประชาชน หลังโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อ้างว่ากินแล้วหายจากอาการโควิด
หลังจากนั้น พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ รองผู้บังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. เปิดเผยว่าหลังออกหมายเรียกให้ กาละแมร์ เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา กรณีโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณอาหารเสริมผ่านโซเชียลในวันที่ 28 มกราคม 64 เวลา 11.00 น. แต่ไร้แววพิธีกรดังเข้ามาติดต่อหรือประสานงานใดๆ หากออกหมายเรียกครั้งที่ 2 แล้วยังเงียบ จะออกหมายจับ
ซึ่งหลังจากนั้นกาละแมร์ ได้มีหนังสือแจ้งมายังพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำและรับทราบข้อกล่าวหา โดยให้เหตุผลว่าติดภารกิจไปประชุมกับคณะกรรมาธิการสาธารณสุข ที่สภาผู้แทนราษฎร จึงไม่สามารถเดินทางมาตามนัดหมายได้ พนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. จึงได้พิจารณามีความเห็น ออกหมายเรียกครั้งที่สองให้มาพบในวันอังคารที่ 9 ก.พ. 64 เวลา 11.00 น.
ล่าสุดเช้าวันนี้ (9 กุมภาพันธ์ 2564) พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ รอง ผบก.ปคบ. เปิดเผยว่า น.ส.พัชรศรี เบญจมาศ หรือ กาละแมร์ พร้อมนายนิติธร แก้วโต ทนายความ ได้ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.วรเดช ชมภูพันธ์ สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปคบ. แล้วเมื่อ 19.00 น. วานนี้ (8 ก.พ.) เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาความผิด พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 มาตรา 40 โฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารอันเป็นเท็จ หรือ หลอกลวงให้เกิดความหลงเชื่อโดยไม่สมควร และ มาตรา 41 โฆษณาคุณประโยชน์คุณภาพหรือสรรพคุณของอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1)โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทําความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา อีก 1 ข้อหาด้วย
ซึ่ง น.ส.พัชรศรี ให้การรับสารภาพ 2 ข้อหาแรกคือความผิด พ.ร.บ.อาหาร ม.40 และ 41 แต่ปฎิเสธความผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ มาตรา 14(1) นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบฯ ทางพนักงานสอบสวนจะได้รวบรวมพยานหลักฐานที่จะต้องรอผลตรวจจากกระทรวงดีอีเอส.มาเข้าสำนวน ก่อนส่งอัยการพิจารณาฟ้องศาลจ่อไป คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
อย่างไรก็ตาม เช้าวานนี้ (8 ก.พ.2564) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมได้พาผู้เสียหาย 1 รายเดินทางเข้าแจ้งความ บก.ปคบ.ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.พัชรศรี หรือ กาละแมร์ รวม 4 ข้อหา เช่น ฉ้อโกง ประชาชน และ ผิด พรบ.คอมพิวเตอร์
ด้าน นายนิติธร แก้วโต หรือ ทนายเจมส์ ทนายความของ กาละแมร์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงคืนวานนี้ (8 ก.พ.2564) น.ส.พัชรศรี พร้อมตนเองได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหากรณีรีวิวอาหารเสริมผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสาเหตุที่มีการเข้าพบพนักงานสอบสวนก่อนวันนัด เนื่องจากวันนี้( 9 ก.พ. 64) ทางทีมทนายความติดธุระ ประกอบกับเมื่อสอบถามไปยังพนักงานสอบสวนแล้วสะดวกตรงกันจึงเข้าพบดังกล่าว
สำหรับกระบวนการหลังจากนี้ ทนายเจมส์ระบุว่า คงต้องรอให้พนักงานสอบสวน รวบรวมหลักฐานประกอบสำนวนคดี ก่อนนัดส่งฟ้องกับพนักงานอัยการ เบื้องต้นคาดว่าอาจจะใช้ระยะเวลาอีกสักระยะ .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน
