แค่เพียงเปิดใจ หาสิ่งที่ชอบร่วมกัน อายุไม่ใช่ปัญหา


เรื่องของอายุที่แตกต่างกันของคนในครอบครัว
ย่อมเกิดช่องว่างระหว่างวัยที่จะส่งผลต่อความสัมพันธ์
ส่วนความสัมพันธ์นั้นจะใกล้ชิดหรือห่างไกลขึ้นอยู่กับการปรับตัวเข้าหากันและกัน  หลายครั้งผู้ที่อยู่ในวัยรุ่นมักจะทำตัวห่างเหินปู่ย่าตายายด้วยเพราะไม่รู้จะเข้าไปพูดคุยเรื่องอะไร
หรือเข้าไปอย่างไร ขณะที่ผู้อาวุโสเองก็ตีความไปก่อนว่า
วัยรุ่นสมัยนี้ไม่สนใจผู้หลักผู้ใหญ่
ต่างคนต่างมองคนละมุมเมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวโดยเฉพาะความสนิทสนมของย่ากับหลาน
ก็ทำให้นึกไปถึง นายสัตวแพทย์ฝั่งนที ประภาสะวัต หรือคุณชายฝั่ง ประธานกิจการเพื่อสังคมโนว์อาร์
เจ้าของโรงเรียนคู่ขนาน และผู้เชี่ยวชาญด้านการแนะแนวการศึกษาและพัฒนาคน

 ภาพคุณย่าขี่หลังหลานชาย นั่นก็คือ คุณชายฝั่ง
ได้รับการนำเสนอผ่านบทสัมภาษณ์หลากหลายสื่อ สร้างรอยยิ้มให้ผู้อ่านได้อย่างดี


เมื่อมีโอกาส จึงขอไปพูดคุยกับคุณชายฝั่ง
ซึ่งเขาเล่าให้เราฟังด้วยน้ำเสียงร่าเริง ว่า 
ตอนนี้ คุณย่าอายุ 91 ปีแล้ว แต่ยังแข็งแรง คุณย่าเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก
เหมือนเป็นแม่คนที่สอง พอเขาโตมาก็ออกมาอยู่คนละบ้าน จะเจอกันก็เสาร์อาทิตย์
บ้านคุณย่าเป็นบ้านสวน คุณย่าแข็งแรง ก็เลยไปเที่ยวกับคุณย่าได้
เวลาไปต่างประเทศก็ชวนคุณย่า
ไป Backpack  แต่ช่วงวัยรุ่น คุณชายฝั่ง
ยมอรับว่า ใช้เวลากับคุณย่าน้อยลงไปบ้าง พออายุ 24-25 ปี
ก็เริ่มกลับมาคิดถึงเรื่องครอบครัว อยากมีเวลาให้กับครบอครัวมากขึ้น
และโชคดีที่คุณย่ายังอยู่ให้ดูแล ขณะที่คุณปู่เสียไปแล้ว ทำให้คิดว่า
เราไม่มีทางรู้ว่า ผู้ใหญ่ในบ้านของเราจะอยู่กับเราไปนานเท่าไหร่
ฉะนั้นถ้าพอมีเวลา ก็อยากใช้เวลาที่มีอยู่กับคุณย่าให้มากที่สุด
พยายามแบ่งเวลาจากธุรกิจแม้จะไม่ค่อยมีเวลาที่แน่นอน บางครั้งก็เอางานมาทำที่บ้านคุณย่า
เรื่องการพูดคุยก็คุยกับเหมือนเพื่อน เพราะคุณย่าเป็นคนห่าม ๆ เล่นกันแรง ๆ แซวแรง
ๆ ได้

            คุณชายฝั่ง เล่าถึงการดูแลสุขภาพของคุณย่า
ว่า คงไม่ใช่เทคนิคพิเศษ แต่ชีวิตประจำวันของคุณย่าทำให้ย่าแข็งแรงได้
ด้วยความเป็นบ้านสวน  จะปลูกผักต่าง ๆ
จึงก็ไม่ค่อยได้ซื้อ อาหารก็จะไม่มีสารพิษ และทุก ๆ วัน
คุณย่าจะออกไปสวนเพื่อตัดกล้วย ตัดหญ้า ก็ถือเป็นการออกกำลังกาย ก็ทำให้แข็งแรง

            “ผมว่า เราไม่ควรห้ามผู้สูงอายุทำอะไร
เพราะจะทำให้เขาเฉา ผมเคยพาคุณย่า มาอยู่ที่ทำงานที่งามวงศ์วาน
คุณย่าก็เดินไปเดินมา ค่อนข้างจะหงุดหงิด เพราะไม่มีพื้นที่ มีแต่โต๊ะเก้าอี้
และคอมพิวเตอร์ เหมือนไม่ใช่ที่ของตัวเอง พอชวนมาที่ทำงานอีก
คุณย่าก็ไม่มาแล้ว  จริง ๆ
ผมจ้างแม่บ้านให้มาดูแลคุณย่าด้วย แต่ไม่ได้ให้ทำทุกอย่างแทนคุณย่านะ แค่ให้มาคอยอยู่ใกล้
อยู่เป็นเพื่อนมากกว่า คอยระวังอันตรายก็พอ”


            คุณชายฝั่ง เล่าต่อไปอีกว่า คุณย่า เป็นคนอารมณ์ดี
และเป็นคนเข้มแข็งเพราะไม่เคยเห็นย่าร้องไห้เลย แม้จะเจอเรื่องหนัก ๆ  พอผ่านไปย่าก็หัวเราะได้
อาจเพราะคุณย่าไม่เก็บเรื่องมาคิด
เวลาไปเที่ยวต่างประเทศกับคุณย่าทำให้ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันเต็มที่ ช่วงแรก ๆ
คุณย่าก็จะตื่นเต้นเวลาขึ้นเครื่องบิน ย่าก็รู้สึกได้ทำอะไรแปลกใหม่  ช่วงหลัง ๆ งานยุ่ง
ๆก็ไม่ค่อยได้พาย่าไปต่างประเทศ แต่ก็พยายามจะพาไปเที่ยวในประเทศแทน

            คุณชายฝั่ง ยอมรับว่า
ได้รับอุปนิสัยบางอย่างมาจากคุณปู่คุณย่า ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นจากคุณปู่คุณย่าคือความไม่ย่อท้อ
ขยัน และเก็บหอมรอมริบ เพราะชีวิตคุณปู่คุณย่าเริ่มต้นจากศูนย์  คุณปู่ทำงานเป็นคนขับรถในโรงเรียนศึกษานารี
คุณย่าเป็นแม่ค้าขายขนมหวานในโรงเรียนเดียวกัน ตอนนั้น ยังไม่มีเงินมาก แต่เมื่อคุณชายโตมา
ยอมรับว่าไม่เคยลำบากสักครั้ง คุณปู่คุณย่าขยันมาก เก็บเงินเก่งจนซื้อรถได้เมื่อ
60 ปีที่แล้ว กระทั่งปัจจุบันมีที่ดินจำนวนมาก  

            “ลองดูว่า
อะไรคือจุดร่วมที่จะทำให้เรากับผู้สูงอายุในบ้านทำร่วมกันได้
และใช้เวลากับสิ่งนั้นร่วมกัน การพูดคุยก็จะดำเนินไปเอง
ที่สำคัญอย่าปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่เฉย ๆ อยู่นิ่ง ๆ เพราะจะทำให้เขาเฉา
และไม่แข็งแรง”  
คุณชายฝั่งทิ้งท้ายถึงการเชื่อมความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว

 

เข้าชม 130 ครั้ง
ดูข่าวเพิ่มเติม