กลายเป็นอีกคนบันเทิงที่เอาอนาคตมาทิ้งเพราะยานรกแท้ๆ อดีตนักร้องยุค 90 “ปุ๊กกี้ ปริศนา” วัย 40 และสามี “ชลวิทย์ คีตะตระกูล” ที่ถูกรวบตัวคาบ้านพักพร้อมของกลางจำนวนมาก เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2562 ที่ผ่านมา
โดยพลตำรวจโท “ชินภัทร สารสิน” ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยผลการสอบปากคำปุ๊กกี้ว่า นักร้องคนดังสารภาพว่าต้องการเงิน เพราะเห็นว่าการค้ายาเสพติดได้เงินจำนวนมากและรวดเร็ว โดยการกระทำในครั้งนี้ได้ส่วนแบ่งจากการค้ายา กว่า 700,000 บาท ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลพฤติกรรมของปุ๊กกี้ กับสามี ว่าจำหน่ายยาเสพติดมาเป็นระยะเวลานานเท่าใด นอกจากนี้ยังพบหลักฐานว่ามีกลุ่มเพื่อนสนิทและบุคคลใกล้ชิดราว 5 คน ติดต่อกับปุ๊กกี้ ตำรวจจะเร่งตรวจสอบความเชื่อมโยงว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ในการเสพยาเสพติดหรือร่วมกันค้ายาเสพติดหรือไม่ต่อไป
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังเผยอีกว่า การถูกจับกุมครั้งนี้ เป็นการจัดหายาเสพติดให้ชาวต่างชาติเป็นครั้งที่สอง ซึ่งปุ๊กกี้มีเงินหมุนเวียนในบัญชีระยะเวลา 2 ปี ประมาณสิบล้านบาท โดยรับยาเสพติดมาจากย่านโชคชัย 4 ที่ตำรวจตรวจพบว่าเป็นเครือข่ายของชาวไทย และอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นเครือข่ายในพื้นที่หรือเป็นเพียงจุดนัดรับของเท่านั้น เพื่อขยายผลถึงแหล่งที่มาของยาเสพติด เนื่องจากเข้าข่ายเป็นเอเย่นรายใหญ่ค้ายาเคชาวไทย และเป็นเครือข่ายค้ายาข้ามชาติ
ด้าน “ต๋อง สุรพันธ์” อดีตสามีของปุ๊กกี้ ได้เปิดเผยกับสื่อว่า ตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้น โดยลูกทั้งสองคนรู้เรื่องแล้ว ซึ่งลูกเป็นคนนำข่าวมาให้ดู เพราะไม่คิดว่าเป็นความจริง ซึ่งเมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมดทุกคนก็โอเค เนื่องจากลูกๆ โตแล้วและเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด ประกอบกับตอนนี้ชีวิตตัวเองและลูกๆ ก็โอเคอยู่แล้ว ซึ่งทำใจได้กับเรื่องนี้ แต่กังวลไม่อยากให้พาดพิงมาถึงลูกๆ
โดยต๋องยังยืนยันว่า ไม่เคยกีดกันหรือห้ามไม่ให้ปุ๊กกี้มาเจอลูก แต่ความจริงคือ ปุ๊กกี้ไม่เคยมาหาลูกเลย มีบางครั้งที่นัดมาเจอกัน แต่สุดท้ายลูกๆ ต้องเป็นฝ่ายไปหาเอง ซึ่งเหมือนคนไม่รู้จักกัน เพราะห่างกันมาก รวมทั้งเป็นฝ่ายคุณแม่ของปุ๊กกี้ด้วยซ้ำที่มาหาหลานๆ บ่อยครั้งกว่า
และเมื่อวานนี้(19 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้คุมตัวปุ๊กกี้ และสามี ไปขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก ที่ศาลอาญา รัชดา โดยตำรวจได้แจ้งข้อหา ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อขายโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษไว้ในครองครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาผลิตยาเสพติดนั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนผลการตรวจปัสสาวะ ปุ๊กกี้ และสามี ที่พบว่ามีสารเสพติดในปัสสาวะทั้งคู่นั้น ตำรวจไม่ได้แจ้งข้อหาดังกล่าวเพราะทั้งคู่มีข้อหาครอบครองยาเสพติดแล้วและมีอัตราโทษสูงกว่า ครอบคลุมกว่าทั้งนี้ในท้ายคำร้อง ตำรวจได้ยื่นคำร้องขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เพราะเกรงว่าจะหลบหนีและยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
โดยในช่วงเย็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายชลวิทย์ คีตะตระกูล สามีของปุ๊กกี้ นายหง เจิ้ง อี้ ชาวไต้หวัน ผู้ต้องหาคดีครอบครองยาเสพติด ไปคุมขังยังทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ส่วนปุ๊กกี้ ถูกนำตัวไปคุมขังยังทัณฑสถานหญิงกลาง หลังผู้ต้องหาทั้งสามไม่ได้ยื่นหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว
