15 DIGITAL TREND ที่น่าจับตามองในปี 2015
Bell Pottinger Digital (บริษัทที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์และสื่อสารชื่อดังจากอังกฤษ
ที่เคยเป็นข่าวดังทำพีอาร์ให้แก่ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ได้วิเคราะห์และรวบรวมเรื่องราวต่างๆ
ที่เกี่ยวกับการตลาดดิจิตัล ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2014 แล้วนำมาเรียบเรียงและวิเคราะห์กระแสที่อาจจะเกิดขึ้นในปี 2015
โดยมีรายละเอียดโดยสรุปดังนี้
1. การทำธุรกรรมการเงินผ่านโทรศัพท์ smart phone จะเพิ่มขึ้น คาดว่าภายในปี 2017 ครึ่งหนึ่งของผู้ใช้ smart phone จะใช้บริการธุรกรรมการเงินผ่านโทรศัพท์
2. องค์กรจะเริ่มทุ่มงบประมาณในการพัฒนาสื่อดิจิตัลมากยิ่งขึ้น มากถึง 40 พันล้านเหรียญในปี 2015
3. กระแส iWatch จะโดดเด่นมากในปี 2015 คาดว่า คนจะแห่ซื้อใช้มากกว่า 79 ล้านเครื่อง
4. งบประมาณการวางแผนสื่อสารภายในองค์กรจะเพิ่มขึ้น 17% และงบประมาณดังกล่าว จะถูกนำมาใช้ในการพัฒนาเครือข่ายภายในองค์กรผ่านโทรศัพท์ smart phone
5. ข้อความที่โดนพร้อมภาพที่ใช่ จะมีอิทธิพลต่อกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น 180%
6. branded content จะมีอิทธิพลมากยิ่งขึ้น 47% เพราะกลุ่มเป้าหมายต้องการประสบการณ์จากแบรนด์หรือองค์กรมากยิ่งขึ้น
7. ระบบ Beacon จะถูกนำมาใช้มากขึ้น ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายสามารถซื้อของผ่านโทรศัพท์ smart phone ได้ โดยกลุ่มร้านค้่า ร้านอาหาร การประชุม พิพิธภัณฑ์ จะหันมาใช้ระบบนี้มากขึ้น 60%
8. องค์กรที่พัฒนาเว็บแบบสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล ให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่า เป็นเว็บเพื่อเขา ของเขา จะส่งผลต่อการกระตุ้นยอดขายได้ถึง 19%
9. องค์กรจะต้องใช้ข้อมูลเพิ่มมากขึ้นในการทำการสื่อสารและการตลาด
10. การตลาดเชิงเนื้อหา หรือ content marketing จะถูกนำมาใช้ในธุรกิจ B2B มากยิ่งขึ้น
11. เทคโนโลยี AR (augmented reality) จะถูกใช้มากยิ่งขึ้น เพราะสามารถสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างและสมจริงด้วยการใช้ smart phone ส่องไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่ได้โปรแกรมไว้ ดูตัวอย่างและความหมายได้ที่
12. เครื่องพิมพ์แบบ 3 มิติ จะถูกนำมาใช้มากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษเฉพาะบุคคล เพียงหนึ่งเดียว 20% ของร้านค้าจะนำมาใช้มากขึ้น ดูตัวอย่างนวัตกรรมได้ที่
13. ผูับริโภคถวิลหาการตลาดแบบทันทีทันใด หรือ real time marketing (การตลาดที่ตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าในเวลา “ทันทีทันใด”)
14. ผู้บริโภคจะหันมาใช้โทรศัพท์ smart phone ในการท่องเว็บมากยิ่งขึ้น
15. Gamification จะถูกนำมาใช้มากขึ้น และอาจถึง 68.4% ในปี 2018 และ Gamification คือะไร Gamification เป็นการนำรูปแบบ กลไกหรือวิธีคิดแบบในเกม มาประยุกต์ใช้ในสิ่งที่ไม่ใช่เกม เพื่อเพิ่มความสนุก ความน่าใช้ น่าติดตาม ให้กับผู้ใช้ เหมาะกับการสร้าง Engagement เป็นอย่างมาก กลไกของเกมที่ใช้ในแนวคิด Gamification 1. คะแนนสะสม (Points) 2. เหรียญตราสัญลักษณ์ (Badges) เป็นเสมือนของที่บ่งบอกถึงความพิเศษบางอย่าง 3. ระดับขั้น (Levels) พบเห็นได้ในเกมเกือบทุกเกมคือ มีระดับความยากที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้เล่นรู้สึกว่าต้องใช้ความพยายามในการเอาชนะ และเมื่อชนะได้ จะเกิดความภูมิใจ ซึ่งเป็นเหมือนความสำเร็จเล็กๆ ในการเล่น 4. ตารางอันดับ (Leaderboard) เป็นการจัดอันดับจากคะแนนสะสมในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันขึ้นมาระหว่างผู้เล่นภายในเกม 5. การถูกท้าทาย (Challenges) มักจะเป็นอะไรที่ยากเกินกว่าจะทำคนเดียวได้ คล้ายกับเป็นการชักชวนกลุ่มเพื่อนให้มาทำกิจกรรมบางอย่าง
เข้าชม 11 ครั้ง