“สายป่าน” จ่อยื่นฟ้องหมิ่น หลังถูกดิสเครดิตธุรกิจ ทำเสียหายหลักล้าน


จากกรณีดาราสาว “สายป่าน อภิญญา สกุลเจริญสุข” ออกมาโพสต์เตรียมดำเนินการทางกฎหมาย คนให้ร้ายโจมตีธุรกิจที่ตนเองกำลังเริ่มทำ ด้วยการหอบหลักฐานที่มีทั้งหมดเข้าปรึกษาทนายความที่นับถือทันที พร้อมประกาศลั่นผ่านไอจีด้วยว่า ‘รอบนี้จะไม่ทน เอาให้หนัก’ ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. 2563 ที่ผ่านมา
.
ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้(13ส.ค.2563) สายป่านพร้อมด้วย นายเกรียงชัย วิศิษฏ์สรอรรถ ทนายความ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวชี้แจงถึงประเด็นข้างต้น เผยว่า “ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าป่านค่อนข้างคลุกคลีกับวงการดำน้ำ เพราะส่วนตัวเราชอบการดำน้ำอยู่แล้ว ก็เลยมาจับธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์ดำน้ำ(ตีนกบ) คือเป็นครั้งแรกที่ป่านทำธุรกิจ ไม่นับร้านกาแฟที่เป็นธุรกิจครอบครัว”
.
“16 มิถุนายนที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กยูสเซอร์นึง ซึ่งป่านมาสืบทราบภายหลังว่าเขาเป็นครูสอนว่ายน้ำที่สระนึงแถวรังสิต เขาโพสต์เฟซบุ๊กโจมตีธุรกิจที่ป่านทำอยู่ เป็นภาพอุปกรณ์ดำน้ำของบริษัทป่าน ทำให้คนเข้าใจผิดว่า ป่านหลอกขายของไม่ได้คุณภาพ มีคนเข้ามารุมคอมเมนต์ เรียกว่าสร้างความไม่น่าเชื่อถือให้กับเรา สร้างความเคลือบแคลงใจให้กับลูกค้าใหม่และลูกค้าที่ซื้อของของเราไปแล้ว ซึ่งป่านยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเกิดจากการใช้งาน ไม่ใช่ตัวสินค้า แต่เขาไปเขียนว่าของที่ซื้อจากร้านเนี่ยมีปัญหา มันส่งผลกระทบกับธุรกิจป่านมาก ยอดขายตกลงเป็นหลักแสนหลักล้าน คือเขาไปโพสต์แบบนั้น มันไม่ใช่เรื่องราวที่เป็นความจริง สิ่งที่เขาโจมตีมันมีผลกระทบทั้งในชื่อของตัวสายป่าน อภิญญาเอง และทางบริษัทป่านด้วย ป่านเลยต้องออกมาชี้แจงในวันนี้
.
ดาราสาวยังเล่าอีกว่า “หลังจากอีกฝ่ายโพสต์ เราก็สืบค้นจนรู้ว่าเขาเป็นใคร ป่านก็ได้มีส่งข้อความไปหาเขา บอกว่าการกระทำของเขาแบบนี้ ว่ามันไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของตีนกบอันนี้จริงๆ นะ แล้วทำแบบนี้มันทำให้คนหลงเชื่อ และเข้าใจผิดได้ เขาก็ตอบมาว่าโอเค เขาลบโพสต์ไป แต่ไม่ได้แก้ไขข้อมูล ไม่ได้กอบกู้ชื่อเสียงให้ป่านที่มันเสื่อมเสียไป จำได้ว่าตอนนั้นมันมีกว่า 65 คอมเมนต์ที่เข้ามาพิมพ์กันสนุกสนาน ตอนนี้ก็กำลังรวบรวมเอกสาร เตรียมยืนฟ้องร้องหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายด้วย คงต้องไปคุยกันในศาล อย่างที่บอกมันเป็นธุรกิจจริงจังของป่านครั้งแรก ลูกค้าที่เข้าใจก็มี แต่ลูกค้าที่ไม่เข้าใจ ป่านก็เสียใจ เราจะพยายามสู้ต่อไป”.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน


เข้าชม 211 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม