เรียกว่าดราม่าโหมกระหน่ำไปเลย สำหรับลูกทุ่งสาว “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” หรือ รัชนก สุวรรณเกตุ เจ้าของค่ายเพลงดังที่เริ่มมีศิลปินในค่าย จนล่าสุดสถานการณ์โควิด-19 เบาบางลง และยังคงต้องเฝ้าระวังกันอย่างต่อเนื่อง ลูกทุ่งสาวได้เริ่มกลับมาจัดงานคอนเสิร์ตอีกครั้ง แต่กลับมีดราม่าตามมาทันที หลังภาพที่ออกมามีแฟนเพลงแห่ไปชมกันอย่างเนื่องแน่น ไร้การใส่มาสก์ป้องกันระหว่างดูคอนเสิร์ต รวมถึงบนเวทีมีการใช้ทิชชู่เช็กเหงื่อนักร้องแล้วโยนให้แฟนๆ ที่มาชม จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปในวงกว้างทันที
ทำเอาผู้จัดงานคอนเสิร์ตดังกล่าวที่กระบี่ รีบออกมาเคลียร์เรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมไปถึงผู้ว่าฯ จ.นครศรีธรรมราช ก็ออกมาชี้แจงเช่นกัน หลังจากถูกนายกฯ สั่งให้เรียกสองทั้ง 2 จังหวัด เพื่อป้องกันหวั่นมีการแพร่กระจายเชื้อเกิดขึ้น ขณะที่ในเฟซบุ๊กของแม่”เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ได้ออกมาโพสต์ให้กำลังใจลูกสาว ระบุว่า “อยู่บนโลกนี้เราจะอ่อนแอไม่ได้ เพราะคนใจร้ายมันเยอะ ✌️ลูกต้องเชื่อคำที่แม่สอนนะ แม่อยู่เคียงข้างลูกเสมอ แม่ยังผ่านมาได้เลย” แต่กลับมีชาวเน็ตบางคนเข้ามาคอมเมนต์ต่อว่าคุณแม่กลับเช่นกัน
และเมื่อช่วงดึกคืนวันที่ 28 ก.ค. 2563 “ลิลลี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” น้องสาวเจนนี่ ได้ออกมาไลฟ์สดระบายความในใจ หลังมีคนเข้ามาต่อว่าคุณแม่ตัวเอง โดยพูดทำนองเสียใจว่า ทำไมต้องว่าแม่ด้วย แม่ไม่ได้ผิดอะไร พี่เจนนี่เครียดมาก ฝากให้แฟนๆ เข้าไปให้กำลังใจพี่เจนนี่ด้วย และก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเล่นคอนเสิร์ตอีกเมื่อไหร่ แต่ถ้ามีคอนเสิร์ตอีก ก็อยากให้แฟนๆ ทุกคนใส่มาสก์และดูแลตัวเอง”
ทั้งนี้ดราม่าไม่จบง่ายๆ หลังมีเพจหนึ่งออกมาโพสต์แฉค่ายเพลงของสาวเจนนี่อีกครั้ง ทำนองว่าค่ายเพลงนักร้องสาวไม่แบ่งผลประโยชน์ให้นักร้องชายที่ร่วมร้องเพลงจนโด่งดัง ตามที่ตกลงกันไว้แต่แรก โดยฝ่ายนักร้องชายก็อดทนมาตลอด และยังบอกอีกว่าอันนี้เเค่น้ำจิ้มแต่ยังมีอีกหลายเรื่อง งานนี้มีชาวเน็ตเข้ามาที่วิจารณ์กันสนั่นโลกโซเชียลในทันที
.
ล่าสุดเจ้าของค่ายเพลงดัง “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” ออกมาโพสต์ชี้แจงยาวเหยียด ถึงดราม่าค่ายโกงเงิน ว่า “ค่ายเพลงได้หมดถ้าสดชื่น ไม่เคยโกงค่าตัวใครนะคะ อีกอย่างค่ายก็เคยชวนน้องมาเป็นศิลปินในค่าย แต่ตอนนั้นน้องได้ปฏิเสธไป ทางเราก็ไม่ว่าอะไรเพราะมันเป็นสิทธิของน้อง แต่ปัญหาเกิดขึ้นหลังจากที่คุณพ่อของน้อง โทรมาขอแบ่งยอดวิว 30% จากรายได้ด้วยคำพูดที่ไม่เหมาะสม ตอนนั้นก็ยอมรับว่าตกใจมากที่คุณพ่อของน้องพูดจาไม่ค่อยดีนัก ซึ่งทางค่ายตอบไปว่าให้ไม่ได้เพราะไม่ได้ตกลงกันตั้งแต่แรกแต่ถึงแม้ว่าทางค่ายไม่แบ่งค่ายอดวิวให้น้องก็จริง ตอนเพลงดังใหม่ๆก็เคยโอนเงินไปให้เพิ่ม 20,000 บาท แต่ทางน้องไม่สบายใจที่จะรับและโอนคืนมาโดยที่น้องไปหาเลขบัญชีมาจากไหนก็ไม่รู้ เราไม่เคยนิ่งเฉยกับน้องเพราะน้องเป็นเด็กน่ารัก
.
ทุกวันนี้ยังเสียดายที่น้องไม่ได้อยู่ในค่าย มีงานรีวิวเข้ามาเราเคยขายงานน้องให้โดยไม่หักค่านายหน้าเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท มีงานคอนเสิร์ตเข้าก็ขายงานให้น้องตลอด แต่เนื่องจากน้องอยู่กทม. เจ้าภาพจึงสู้ราคาไม่ได้ เพราะต้องมีค่าเดินทางเพิ่ม เราจึงไม่ได้ออกงานคู่กันเลย ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่มีผู้ใหญ่ฝั่งน้องโทรไปให้ข้อมูลที่เป็นเท็จกับเพจตลาดล่าง แทนที่จะมาพูดกับทางเราตรงๆ เพราะตอนเกิดปัญหาใหม่ๆทางเราเคยโทรไปเพื่อจะเจรจาแล้วแต่ทางฝั่งน้องไม่รับสาย และไม่โทรกลับอีกเลย ติดต่องานไปช่วงหลังๆน้องก็ไม่ค่อยตอบ จนกระทั่งน้องลบเพื่อนในเฟสบุ๊คไป เราก็ไม่ติดต่อกันอีกเลย
จนถึงวันนี้วันที่ค่ายเราประสบปัญหามากมาย ทางผู้ใหญ่ของน้องเลือกที่จะใช้เพจตลาดล่าง เพจที่โจมตีเรามาตลอด ในการเป็นสื่อเพื่อออกมาให้การเท็จ เพราะผู้ใหญ่ฝั่งน้องรู้ดีถ้าเล่นทางเพจนั้นจะมีคนเข้าข้างอย่างแน่นอน ทำไมพวกท่านไม่มาคุยกันตรงๆ ทำไมใช้วิธีแบบนี้ เพราะอย่างน้อยที่ผ่านมาเราให้เกียติน้องทุกครั้งที่เจอน้องมาโดยตลอด ทำไมพวกท่านเลือกใช้ช่วงเวลาที่เรากำลังอ่อนแอ เลือกเพจที่จ้องแต่จะทำร้ายเราในการเป็นสื่อกลาง ตอนแรกอยากนิ่งเฉยเพราะเราเหนื่อยมากพอแล้วกับทุกปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้พวกคุณกำลังใส่ร้ายเรา เราจึงขออนุญาตออกมาปกป้องตัวเอง”
.
ส่วนประเด็นดราม่าจัดคอนเสิร์ตแต่การ์ดตก ไร้ใส่มาสก์-คนเบียดแน่น สาวเจนนี่ เผยเพียงว่า “ส่วนดราม่าอื่นๆปล่อยให้เป็นไปตามกระแส คำตัดสินจะออกมายังไงค่อยว่ากัน เราทำดีที่สุดแล้ว ผิดก็ว่าไปตามผิด เราพร้อมแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน” จากนั้นมีแฟนคลับเข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจอย่างล้นหลาม.-ไนน์เอ็นเตอร์เทน