และแล้วเวลาก็ทำหน้าที่ของมันเอง เมื่อความจริงถูกตรวจสอบ “มิ้ง ศวภัทร” อดีตแฟนสาวของนักแสดงหนุ่มหน้าใส “กัปตัน ชลธร” ก็ยอมจำนนต่อหลักฐาน ออกมาสารภาพบาปพร้อมยกมือไหว้ขอโทษออกสื่อที่โกหกคำโตต่อหน้าคนทั้งประเทศด้วยการตั้งโต๊ะแถลงข่าวอ้างว่าท้องกับฝ่ายชายเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา
ย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของมหากาพย์ “มิ้งโป๊ะแตก” เมื่อชาวเน็ตต่างพากันขุดคุ้ยหาความจริง และออกมาแฉแบบละเอียดยิบไล่เป็นไทม์ไลน์เริ่มตั้งแต่
– 25 พ.ค. รู้ว่าท้องจากการซื้อที่ตรวจครรภ์ที่ร้านสะดวกซื้อ
– 26 พ.ค. ขอปัสสาวะรุ่นน้องที่ท้องมา เพื่อเทียบกับผลของตนเอง
– 27 พ.ค. ไปตรวจที่โรงพยาบาลพบว่าท้อง
– 11 มิ.ย. แถลงข่าวพร้อมกัปตันและครอบครัว
– 13 มิ.ย. มิ้งไออย่างหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล
– 18 มิ.ย. มีไข้และอาเจียน จึงไปรพ.อีกรอบ
– 22 มิ.ย. มีเลือดออกจางๆ
– 26 มิ.ย. ปวดท้อง
27 มิ.ย. ไปตรวจพบว่าแท้ง แต่ไม่ออกมาพูด เจ้าตัวอ้างเป็นเพราะไม่ใช่ดารา บวกกับกระแสสังคมแรง คนมองว่าโกหกเพราะเคยมีคนออกมาแฉว่า เคยทำแบบนี้กับแฟนเก่ามาก่อน
ในขณะที่โลกโซเชียลครุกรุ่น หลายคนเริ่มทวงคืนความยุติธรรมให้ “กัปตัน” 20 กรกฎาคม “มิ้ง” ก็ฉวยโอกาสหวังคลายปมที่ผูกด้วยการออกมาโพสต์ข้อความแบบยาวเหยียดลงในอินสตาแกรมส่วนตัวระบุว่าแท้ง โดยมีสาเหตุมาจากความเครียดและปัญหาด้านสุขภาพ พร้อมขอให้ลืมเรื่องทั้งหมดและจะกลับไปใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม
นั่นจึงเป็นเหตุให้ครอบครัวของ “กัปตัน” ตัดสินใจร่อนจดหมายถึงสื่อในวันที่ 1 สิงหาคม กรณียื่นฟ้อง “มิ้ง” ทั้งคดีอาญาต่อศาลอาญาในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและคดีแพ่งต่อศาลแพ่งในฐานความผิดละเมิดการกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย เพื่อสืบหาความจริง
4 กันยายน ศาลนัดทั้งคู่เพื่อไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งหลังใช้เวลาอยู่ในห้องไกล่เกลี่ยร่วม 3 ชั่วโมง “มิ้ง”ก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ยอมรับว่าสร้างเรื่องลวงโลกเพียงเพราะอยากจะรั้งให้ “กัปตัน”กลับมารักตนเหมือนเดิม
ผิดกับหนุ่ม “กัปตัน” ที่หวิดเกือบจะเป็นคุณพ่อวัยใส ที่เดินออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมออกปากว่าโล่งใจมากที่ความจริงปรากฎ ยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนครั้งสำคัญของชีวิต ส่วนความสัมพันธ์กับสาว “มิ้ง”คงเหลือไว้แค่คนรู้จัก และจะเดินหน้าทำงานของตัวเองต่อไป
ถึงแม้ทางกฎหมายคดีความของทั้งคู่อาจจะจบลงด้วยดี แต่ในเรื่องของศีลธรรม และความถูกต้อง เชื่อว่าน่าจะยังคงอยู่ในความทรงจำของคนในสังคมไปอีกนาน และแน่นอนว่าเรื่องนี้ก็จะเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ของคู่รักวัยใสอีกหลายคู่ด้วยเช่นกัน