“เสียเวลายื่นปริญญาบัตรให้บัณฑิตคนละ 6-7 วินาทีนั้น แต่ผู้ได้รับนั้นมีความสุขเป็นปีๆ เปรียบกันไม่ได้เลย” คือพระราชกระแสรับสั่ง ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช เคยตรัสไว้เมื่อครั้งมีผู้กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ทรงลดการเสด็จพระราชทานปริญญาบัตร โดยเสนอให้พระราชทานปริญญาบัตรเฉพาะระดับมหาบัณฑิตขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงปฏิเสธ เพราะทรงเห็นว่าการพระราชทานปริญญาสำหรับผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีนั้นสำคัญ เนื่องจากบางคนอาจไม่มีโอกาสศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก จึงตรัสว่า “จะพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตปริญญาตรีไปจนกว่าจะไม่มีแรง” โดยพระองค์เสด็จพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกในปี พ.ศ.2493 จนถึงปี 2540 เป็นเวลา 50 ปี กับ 10 มหาวิทยาลัยที่ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ในหลวง รัชกาลที่ 9
ซึ่ง “เปิ้ล นาคร” ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ได้รับมงคลสูงสุดในชีวิตเมื่อได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ศิลปกรรมศาสตรบัณฑิต สาขานฤมิตรศิลป์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังจากเคยรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 ตอนเรียนมัธยมาแล้วครั้งหนึ่ง ยังความปลาบปลื้มมาจนถึงทุกวันนี้ เช่นเดียวกับอดีตเศรษฐศาสตรบัณฑิตลูกแม่โดม “ตุ้ย ธีรภัทร” ที่แม้เวลาจะผ่านมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่ก็ยังจดจำได้ทุกวินาทีขณะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
ซึ่งนอกจาก “ตุ้ย ธีรภัทร์” จะน้อมนำคำพ่อสอนมาเป็นหลักในการใช้ชีวิตตลอดมาแล้ว ยังปลูกฝังลูกชายวัย 6 ขวบน้อง “ไตตั้น ธีชา” ให้รับรู้ถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ไม่ต่างกันกับ “เปิ้ล นาคร” ที่ตั้งใจนำคำสอนและแนวทางที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงวางไว้ มาสอนลูกๆ ทั้ง 4 คน ด้วยเห็นว่าเป็นคำสอนที่ประเสริฐที่สุดแล้ว
“เปิ้ล นาคร” ยังยึดคำสอนของในหลวง รัชกาลที่ 9 เรื่อง “ความเพียร” มาเป็นหลักในการใช้ชีวิตและการแข่งกีฬาเจ็ตสกี ซึ่งไม่เพียงความภูมิใจต่อชัยชนะในเกมกีฬา แต่ยังภาคภูมิใจที่สามารถชนะใจตัวเองได้อีกด้วย