ถึงการแข่งชกมวยหญิงคู่แรกในรายการ “10fight10 ซีซั่น2” จะจบไปตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ดราม่าคู่ของ “เจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์” กับ “เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์” ดูจะยังร้อนระอุ เมื่อมีดราม่าเกี่ยวกับการใช้ยาชาก่อนขึ้นชกของหมอเจี๊ยบ จนทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากมายว่า อาจจะไม่ยุติธรรมกับทางฝั่งเชียร์ ซึ่งหมอเจี๊ยบได้ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ว่า
“ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วงนะคะ ว่าจะอยู่เงียบ ๆ แต่ดราม่ามาแรงเลยขอใช้พื้นที่นี้ในการอธิบายสิ่งที่คนสงสัยประเด็นการใช้ยาชาก่อนขึ้นชกมวยตามนี้นะคะ
ช่วงดึก ๆ คืนวันก่อนแข่ง เจี๊ยบซ้อมชกท่าต่าง ๆ ที่จะใช้ในการแข่งขัน ปรากฎว่าเกิดอุบัติเหตุ ผิดท่าไป ทำให้เจี๊ยบร่วงลงไปกับพื้น หลังจากนั้นก็คือเจ็บมาก หายใจก็เจ็บ ขยับตัวทำอะไรก็เจ็บไปหมด ตามรูปที่น้ำตาไหลไปกินข้าวไป คิดว่าแย่แล้ว พรุ่งนี้เราคงขึ้นชกไม่ได้แน่ ๆ ในหัวคิดแต่อะไรจะเกิดขึ้นบ้างถ้าเราชกไม่ได้กะทันหันแบบนี้ และได้แต่โกรธตัวเองว่ามาเจ็บอะไรตอนนี้ รายการจะทำยังไง คนที่รอดูคู่เราไม่ว่าจะทีมขาวหรือทีมดำต่างต้องผิดหวัง ตัวเจี๊ยบเองซ้อมมานานทั้งหมดเพื่อการแข่งขันวันพรุ่งนี้ คู่ชกเจี๊ยบก็ซ้อมมานานเค้าซ้อมมาเพื่อวันพรุ่งนี้แล้วเค้าจะชกกับใคร หรือถ้าให้รายการหาคนอื่นมาชกแทน ให้คู่อื่นเลื่อนขึ้นมาชกก่อนแทนคู่เจี๊ยบ เค้าก็อาจไม่ได้พร้อม ยังไม่ถึงวันของเค้า ในหัวเจี๊ยบคิดแต่ว่าจะทำยังไงได้บ้างให้สามารถขึ้นชกให้ได้ในวันพรุ่งนี้
เจี๊ยบจึงปรึกษาอาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมกระดูก และเฉพาะทางด้านกายภาพ (อาจารย์เป็นคนที่รักษาอาการบาดเจ็บต่างๆระหว่างการฝึกซ้อม ของทั้งทีมขาวและทีมดำ) ผลอัลตราซาวด์พบว่าอาการบาดเจ็บมาจากรอยร้าวที่กระดูกซี่โครง ทางเดียวที่จะพอทำให้สามารถขึ้นชกได้คือฉีดยาชาที่บริเวณซี่โครงที่ร้าว เพื่อให้สามารถหายใจในสภาวะใกล้เคียงคนปกติ หายใจแล้วไม่เจ็บจนเกินไป ให้สามารถขึ้นไปชกได้ ให้สามารถถ่ายรายการลุล่วงไปได้
ด้วยความที่ตัวเจี๊ยบเองเป็นหมอ เจี๊ยบประเมินตัวเจี๊ยบเองและรับได้กับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับร่างกายตัวเอง เจี๊ยบตัดสินใจขึ้นชกในสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ หากเป็นคนทั่วไป หรือ นักชกคนอื่น ๆ อาจต้องเลื่อนชกไปอีกเป็นเดือน ๆ จนกว่าซี่โครงที่ร้าวอยู่จะหายดีก่อน หรือ ถอนตัวไปเลย เพราะทุกคนย่อมอยากไปแข่งในแบบที่สภาพร่างกายที่ตัวเองสมบูรณ์ที่สุด ไม่มีใครอยากลงแข่งทั้งๆที่กระดูกซี่โครงตัวเองยังร้าวอยู่
โดยเจี๊ยบเองเป็นคนบอกกับพี่นุ้ย (สุจิรา) บอกกับเชียร์ และคนอื่น ๆ เรื่องกระดูกร้าวและการใช้ยาชาเอง ส่วนตัวเจี๊ยบทราบว่าการกระทำดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ผิด ไม่ใช่มีเจตนาโกง หรือถือเป็นการเอาเปรียบคู่ต่อสู้ หมอผู้รักษาอาการบาดเจ็บของนักกีฬามีจรรยาบรรณและศักศรีในการรักษาคนไข้ทุกคนอย่างเท่าเทียม และตัวเจี๊ยบเองไม่เคยอยากได้ชัยชนะถ้าต้องแลกมาด้วยการทำสิ่งที่ผิด หากเป็นสิ่งที่ผิดจริงเจี๊ยบคงเลือกที่จะไม่ทำ หรือหากทำคงเลือกที่จะไม่บอกใคร เพราะหากเจี๊ยบไม่บอกใครก็คงไม่มีใครรู้ด้วย
ข้อเท็จจริงทางการแพทย์เกี่ยวกับยาชาคือ ยาชาสามารถช่วยออกฤทธิ์ลดทอนความเจ็บปวดได้ในบริเวณเฉพาะจุด เฉพาะที่ฉีดตรงซี่โครงซี่ที่ร้าวเท่านั้น เหมือนเวลาเราไปถอนฟันแล้วหมอฉีดยาชาตรงฟันที่จะถอน เราโดนหยิกขา ขาเราก็ยังเจ็บอยู่ดี ยาชาไม่สามารถออกฤทธิ์ไปทั่วร่างกาย ยาชาเพียงช่วยให้เจี๊ยบหายใจแล้วไม่เจ็บจี้ด ๆ หายใจในสภาวะที่ใกล้เคียงกับคนปกติ หากระหว่างการแข่งเจี๊ยบโดนต่อยหน้า โดนต่อยท้อง หรือโดนต่อยตรงอื่น ๆ ก็มีบาดแผล มีรอยช้ำ ยาชาไม่สามารถช่วยให้เจี๊ยบต่อยได้ดีขึ้น หลบหมัดได้ดีขึ้น หรือมีพละกำลังใด ๆ มากขึ้น และเจี๊ยบไม่สามารถฉีดยาชาทั่วร่างกายได้ เพราะไม่ใช่ใครที่ปวดแขน ก็สามารถมาฉีดยาชาที่แขน ในทางตรงกันข้าม หากฉีดยาชาที่แขนจะทำให้กล้ามเนื้อสูญเสียการควบคุมการทำงานให้ดีตามปติ ทำให้คำนวณแรงในการชกยากขึ้น ลำบากขึ้นกว่าเดิมอีก จึงไม่มีใครเค้าทำกัน
ยาชา (Lidocaine) จึงไม่ใช่สารต้องห้าม และไม่ผิดกฎกติกาสากล (ทั้งนี้เจี๊ยบได้แนบเอกสารอ้างอิงจากองค์กรสากล รายการยาต่าง ๆ ที่ใช้แล้วถือว่าผิดกฎ ซึ่งยาชาไม่มีอยู่ในลิสดังกล่าว) เพราะในความเป็นจริงแล้วตัวคนถูกฉีดยาชาเองเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบในการแข่งขัน
หลังการแข่งมวยเจี๊ยบดูยังแรงดีอยู่เพราะตอนที่ซ้อม เจี๊ยบฝึกซ้อมมาหนักกว่าบนเวทีจริงเยอะ บนเวทีชกแค่ 3 ยก เจี๊ยบซ้อมมา 6-8 ยก หน้าเจี๊ยบไม่มีรอยแผลจากการโดนชก เพราะหมัดส่วนใหญ่โดน Head guard ไม่ได้ปะทะจัง ๆ เข้าที่หน้าเจี๊ยบ และหากหน้าเจี๊ยบถูกปะทะจากการโดนต่อย ยาชาที่กระดูกซี่โครงก็ไม่สามารถมีผลช่วย save เจี๊ยบจากรอยช้ำต่าง ๆ หรือ save เจี๊ยบจากการหน้าแหก ดั้งหัก หรือเลือดกำเดาไหลได้เลย
เจี๊ยบรับงานนี้มาและอยากรับผิดชอบงานตรงหน้านี้ให้จบ ให้สำเร็จ ลุล่วงไป ทีมงานทุกคนเหนื่อยกับการแข่งครั้งนี้มามาก ถามว่าคุ้มไหม ที่ซี่โครงร้าวอยู่ก่อนขึ้นชกแล้วผลสุดท้ายหลังชกเสร็จซี่โครงที่ร้าวอยู่หัก คือสำหรับเจี๊ยบชัยชนะหรือแพ้มันแค่คำตัดสินตามเกมกีฬา ผลจะออกมาเป็นยังไงเจี๊ยบรับได้หมด แต่ที่คุ้มค่าสำหรับเจี๊ยบ คือ เจี๊ยบได้พิสูจน์ตัวเจี๊ยบเอง พิสูจน์ใจเจี๊ยบเอง และเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนที่คิดว่าเราน่าจะทำสิ่งนั้น สิ่งนี้ไม่ได้ หรือคนที่มองและตัดสินไปแล้วว่าเราไม่เก่งพอหรืออ่อนแอ คงสู้เค้าไม่ได้หรอก อยากทำให้เค้าประหลาดใจและรู้ว่าเราทำได้นะ เจี๊ยบทำได้นะ คุณเองก็ทำได้เหมือนกัน เจี๊ยบอยากเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนดูว่า ‘อย่าดูถูกตัวเอง’ และ ‘อย่าเชื่อเวลาใครมาดูถูกความสามารถของเรา’ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเพศไหนขอแค่มีใจที่มุ่งมั่น และอดทนมากพอ คุณสามารถพิชิตสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้เสมอ”
หลังจากที่เจี๊ยบโพสต์ข้อความดังกล่าวไปแล้ว ก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจ ทั้ง “เจ เจตริน, ณัฏฐ์ เทพหัสดินฯ , อ้น ศรีพรรณ, แกรนด์ กรณ์ภัสสร ฯลฯ
และล่าสุด “เชียร์” ได้ออกมาเปิดใจครั้งแรกถึงดราม่าดังกล่าวผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า
“จากวันที่ชกยังไม่มีโอกาสได้พูดบางอย่างเลย ก่อนอื่นต้องบอกว่า เชียร์มาชกรายการนี้ได้เพราะเจี๊ยบเป็นคนโทรมาบอกว่า #10fight10ss2 ติดต่อมา และเชียร์คือคนเดียวที่เจี๊ยบอยากชกด้วย.. พอได้ยินแบบนี้ ไม่คิดอะไรเยอะเลย เออ ให้มันต่อยกับเรานี่แหละ ดีกว่าให้ไปเจ็บกับคนอื่น แต่กลับกลายเป็นว่า ระหว่างทางนี่แหละ…ที่มันทำให้เราค้นพบว่า เห้ย!ต่อยกับเพื่อนเนี่ยยากกว่าอีก😅 เเข่งกีฬาอื่นกับเพื่อนไม่เคยคิดอะไรเยอะ เเต่พอเป็นมวย ยังไงก็ต้องเจ็บ…. นี่เป็นสิ่งที่เชียร์พูดกับคนรอบข้างบ่อยมาก….. แต่สิ่งหนึ่งที่เรา 2 คนมีเหมือนกันคือเชียร์เชื่อเลยว่า เราทำอะไรทำสุด! มันทำให้เชียร์กล้าที่จะขึ้นไปชก และวันนั้นเป็นวันที่คงไม่มีวันลืม… เพราะเชียร์เหมือนมีหมวก 2 ใบ ใบแรก เชียร์ คือ”เพื่อน” ใบที่ 2 เชียร์คือ “Team Black🖤” …. หมวก 2 ใบทำให้เชียร์ตั้งใจชกครั้งนี้ให้สวยงามตามที่ครูสอน บนกติกามวยสากลสมัครเล่นอย่างที่รายการกล่าวไว้ การชกเข้าเป้าอย่างสนุกหมายถึงคะแนน ไม่จำเป็นต้องชกให้เพื่อนเจ็บจนเลือดกำเดาไหลหรืออะไรไม่ใช่สิ่งที่คิดอยากจะให้เป็นแน่นอน….แล้วยิ่งหลังจากชกจบ..มารู้ทีหลังว่า เจี๊ยบเจ็บ มีปัญหาที่กระดูกซี่โครง หนักจนจำเป็นต้องใช้ยาชาถึงจะขึ้นชกได้
ซึ่งพูดตามตรงคือช็อคมาก… กูรู้ว่ามึงเป็นคนมีสปิริต และตั้งใจจริงๆกับทุกเรื่อง แต่สิ่งนึงมึงควรจะบอกกูก่อนที่มันหนักขนาดนี้ กูไม่มีทางยอมให้มึงขึ้นชกแน่ๆ!!ให้กูต่อยได้ยังไงทั้ง ๆ ที่ซี่โครงมึงเป็นแบบนี้ มันอันตรายกับชีวิตมึงเกินไปเจี๊ยบ มึงไม่จำเป็นต้องเสี่ยงขนาดนี้ทุกอย่างมีทางออกเว้ย!! มึงไม่เห็นหรอกว่า หน้าตากูเป็นยังไงตอนที่รู้เรื่องนี้ …. และขอไปแล้วว่าอย่าทำอะไรที่เสียงกับชีวิตขนาดนี้อีก .. สิ่งเดียวที่ดีที่สุดของเรื่องนี้คือ #มึงปลอดภัยนะเจี๊ยบ นี่คงเป็นสิ่งที่อยากจะเขียนบอกมึง… #ขอบคุณที่ทำให้มวยคู่หญิงแรกในรายการมันเซอร์ไพรส์ได้ขนาดนี้
และท้ายนี้เชียร์คิดว่ามาตรฐานความปลอดภัยทางร่างกายเป็นสิ่งสำคัญนะคะ คงไม่มีนักชกคนไหนอยากขึ้นไฟท์ทั้งที่ตัวเองเจ็บและก็คงไม่มีนักชกอยากชกคู่ชกตัวเองที่เจ็บเช่นกัน…. เพื่อความปลอดภัยและส่งผลดีต่อทุก ๆ ฝ่ายค่ะ ด้วยความหวังดีและความเคารพค่ะ”
ซึ่งมีแฟน ๆ เข้าไปให้กำลังใจทั้ง “เจี๊ยบ-เชียร์” กันอย่างมากมาย .-ไนน์เอ็นเตอร์เทน