มาเยือนแดนซามูไรทั้งที ซือเจ๊สั่งลุยของเรา ก็เลยอยากแปลงโฉมเป็นสาวญี่ปุ่นให้เข้ากับคนที่นี่ แต่กว่าจะได้ชุดยูกาตะที่ถูกใจ ก็เลือกแล้วเลือกอีก ก่อนจะมาลงตัวที่ชุดสีแดงแรงฤทธิ์ ก่อนที่ชาวคณะไนน์เอ็นเตอร์เทนทัวร์ จะลุยไปเที่ยวอีกหลายที่ ก็ขอเติมพลังกันหน่อย ซึ่งอาหารมื้อแรกในแดนปลาดิบก็ต้องพิเศษ เพราะเป็นร้านเก่าแก่ของเมืองเกียวโต แถมยังมีหลากหลายเมนูเด็ด ให้ชาวคณะไนน์เอ็นเตอร์เทน ได้ละเลียดทานกันอย่างเต็มอิ่ม โดยมีพิธีกรเซเลบของเรา รับหน้าที่บริการให้ถึงโต๊ะเลย
จากเมืองนาราก็มุ่งหน้าสู่เมืองวาคายามา ตอนใต้ของภูมิภาคคันไซ โดยเป้าหมายอยู่ที่ตลาดปลาคุโรชิโอะ ที่อาหารทะเลสดๆ รอให้เราไปลิ้มลองกันอยู่ แต่ที่เด็ดไปกว่านั้น คือเขามีการแล่ปลามะกุโระ หรือ ปลาทูน่า ได้ดูกันฟรีๆ ด้วย งานนี้ เจ๊บุ๋ม และเจ๊บอยของเรา ก็ได้มีโอกาสลองจับมีดแล่ปลามากุโระ เป็นครั้งแรกในชีวิตด้วย
นอกจากอิ่มท้อง ทริปไนน์เอ็นเตอร์ทัวร์ หมายเลข 11 ยังพามาอิ่มใจกับบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก กับการชมพระอาทิตย์ตกดินที่เกาะเอ็นเก็ทซึ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวริงไค โดยเกาะแห่งนี้มีลักษณะเหมือนแว่นตา เราจะสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลับขอบฟ้า ผ่านช่องว่างระหว่างเกาะนี้
หลังจากพักผ่อนกันเต็มอิ่มแล้ว ก็พร้อมเที่ยวกันแบบ
นอนสต็อป โดยจุดหมายต่อไป..นี่เลย ลานหินเซนโจจิกิ ในเมืองชิราฮามะ ซึ่งมีลักษณะเป็นลานหินสีขาวขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บริเวณปลายสุดของแหลมเซะโตะซะกิ เกิดขึ้นจากการกัดกร่อนของคลื่นน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิก ทำให้เกิดเป็นลานหินกว้างเท่ากับเสื่อทาทามิ มาวางเรียงกันกว่าหลายพันแผ่น จึงเป็นที่มาของชื่อเซนโจจิกิ ที่มีความหมายว่าเสื่อทาทามิที่ปูเรียงกันพันแผ่น จากลานหินเซนโจจิกิไปไม่ไกลนัก มีสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจ นั่นก็คือ ซันดันเบกิ เพราะเป็นกำแพงหน้าผาสูงชันถึง 50 เมตรเลยทีเดียว
ส่วนที่เห็นอยู่นี่ คือ ฮะชิคุยอิวะ ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล จนเกิดเป็นการเรียงตัวกันอย่างน่าอัศจรรย์ของโขดหินกว่า 40 ต้น เล่นเอาชาวคณะของเราต้องลงไปสัมผัสแบบใกล้ชิดกันหน่อยค่ะ
คราวนี้ ข้ามจากเมืองชิราฮามะ มายังเมืองคุชิโมโตะ ซึ่งมีเมนูเด็ดให้รอให้เราไปลิ้มลองกัน ก็คือชาบูเนื้อปลามุโระ ที่ทานได้ทั้งแบบดิบ หรือจะต้มให้สุกในหม้อกระดาษเก๋ๆ อิ่มท้องแล้วก็ไปยืนรับลมเย็นๆ ชมวิวแบบ 360 องศา ที่หอคอย ชิโอะโนะมิซากิ จุดชมวิวยอดฮิตของที่นี่ ส่วนสถานที่ต่อไปดูจะถูกใจแม่บ้านสายช็อปเป็นพิเศษ เพราะเราพาไปชมโรงงานทำโชยุ หรือซีอิ๊ว ซึ่งที่นี่ถือเป็นต้นกำเนิดโชยุ ที่ยังคงผลิตด้วยกรรมวิธีาการหมักบ่มในถังไม้อายุ 140 ปี ทำให้ได้รสชาตอร่อยแบบ ออริจินัล จนชาวคณะยอมแบกโชยุ From Japan กลับมาเมืองไทยกันคนละหลายขวด มาเยือนจังหวัดวากายามาทั้งที จะพลาดชมปราสาทวากายามาได้ยังไง ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ เมื่อราว 400 กว่าปีมาแล้ว และแม้จะเคยถูกไฟไหม้ไปถึง 2 ครั้ง แต่ก็ซ่อมแซมจนกลับมาอยู่สภาพสมบูรณ์อีกครั้ง
ระดับบอย-บุ๋มแล้ว เรื่องกินจะธรรมดาได้ไง เพราะร้านต่อไปที่จะชาวคณะจะได้อิ่มท้องกัน คือ ร้านเด็ดร้านดัง กังโกะซูชิ ซึ่งเดิมเป็นบ้านของสถาปนิก ที่ตกแต่งอย่างเก๋ไก๋ ก่อนถูกนำมาดัดแปลงให้เป็นร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม