ไม่ป่วยไม่แก่เร็ว แค่สุขให้ได้แม้เป็นสุขเล็ก ๆ


         การหวนคืนจอแก้วของพระเอกตลอดกาลอย่าง
คุณแซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี ทำให้หลายคนต่างพูดถึง นอกจากฝีไม้ลายมือในการแสดงแล้ว
ยังมีคำถามมากมายถึงการดูแลตัวเองให้คงความดูดี ความหล่อที่ไม่ลดลง เขาทำอย่างไร

            คุณแซม-ยุรนันท์ ได้เล่าถึงการดูแลสุขภาพในวัย
57 ปี ว่า คงบอกไม่ได้ว่าไม่เปลี่ยนแปลง แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบที่ยังดูได้
เพราะส่วนตัวมีคลินิกและโรงพยาบาล ทำให้ได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องสุขภาพมากกว่าคนอื่น
แต่ถ้าให้ย้อนไปสมัยหนุ่ม ๆ ยอมรับว่า ไม่เคยดูแลตัวเองเลย ใช้ร่างกายได้คุ้มเกินคุ้มมาก
ๆ ตั้งแต่วัยรุ่นเป็นดีเจในดิสโก้เธค เลิกงานดึก ๆ พอได้มาเป็นนักแสดง เป็นพระเอก
ก็ถ่ายภาพยนตร์ ถ่ายละครหามรุ่งหามค่ำแทบไม่ได้นอน แถมยังไปเที่ยวต่ออีก แต่โชคดีที่คุณย่าเป็นหมอ
คุณพ่อเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข เรื่องอนามัยคนในครอบครัว
คุณพ่อจะเป็นคนดูแล แต่ด้วยความที่อยู่ในวงการบันเทิง กินนอนไม่เป็นเวลา
ผ่านมาได้ก็ถือว่าโชคดีมาก กระทั่งเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว
ตั้งใจจะหยุดวงการบันเทิง ก่อนจะหยุดก็มาทำธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ
เพราะเริ่มห่วงตัวเองจะแก่ จึงไปเรียนด้าน  
Anti-Aging 


            “ตอนนั้นที่ตั้งใจจะไปเรียนทั้งที่ตัวเองไม่เคยเรียนหมอ
ต้องไปขอกับอธิการบดี เพื่อขอเข้าไปเรียนด้วย แต่พอเข้าไปตอนแรกก็ฟังไม่รู้เรื่อง
ทำให้ต้องอ่านและถามมากขึ้น สุดท้ายก็เรียนจนจบปริญญาโท
และได้สอบในหลักสูตรของอเมริกันด้วย จากนั้นก็ได้ทำคลินิกดูแลสุขภาพ ปีนี้เป็นปีที่
10 แล้ว”คุณแซมอธิบาย

            สำหรับการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง
คุณแซม แนะว่า เหมือนที่เรียนมา แค่นอนให้พอ กินให้ครบหมวดหมู่ ขยันออกกำลังกาย
สูดอากาศที่บริสุทธิ์ อากาศที่มีออกซิเจนที่เพียงพอ ที่สำคัญคือ
ต้องมีสุขภาพจิตทีดี คิดดี คิดบวก ซึ่งถ้าทำครบทั้งหมด ก็จะไม่ป่วย ไม่แก่
พอไปเรียนถึงได้รู้ว่า บางเรื่องเป็นเรื่องของการเอาใจใส่
บางครั้งการอ่านเยอะฟังเยอะก็ทำให้วิตกกังวลว่าเป็นโรคนั้นโรคนี้
แต่ถ้าทำครบที่บอกไป ก็จะไม่ป่วย เมื่อไม่ป่วยก็จะไม่แก่ เพราะเมื่อหายป่วย
ร่างกายจะต้องฟื้นฟู เท่ากับต้องเบิกเซลล์ที่อยู่ในคลังร่างกายออกไปใช้  ก็ทำให้แก่เร็วกว่าคนอื่น ส่วนเรื่องการออกกำลังกาย
ส่วนตัวในโรงพยาบาลก็มีห้องฟิตเนสอยู่ด้วย และมีเทรนเนอร์ที่เข้าใจ
ทำให้ได้ออกกำลังกายอย่างมีคุณภาพ

            “มีเรื่องเข้ามากระทบจิตใจได้
แต่อย่าปล่อยให้มากระเทือนกระแทกใจ ขึ้นอยู่กับเราว่าเรารับเข้ามามากแค่ไหน
ที่เหลือปล่อยออกไปอย่างไร 
หลังจากที่พี่ได้ไปบวชมาก็ทำให้ได้เห็นอะไรเยอะขึ้น  ทั้งหมดอยู่ที่วิธีคิด
ซึ่งก็ได้สอนไปถึงลูกและลูกน้อง ยิ่งคิดมากก็โกรธมาก แต่ถ้าเรารับมาแล้วกองไว้ก่อน
ค่อย ๆ เอามาคิดทีละเรื่อง อย่ารับมาไว้เต็ม ๆ แล้วก็ไม่รู้จะมีวิธีเอาออกอย่างไร
มีสติมาก ๆ ไม่รู้จะโกรธไปทำไม โกรธไปเราก็ทุกข์ เราก็แก่ เราให้อภัยดีกว่า
สิ่งสำคัญคือ พยายามสุขให้ได้แม้จะเป็นสุขเล็ก ๆ  อย่าไปตั้งความหวังกับสิ่งใหญ่ ๆ เป้าหมายไกล
แล้วไขว่คว้าให้ได้ ก็ยากอยู่แล้ว  แต่ที่ยากไปอีกคือจะรักษาเอาไว้อย่างไรให้อยู่กับเรานาน


            คุณแซม ยังบอกอีกว่า
การเป็นนักแสดงจนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่พอได้มาแล้ว
จะรักษาเอาไว้มันยากมากจริง ๆ อยู่ในวงการบันเทิงมา 30 ปี
ยากที่สุดคือการรักษามันไว้ การแบกความเป็นพระเอกอันดับ 1
แบกความหวังว่าเราต้องเก่งขึ้น หล่อขึ้น ดีขึ้น และเป็นที่นิยม มันยากมาก
แต่พอเราหยุดไป 10 กว่าปี กลับมาอีกครั้ง ไม่ยากเลย เพราะไม่ต้องแบกอะไรไว้เลย
ยิ่งตอนนี้ลูกโตแล้ว ไม่ต้องมีอะไรต้องแบก ไม่มีอะไรต้องห่วงอีก
ชีวิตที่เหลือก็เป็นกำไร

            สำหรับเรื่องของสังคมผู้สูงอายุ
คุณแซม มองว่า เป็นปัญหาระดับโลกเพราะเอาเรื่องของตัวเลขมากำหนดว่าอายุเท่านี้คือผู้สูงอายุ
อายุ 60 ต้องเกษียณแล้ว จริง ๆ อยากจะบอกว่า ตัวเลขไม่ได้มีผลต่อความเสื่อม
เพราะตัวเองอายุ 57 แล้ว ก็ยังทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง ไม่อยากให้เอาอายุมากำหนดความแก่
รัฐบาลต้องให้ความสำคัญอย่างจริง จัง ในการทำอย่างไรให้ผู้สูงอายุ
อยู่ได้อย่างมีความสุข  

            มีความสุขในทุก ๆ วัน ทำแล้วมีรอยยิ้ม ชีวิตจะมีความสุข สดใส
ไม่ป่วยและไม่แก่” คุณแซม ทิ้งท้ายไว้

 

 #Youngเก๋า

#คลื่นความคิด

เข้าชม 18 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม