“ไมค์” น้ำตาคลอ! ไม่คิดพรากลูกจาก “ซาร่า” ลั่นถ้าไม่ได้สิทธิ์ความเป็นพ่อ แต่ที่ตรงนี้ยังเป็นของ “แม็กซ์เวลล์” เสมอ


ตั้งแต่ที่นักแสดงหนุ่มชื่อดัง “ไมค์ พิรัชต์” เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อศาล เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2563 เพื่อขอให้พิพากษาสั่งให้เป็นบิดาชอบด้วยกฏหมาย และมีสิทธิ์ปกครองบุตรในสายเลือดอย่าง “น้องแม็กซ์เวลล์” วัย 6 ขวบ ร่วมกับนางแบบสาว “ซาร่า คาซิงกินี” แต่ทางด้านฝ่ายหญิงขอคัดค้านถึงเรื่องนี้ พร้อมโพสต์ไอจีระบายมีใจความโดยประมาณว่า “แม่ไม่อยากเสียลูกไป ไม่อยากให้ใคร…พรากแก้วตาดวงใจไปจากแม่ แม่จะเข้มแข็ง พร้อมสู้ด้วยใจที่เต็มไปด้วยความรักที่แม่มีต่อลูก” เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลทันที
.
ขณะที่ชาวเน็ตบางส่วนต่างขุดหลักฐานของ “ไมค์” ในการดูแล “น้องแม็กซ์เวลล์” ทั้งค่าใช้จ่ายที่ผ่านมาเกือบ 10 ล้านบาท และเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้(16 ก.ย. 2563) ซาร่าได้มาเปิดใจผ่านทางรายการดัง ถึงเหตุผลที่คัดค้านการขออำนาจปกครองบุตรร่วมกับ “ไมค์” ว่าไม่พอใจที่อีกฝ่ายขอลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ส่งผลให้ลดคุณภาพชีวิตของลูกด้วยเช่นกัน ยืนยันไม่เคยกีดกันให้พ่อลูกเจอกันแน่นอน
.
และล่าสุดช่วงเย็นวันนี้(16 ก.ย. 2563) ดาราหนุ่ม “ไมค์ พิรัชต์” เดินทางมาเปิดใจถึงเรื่องข้างต้น โดยเล่าว่า “ที่ยื่นคำร้องต่อศาล แค่เพื่อได้สิทธิ์บิดาชอบด้วยกฏหมาย และอำนาจสิทธิ์ในการปกครองร่วม ไม่ใช่สิทธิ์ปกครองแต่เพียงผู้ดียว ฉะนั้นคำว่า พรากลูก ไม่น่าจะใช้ในกรณีนี้ได้ ไม่อยากให้แม็กซ์เวลล์ โตมาเห็นว่าผมจะไปพรากลูกจากแม่ การที่เราจะมีสิทธิ์ในตัวบุตร ไม่ได้ทำให้สิทธิ์การเป็นมารดาลดลง สิ่งที่ขอคือเจอลูกได้ปกติ มีส่วนร่วมในชีวิต ไม่ใช่จ่ายเงินอย่างเดียว เราอยากเห็นเขาเจริญเติบโต”
.
“เราไม่ได้เจอลูกมาสักพักแล้ว เจอครั้งสุดท้ายช่วง มี.ค. 2563 เมื่อวันที่ 15 เราเพิ่งกลับจาก ตปท. และไปกักตัวต่ออีก 15 วัน ออกมาวันแรกขอเจอลูก หลังจากนั้นไม่ได้เจอยาวมาจนถึงเดือนเกิดลูก ช่วง ก.ค. ซึ่งก็มีเหตุการณ์หลายอย่างที่ซับซ้อน การไปเจอของเราคือการต้องไปดักเจอที่โรงเรียนหรือไปที่ใต้คอนโด ซาร่าไม่ได้กีดกัน แต่การไปเจอหลังเราขอปรับค่าใช้จ่าย ดูมันค่อนข้างยาก ซาร่าบอกว่าเวลาไม่ตรงกัน แต่มันมีเหตุการณ์ใหญ่ที่เราไม่โอเค คือเราไปรอเก้อที่สนามบิน เราบอกว่าต้องการเจอลูก อยากเอาลูกมาเป่าเค้กกับที่บ้าน เพราะเรารู้ว่าเขาจะกลับภูเก็ต ซาร่าเลยบอกว่าให้มาพรุ่งนี้ เพราะอีกวันเขาจะเดินทาง เราก็คิดว่าน่าจะได้เจอลูก พอวันที่ 10 ก.ค. เราพิมพ์ไปบอกซาร่าว่าจะไปบ่าย 3 และอีกวันจะพาไปส่งสนามบินให้ ก็ใส่ชุดสไปเดอร์แมน ไปรอที่ใต้คอนโด รอเป็นชั่วโมง พอโทรไปเขารับแล้วบอกว่า ยังไม่ได้ตอบตกลงเลย เลยยื้อกันจนได้เจอลูก ได้อยู่กับลูกแค่ไม่กี่นาที”
.
“จนวันถัดมาตอนเช้า ก็บอกว่าให้เรามารับลูก เราก็งงว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก บอกแค่ว่าส่งถึงบ้าน 1 ทุ่ม เพราะเดี๋ยวจะบินไปภูเก็ต ส่วนไฟล์ตบินกี่โมงไม่บอกเราเลย เราเลยไปดักรอที่สนามบิน ตั้งใจเอาของขวัญไปให้ ก็คิดว่าให้เรามาส่ง 1 ทุ่ม ไฟล์ตบินคงหลังจากนั้น ก็ไปรอตั้งแต่ 2 ทุ่มยัน 4 ทุ่ม งงว่าทำไมต้องโกหกว่าลูกบินวันนี้ พอวันต่อมาเรายอมย้ายที่ประชุมไปใกล้ที่ลูกเรียน เพื่อไปดักเจอลูก ปรากฎลูกยังอยู่ ยังไม่กลับภูเก็ต ยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงเจอลูก เอาลูกมานอนด้วยไม่ได้ ผมถ่ายรูปทันแล้วส่งไปหาเขาว่า ทำไมต้องทำแบบนี้ ไม่เข้าเหตุผล หลังจากนั้นเขาไม่ตอบผมอีกเลย”
.
ในสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ เชื่อว่าทุกคนเจอหมด เราก็ต้องคิดถึงความั่นคง ถ้าจ่ายปีละ 8-9 แสนต่อปีมันไม่ไหว อาชีพดาราไม่มั่นคง คิดว่าจะลองหาที่อื่นดู ก็ไปเดินสายตามที่ต่าง ๆ เหลือที่เดียวที่คิดว่าดีสุดในสถานการณ์แบบนี้ คือ รร.เลิศหล้า ค่าเทอม 1.5 แสนบาท ราคาสมเหตุสมผล มีสอนทั้งไทยและอังกฤษ มีสอนพระพุทธศาสนา ก็คิดว่าดูดีสุดแล้ว มีคุยว่าจะแชร์ค่าใช้จ่ายไหม ในสถานการณ์แบบนี้ เหมือนเขาจะรับฟัง แต่ก็ไม่มีคำตอบอะไร
.
เรื่องคอนโดให้ไปอยู่ห้องเช่าเดือนละ 4 พันบาท เรื่องนี้ไมค์เผยว่า “คุณภาพชีวิตอยู่ที่แต่ละคนจะตีความหมาย เรื่องโรงเรียนเราก็เลือกให้ เรื่องคอนโดที่เราเสนอเข้าไป ว่ามันมีใกล้ ๆ คอนโดที่ดีไม่จำเป็นต้องแพง เราเลยส่งตัวเลือกไปตั้งแต่เรท 4 พันกว่า – หมื่นสาม มีสระว่ายน้ำ มีฟิตเนส มีสนามเด็กเล่น ทุกอันที่เราดู คิดว่าถ้าเราอยู่ได้ลูกเราก็น่าจะอยู่ได้ แต่ไม่เคยได้คำตอบ ไม่ได้บังคับให้อยู่ห้องละ 4 พัน ส่วนเรื่องบีบให้ออกด้วยการตัดน้ำ ตัดไฟ คือตรงนั้นไม่ใช่คอนโดผม เราไปขอร้องพี่ชายว่าให้หลานอยู่ อยู่มาตลอดไม่มีปัญหา แต่พี่เราก็โดนพิษโควิด เขาทำธุรกิจห้องเช่า แล้วห้องนั้นเป็นห้องเดียวที่จะปล่อยได้ ให้ไปคุยกับซาร่า เราก็คุย ให้เวลา 2-3 เดือน
.
และมีช่วงที่เขาไปภูเก็ต เราเลยไปคอนโด แต่เราไม่รู้พาสเข้าห้อง แต่เห็นมีผู้ชายไม่คุ้นหน้า อายุ 40 กว่า ๆ งงว่ามาทำอะไรโดยพละการ ทราบว่าเป็นคนขับรถ แต่ไม่ใช่คนเดียวกับที่เราจ้าง คาดว่าเป็นสามีของป้าที่เป็นพี่เลี้ยงแม็กซ์เวลล์ พอเราบอกเรื่องนี้กับพี่ชาย เขาก็ไม่โอเค เลยตัดสินใจ ตัดคีย์การ์ดกับตัดน้ำ ตัดไปแค่ 5 วันเอง การที่มีคนแปลกหน้ามาอยู่ตรนี้ ก็ต้องระวังไว้ก่อน ยืนยันเขาไม่คุยกับเราก่อนได้หมายศาล เพราะหมายได้ 18 ก.ค. ถามอะไรก็ไม่ตอบ
.
เป็นพ่อแต่ต้องดักเจอลูก เพราะเหตุการณ์แบบนี้หรือเปล่า ทำให้เรายื่นศาล “มันมีรายละเอียดเยอะมากจริง ๆ พูดเท่าไหร่ก็ไม่หมด และไม่อยากจะพูด เพราะมันจะกระทบกับลูก ที่ผ่านมาก็ดีมาโดยตลอด แต่ที่ชัดคือพอเราไปขอลดค่าต่าง ๆ ก็เริ่มเกิดปัญหาถี่ขึ้นเรื่อย ๆ มีเรื่องที่เราไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อย ๆ และเราอยากได้คำตอบ ที่ผ่านมาเราจ่ายมาโดยตลอด จ่าย 100 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่แม็กซ์เวลล์คลอด ทั้งที่ไม่มีการคุย ไม่มีลายลักษณ์อักษร เราอยากรับผิดชอบ
.
ส่วนเรื่องบ่ายเบี่ยงเซ็นรับรองบุตร คือเราโอเคตั้งแต่วันแรกแล้ว มันมีเหตุผลอะไรที่เราจะไม่เซ็นเอกสารนี้ แค่กระดาษใบนึง แต่เขาไม่ให้เซ็น แล้วให้ลูกเป็นคนตัดสินเองว่าจะให้เป็นพ่อไหม เราก็โอเค แล้วที่ผ่านมา 6 ปีมีใครมองผมบ้าง กระดาษใบหนึ่งมันสำคัญกว่าการกระทำหรือ ต่อให้โดนสังคมด่า เราขอพิสูจน์ด้วยการกระทำ การไปทำงาน ไปอยู่ ตปท. เป็นปี ๆ ห่างครอบครัว ห่างลูก แปลว่าเราไม่รัก ไม่ดูแลลูกเหรอ ที่ผ่านมาจ่ายเกือบ 10 ล้านแต่เรารู้สึกไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจในลูกมากเท่าที่ควร เราไม่ได้มีแค่ค่าใช้จ่ายของลูก ต่อปีผมจ่าย 10 ล้าน แต่ทุกวันนี้เรายังจ่ายเงินเดือนลูก 3 หมื่นอยู่ปกติ แต่อื่น ๆ ขอตัดตั้งแต่เดือน มี.ค.
.
เรื่องที่เขาไม่ให้สิทธิ์ปกครองลูก เพราะกลัวเซ็นเอกสารต่าง ๆ ลำบาก “ที่ผ่านมาเขาก็เคยมาบอกเรา เราก็แค่พิมพ์อีเมลส่งกลับไป แต่มีครั้งหนึ่งในต้นปีที่มีการล่าช้า เขาต้องการไปต่อพาสปอร์ตแม็กซ์เวลล์ ในช่วงโควิดระบาดหนัก ซึ่งสถานที่ราชการคนมันเยอะ เแต่เราไม่ทำให้ช่วงนั้น ทำไมต้องรีบบิน รอโควิดหมดก่อนไหม ในใจไม่มีสักแว๊บทีอยากเอาน้องมาเลี้ยงเอง ลูกต้องการแม่และพ่อ จะขาดใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ ส่วนกระแสข่าวซาร่ามีลูกอีกคน เราไม่ขอไปยุ่ง ไม่ใช่เรื่องของผม ถ้าอยากรู้ต้องไปถามเขาเอง เขารู้แก่ใจอยู่แล้ว”
.
“รู้ว่าวิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือการเงียบ ถ้าตอบโต้ไปมันไม่จบ ผลเสียตกที่ลูก จะมาต่อสู้กันได้อะไร ถ้าชนะแล้วจะรู้สึกชนะจริง ๆ ใช่มั้ย ส่วนคนที่คอมเมนต์ตำหนิเรา ด่าเราไม่ว่า แต่อย่าไปถึงครอบครัว ขอโทษครอบครัวที่เราลากเข้ามาในปัญหาอะไรก็ไม่รู้ ทั้งที่เป็นปัญหาของเรา ความผิดพลาดของตัวเอง แต่มันไม่ได้แปลว่าเราจะผิดพลาดไปทั้งชีวิต แค่แก้ไข เรียนรู้ และอยู่กับมันให้ได้ ฉะนั้นอย่าด่าไปถึงครอบครัว”
.
หากอนาคตแม็กซ์เวลล์มาเจอคลิปนี้ อยากบอกว่ามันเป็นเรื่องปกติ แด๊ดดี้เป็นดารา ยังไงก็ต้องเจอแบบนี้ เราอยู่ในที่สว่าง เรื่องพวกนี้มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ แด๊ดดี้เลือกอาชีพไม่ได้ โตมาแบบนี้ เดินเส้นนี้มาตลอด และที่เป็นแบบนี้ ไม่อยากให้แม็กซ์เอาไปเป็นปม มันไม่ใช่ปม แม่และแด๊ดดี้ รักพี่แม็กซ์ที่สุดอยู่แล้ว แต่ปัญหาของผู้ใหญ่ก็แก้วันนี้ ก่อนที่ลูกจะโต ไม่ต้องคิดน้อยใจว่าทำไมครอบครัวไม่ปกติเหมือนคนอื่น หลังจากนี้อยากให้รู้ว่าไม่ว่าใครจะพูดอะไร วันนี้จนวันตายก็จะรักและไม่มีวันทอดทิ้งพี่แม็กซ์ ถ้าวันนึงเราไม่ได้อยู่กับพี่แม็กซ์ ที่ตรงนี้ก็เป็นของพี่แม็กซ์เสมอ
.
คำท้าอยากเจอกลางรายการของซาร่า “ก็เจอได้ครับ ไม่มีปัญหา ไกล่เกลี่ยกันได้ คุณต้องการอะไรแล้วมาคุยกัน บนเหตุผลบรรทัดฐานความพอดี แต่ใจจริงอยากเคลียร์หลังบ้าน ไม่อยากออกมาพูดต่อหน้าสื่อแบบนี้ จบยังไงก็ได้ให้ดีต่อแม็กซ์ สิ่งที่ต้องการคือการเจอ มีสิทธิ์ตัดสินใจในชีวิตลูก เรื่องค่าใช้จ่ายให้พอดี ไม่จำเป็นต้องสูงเกินไป เอาตรง ๆ ยังไม่ทราบปัญหาคืออะไร แต่ไม่คิดเครียดแค้นซาร่า ไม่มีอะไรจะบอกผ่านสื่อ ถ้าจะคุยคือคุยภายใน แต่ตอนนี้ตอบไลนก่อน เรื่องโรงเรียน เราไม่ได้ไปลดคุณภาพชีวิตลูก”
.
ด้านทนาย “เจมส์ นิติธร” เสริมว่า “การยื่นคำร้องคือยื่นช่วง มิ.ย. ยื่นก่อนมีข่าว ดาราสาวท้องกลางกองถ่าย มันไม่เกี่ยวกัน สมมติในอนาคตเขามีครอบครัวก็เรื่องของเขา แต่ถ้ามีผลกระทบกับเด็ก หน้าที่ของพ่อค่อยออกมา หน้าที่บิดามารดาโดยกฎหมาย ต้องจดทะเบียนสมรสก่อน แต่ถ้าไม่จด แล้วพ่อทิ้งลูกไป แม่ไม่สามารถไปเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู ต้องฟ้องให้ศาลสั่งก่อน พ่อถึงจ่ายค่าเลี้ยงดู การที่ยื่นศาลเด็กไม่เสียผลประโยชน์ พ่อต่างหากที่ต้องเสียเงิน ถ้าขึ้นศาลต้องมีกำหนดชัดเจน ไมค์ดิ้นไม่หลุด นี้คือการทำเอกสารมัดตัวไมค์นะ ส่วนอำนาจการปกครองลูก ต้องให้ศาลพิจารณา แต่ส่วนใหญ่ศาลจะให้ปกครองร่วมกัน และที่เรายื่นไป มีแค่ 2 ข้อ 1.ขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ร้อง เป็นบิดาโดยกฎหมาย 2. ขอมีอำนาจปกครองร่วมกัน น้องอยากมีอำนาจปกครองร่วมก็อยู่ที่ดุลยพินิจ”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 236 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม